ภูมิแพ้ในแมวเกิดจากการตอบสนองที่ผิดปกติต่อสิ่งเร้าในสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัว หากพบว่าพวกเค้ามีท่าทางไม่สบายตัว จามอย่างต่อเนื่อง และเกาตัวเองไม่หยุด อาการเหล่านี้คืออาการแพ้ในแมวที่พบได้บ่อย
อาการแพ้ของแมวมีหลากหลายรูปแบบ อย่างอาการคันหรืออาการระคายเคือง อาจทำให้น้องแมวเกาหรือกัดแทะตัวเองไม่หยุด แต่สำหรับอาการที่ส่งผลต่อการหายใจถือว่าร้ายแรงที่สุด และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
หากระบุได้ว่าสารก่อภูมิแพ้ชนิดใดส่งผลกับน้องแมว เราก็สามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้ และหาวิธีดูแลพวกเค้าได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ขั้นตอนแรกในการรักษาโรคภูมิแพ้แมวคือค้นหาว่าอะไรเป็นสาเหตุ โดยการไปพบสัตวแพทย์เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการค้นหาตัวกระตุ้นการแพ้ของแมว
ภูมิแพ้ในแมวอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่อาการทั้งหมดมักเกิดจาก 3 สาเหตุหลัก นั่นคือภูมิแพ้น้ำลายหมัด ภูมิแพ้อาหาร และภูมิแพ้สารในสิ่งแวดล้อม(โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง)
เป็นอาการแพ้ที่พบบ่อยที่สุด มักเกิดจากการโดนหมัดกัดหรือเป็นผลข้างเคียงจากยากำจัดหมัด โดยอาการคันจะเป็นอาการที่เด่นชัดที่สุดของภูมิแพ้ประเภทนี้ หากพบว่าน้องแมวเกาหรือกัดแทะตัวเองบ่อย ๆ โดยเฉพาะบริเวณโคนหาง มันอาจเป็นไปได้ว่าพวกเค้ากำลังแพ้น้ำลายหมัด
การแพ้อาหารอาจทำให้น้องแมวอาเจียน ท้องเสีย และอาจมีอาการคันร่วมด้วย โดยเฉพาะบริเวณคอและศีรษะ ในกรณีที่มีอาการรุนแรง น้องแมวอาจมีปัญหาขนร่วงเป็นหย่อม ควรรีบไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่าพวกเค้าแพ้อาหารชนิดใด และขอคำแนะนำเรื่องการเลือกสูตรอาหารที่เหมาะสม
การแพ้สารในสิ่งแวดล้อมอาจมีตัวกระตุ้นที่แตกต่างกัน เช่น ต้นไม้บางชนิด ละอองเกสร และเชื้อรา น้องแมวบางตัวอาจแพ้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือน้ำหอมจากทรายแมว นอกจากนี้น้องแมวยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคผื่นผิวหนังอักเสบในแมวด้วย โดยพวกเค้าจะมีอาการคันอย่างรุนแรง ซึ่งนำไปสู่การอักเสบที่ผิวหนัง มีรอยแดง มีแผลตกสะเก็ด และขนร่วง
บางอาการก็เพียงแค่สร้างความน่ารำคาญให้พวกเค้า แต่บางอาการก็เป็นอันตรายถึงชีวิต ทั้งนี้ลักษณะอาการและความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับชนิดของภูมิแพ้
สำหรับน้องแมวบางสายพันธุ์ที่มีอาการท้องเสีย จะมีคราบสกปรกติดอยู่บริเวณบั้นท้าย ส่วนในน้องแมวทั่วไป เราสามารถสังเกตอาการได้จากลักษณะของอุจจาระ หากพบว่าน้องแมวอุจจาระกึ่งเหลวหรืออุจจาระเหลวบ่อยเกินสองวัน ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

อาการนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเป็นเพราะก้อนขนอุดตันในทางเดินอาหาร หรืออาจแพ้สิ่งเร้า อย่างเกสรดอกไม้ เชื้อรา และควันบุหรี่ การหายใจลำบากหรือหายใจดังยังเป็นผลมาจากความเครียดได้ด้วย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมอย่างกะทันหัน และควรให้เวลาน้องแมวปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ด้วย
อาการตาแฉะหรือมีคราบน้ำตาเป็นอาการแพ้ของแมวที่เด่นชัดกว่าอาการอื่น ๆ ซึ่งอาจเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น เชื้อรา
หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในบ้าน แต่ในขณะเดียวกันก็อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง อย่างการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียได้ด้วยเช่นกัน

อาการคันหรือรอยแดงบนผิวหนังอาจเกี่ยวข้องกับโรคผื่นผิวหนังอักเสบในแมว โดยผิวหนังของพวกเค้าจะมีอาการบวมแดง มีแผลพุพองขนาดเล็กจากอาการระคายเคือง หรือจากอาการแพ้สิ่งเร้าภายนอก

หากน้องแมวมีอาการแพ้ไม่มากและมีอาการคันเพียงเล็กน้อย แชมพูประเภทนี้เป็นตัวช่วยที่ดีเลย
การใช้ยารักษาอาการคันและยาต้านการอักเสบที่ช่วยลดรอยแดงและบวม อย่างยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการคันอย่างรุนแรงในแมว แต่จำเป็นต้องปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการใช้ยาที่ถูกต้องและปลอดภัย
ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อเลือกวิธีป้องกันเห็บหมัดที่เหมาะสำหรับน้องแมวของคุณ การป้องกันนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อภูมิแพ้น้ำลายหมัดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ควรทำความสะอาดบ้านเป็นประจำเพื่อตัดวงจรชีวิตของหมัด โดยเฉพาะในช่วงเดือนที่มีอากาศอบอุ่น แม้ว่าน้องแมวจะไม่มีหมัดบนตัว แต่ก็ควรใช้ยาป้องกันหมัดและถ่ายพยาธิ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหนอนพยาธิในแมว และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปรสิตตัวร้ายเหล่านี้
จำกัดการให้อาหารน้องแมว โดยเลือกให้ทีละชนิดหรือทีละประเภท เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าน้องแมวแพ้อาหารชนิดไหน โดยส่วนใหญ่น้องแมวมักแพ้อาหารจำพวกโปรตีน ซึ่งอาหาร 3 อันดับแรก ได้แก่ เนื้อวัว (18%) เนื้อปลา (17%) และเนื้อไก่ (5%) การหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้จะช่วยลดความรุนแรงของอาการแพ้ในแมวลง
อาการแพ้ของแมวที่พบบ่อยที่สุดคืออาการบริเวณผิวหนัง มันอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ และพบได้ในน้องแมวทุกเพศทุกวัย ทั้งนี้ในลูกแมวอาจไม่มีอาการแสดงอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้หมายความพวกเค้าจะไม่มีอาการแพ้ ดังนั้นหากพบอาการใด ๆ ต่อไปนี้ ควรรีบพาพวกเค้าไปพบสัตวแพทย์ในทันที
อาการแพ้ของแมวแต่ละตัวอาจแตกต่างกันออกไป ดังนั้นจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลที่เหมาะสม


แมวมีความไวต่อสิ่งเร้าที่หลากหลาย พวกเค้าอาจแพ้อาหาร ยา พืช และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง อย่างไรก็ตามการแพ้หมัด แพ้สารในสิ่งแวดล้อม และ/หรือแพ้อาหารเป็นภูมิแพ้ที่พบบ่อยที่สุดในแมว
เพียงแค่ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ เลือกใช้ทรายแมวที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม ป้องกันเห็บหมัดให้น้องแมว หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอม และไม่สูบบุหรี่ใกล้กับบริเวณที่น้องแมวอยู่
หากน้องแมวเป็นภูมิแพ้ คุณจะสังเกตเห็นอาการ พฤติกรรม และสภาพร่างกายบางอย่างที่ได้รับผลกระทบจากการแพ้ เช่น:
ขึ้นอยู่กับว่าน้องแมวของคุณแพ้อะไร แพ้สิ่งเร้าในสิ่งแวดล้อมหรือแพ้อาหาร หากพวกเค้าแพ้อาหาร ก็จำเป็นต้องเลือกอาหารสูตรใหม่ที่เหมาะสม แต่หากน้องแมวมีอาการแพ้บริเวณผิวหนัง การกินอาหารสูตรใหม่และน้ำที่สะอาดตลอดระยะเวลา 8 - 10 สัปดาห์ อาการก็จะค่อย ๆ หายไป
น้องแมวส่วนใหญ่ที่เป็นภูมิแพ้ทางเดินหายใจ มักจะแพ้สิ่งเร้าหลากหลายชนิด แต่อาการคันอาจเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งหากอากาศไม่เปลี่ยนแปลงบ่อยหรือมีตัวกระตุ้นน้อย
ไฟเบอร์นับเป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของอาหารแมว มีทั้งหมด 2 ชนิด หนึ่งคือไฟเบอร์ละลายน้ำได้ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด สองคือไฟเบอร์ไม่ละลายน้ำ จะเพิ่มกากใยในลำไส้ ช่วยให้ขับถ่ายง่าย รวมถึงก่อให้เกิดกรดไขมันสายสั้น (SCFA) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของเซลล์และช่วยเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีในลำไส้ ไฟเบอร์ในอาหารแมวยังช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี ทำให้อิ่มท้องนาน ป้องกันการกินอาหารมากเกินไป
แม้ไฟเบอร์จะมีประโยชน์มากมาย แต่ถ้าได้รับมากเกินความต้องการ อาจขัดขวางการดูดซึมสารอาหารบางชนิดได้ ดังนั้นควรตรวจสอบและกำหนดปริมาณของไฟเบอร์ให้เหมาะสม เพื่อสนับสนุนการทำงานของระบบย่อยอาหาร ซึ่งมีส่วนช่วยให้แมวอายุยืนยาว มีชีวิตชีวา และมีความเป็นอยู่ที่ดี
ทุกวันนี้ ผู้คนต่างตระหนักถึงประโยชน์และบทบาทของไฟเบอร์มากขึ้น หลายคนปรับเปลี่ยนวิธีการเลือกอาหารของตัวเองและสัตว์เลี้ยง แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดี แต่ผู้ผลิตบางรายกลับคิดค้นอาหารแมวที่มีไฟเบอร์สูงตามหลักโภชนาการของคน ซึ่งอาจไม่เหมาะกับสุขภาพของแมว เนื่องจากแมวมีความต้องการทางโภชนาการแตกต่างจากเรา พวกเค้าเป็นสัตว์กินเนื้อ จึงต้องการสารอาหารจากเนื้อสัตว์มากกว่าพืช อีกทั้งยังมีระบบทางเดินอาหารสั้นกว่าเรามาก นี่เป็นเหตุผลที่นักโภชนาการสัตว์เลี้ยงของไอแอมส์ทุ่มเทศึกษานานกว่า 60 ปี เพื่อคิดค้นอาหารที่ตอบสนองความต้องการทางโภชนาการของแมวโดยเฉพาะ
ไมโครไบโอมคือชุมชนของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในร่างกาย เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหาร ไมโครไบโอมส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพของแมว มีบทบาทสำคัญในการย่อยอาหาร ดูดซึมสารอาหาร สนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และยังส่งผลต่อรูปแบบพฤติกรรมด้วย การรักษาความสมดุลภายในไมโครไบโอมจึงถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความเป็นอยู่โดยรวมของแมว
เมื่อพูดถึงโภชนาการและสุขภาพลำไส้ของแมว ไฟเบอร์ส่งผลอย่างมากต่อการรักษาและเปลี่ยนแปลงความสมดุลของไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหาร โดยก่อให้เกิดการตอบสนองและผลลัพธ์ดังนี้
เมื่อแมวกินอาหารที่มีไฟเบอร์เข้าไป ไมโครไบโอมในลำไส้จะปรับตัวให้เข้ากับการทะลักเข้ามาของไฟเบอร์ที่ย่อยไม่ได้
ไฟเบอร์บางชนิดก็ทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติก ส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ เช่น บิฟิโดแบคทีเรียมและแลคโตบาซิลลัส ซึ่งจำเป็นต่อสุขภาพของลำไส้
การหมักไฟเบอร์ด้วยแบคทีเรียในลำไส้ส่งผลให้เกิดการผลิตกรดไขมันสายสั้น (SCFA) รวมถึงอะซิเตท โพรพิโอเนต และบิวทิเรต
กรดไขมันสายสั้นมีบทบาทสำคัญในการบำรุงเซลล์เยื่อบุลำไส้ มีส่วนช่วยให้เยื่อเมือกสมบูรณ์ เสริมการดูดซึมสารอาหารและการทำงานของลำไส้โดยรวม
การหมักย่อยของไฟเบอร์ก่อให้เกิดแก๊สและผลพลอยได้อื่น ๆ ซึ่งส่งผลต่อระดับ pH ในลำไส้ ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ไม่สนับสนุนการเติบโตของเชื้อโรคที่เป็นอันตราย
จากการวิจัยของไอแอมส์ เราพบว่าปริมาณไฟเบอร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแมวจะอยู่ในช่วง 1.4 – 3.5% เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อการสลายตัวของสารอาหาร แต่ในบางกรณี เช่น แมวมีปัญหาก้อนขนอุดตัน อาหารที่มีไฟเบอร์สูงกว่านี้อาจเป็นประโยชน์
ลักษณะเด่นของไฟเบอร์คือความสามารถในการหมักย่อยหรือความสามารถในการย่อยสลายโดยแบคทีเรียในลำไส้ได้เป็นอย่างดี การย่อยสลายนี้ทำให้เกิดกรดไขมันสายสั้นซึ่งเป็นแหล่งพลังงานแก่ลำไส้ ไฟเบอร์แตกต่างกันไปตามความสามารถในการหมักย่อย แหล่งไฟเบอร์ที่ใช้ในอาหารสัตว์เลี้ยงได้แก่ เซลลูโลส ซึ่งหมักย่อยได้ไม่ค่อยดี บีทพัลพ์หมักย่อยได้ในระดับปานกลาง ส่วนยางไม้และเพกทินหมักย่อยได้ดีมาก อย่างไรก็ตาม การวิจัยแสดงให้เห็นว่าไฟเบอร์ที่หมักย่อยได้ในระดับปานกลางนั้น มีประโยชน์และให้พลังงานได้มากโดยไม่มีผลกระทบ เช่น อุจจาระมากไปหรือมีแก๊สในทางเดินอาหารมากเกินไป มันจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
การเพิ่มไฟเบอร์เข้าไปในอาหารแมวมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ซึ่งส่งผลต่อความเป็นอยู่โดยรวมของแมว โดยข้อดีของอาหารแมวที่มีไฟเบอร์สูงมีดังนี้
ไฟเบอร์มีส่วนช่วยเสริมการย่อยอาหารและเพิ่มกากใย ทำให้อุจจาระนิ่ม ขับถ่ายง่าย และลดอาการท้องผูก
ไฟเบอร์ในอาหารจะทำให้แมวรู้สึกอิ่มท้องนานขึ้น ป้องกันการกินอาหารมากเกินพอดี ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมน้ำหนัก
ปริมาณไฟเบอร์ที่เพิ่มขึ้นช่วยควบคุมและลดก้อนขนที่อุดตันอยู่ในระบบทางเดินอาหาร โดยกากใยจะช่วยจับเส้นขนรวมกันเป็นก้อน ทำให้เคลื่อนผ่านทางเดินอาหารได้ง่ายขึ้น
อาหารแมวไฟเบอร์สูงมีบทบาทสำคัญในการจัดการโรคเบาหวานในแมว กากใยที่เพิ่มขึ้นช่วยให้การย่อยและการดูดซึมคาร์โบไฮเดรตช้าลง ส่งผลให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
ไฟเบอร์ละลายน้ำได้มีคุณสมบัติในการลดไขมันในเลือดหรือคอเลสเตอรอล ด้วยการจับกับโมเลกุลของคอเลสเตอรอลและส่งเสริมการขับถ่าย
อาหารแมวไฟเบอร์สูงเหมาะสำหรับแมวที่เป็นโรคอ้วน เบาหวาน หรือมีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากช่วยน้ำหนักและระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี
ในบางกรณี อาจมีการแนะนำให้เลือกอาหารแมวที่มีไฟเบอร์ต่ำ แต่คุณก็ต้องพิจารณาข้อเสียที่อาจส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของแมวด้วย
อาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาท้องผูกในแมวได้ เนื่องจากขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการควบคุมการเคลื่อนไหวของลำไส้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้อาการท้องผูกอาจส่งผลให้แมวรู้สึกไม่สบายและเกิดอาการแทรกซ้อนได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
อาหารแมวไฟเบอร์ต่ำอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้ดูดซึมสารอาหารที่ไม่เพียงพอ จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ของแมว
แม้ว่าอาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ แต่หากไม่ดูแลอย่างระมัดระวัง เจ้าเหมียวอาจกินอาหารมากขึ้นเพื่อชดเชยปริมาณแคลอรีที่ลดลง
การกินอาหารไฟเบอร์ต่ำอย่างต่อเนื่องอาจทำให้แมวได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลทางโภชนาการและปัญหาด้านสุขภาพ
การตระหนักถึงข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจและเลือกอาหารแมวได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่โดยรวมของแมว
ในการเลือกอาหารสัตว์เลี้ยง ไฟเบอร์ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่พ่อแม่แมวทุกคนต้องพิจารณา แนะนำให้เลือกอาหารที่มีปริมาณไฟเบอร์เหมาะสม มีแหล่งที่มาจากบีทพัลพ์ เพราะมีประโยชน์และให้พลังงานได้ดีโดยไม่ส่งผลกระทบด้านลบ ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารแมวที่มีไฟเบอร์ต่ำ เพราะอาจทำให้แมวได้รับแคลอรีน้อยลงและขาดสารอาหารที่ต้องการ
ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงทั้งหมดของไอแอมส์™ เช่น ไอแอมส์ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรแมวโตเต็มวัย มีส่วนผสมของบีทพัลพ์ซึ่งหมักย่อยได้ในระดับปานกลาง ช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีของลำไส้ เป็นสูตรเฉพาะของไอแอมส์™ และได้รับการคุ้มครองโดยสิทธิบัตรสหรัฐอเมริกาหมายเลข 5,616,569 สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีไฟเบอร์ที่หมักย่อยได้และใช้ในกระบวนการรักษาความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
การดูแลและกำหนดปริมาณไฟเบอร์ให้เพียงพอต่อความต้องการของแมวถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยคุณสามารถทำตามคำแนะนำเหล่านี้ได้
บนบรรจุภัณฑ์ของอาหารแมวไอแอมส์™ มีการระบุข้อมูลทางโภชนาการโดยละเอียด คุณสามารถตรวจสอบปริมาณไฟเบอร์ที่แนะนำและเพียงพอต่อความต้องการของแมวในแต่ละวันได้
อาหารแมวไอแอมส์™ มีให้เลือกหลากหลายประเภท รวมถึงสูตรที่ออกแบบมาเพื่อความต้องการเฉพาะ เช่น การควบคุมน้ำหนัก การจัดการปัญหาก้อนขน และการดูแลสุขภาพทางเดินอาหาร
หากคุณอยากเปลี่ยนมาให้อาหารแมวไอแอมส์™ สูตรใหม่ แนะนำให้เปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ระบบย่อยอาหารของแมวปรับตัว
แมวแต่ละตัวมีความต้องการและพฤติกรรมการกินแตกต่างกัน ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณไฟเบอร์ที่เหมาะสม โดยคุณหมอจะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ น้ำหนัก และสุขภาพโดยรวม
ไอแอมส์ระบุแนวทางการให้อาหารบนบรรจุภัณฑ์ คุณสามารถตรวจสอบและปรับเปลี่ยนปริมาณอาหารได้ตามความเหมาะสม โดยพิจารณาได้จากระดับกิจกรรมหรือเป้าหมายในการควบคุมน้ำหนัก
อาหารแมวไอแอมส์™ มีให้เลือกทั้งแบบเปียกและแบบเม็ด การให้อาหารทั้งสองชนิดจะช่วยให้คุณมั่นใจว่าแมวจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
การตรวจสุขภาพจะทำให้คุณรู้ว่าแมวแข็งแรงหรือไม่ มีปัญหาแอบแฝงอยู่หรือเปล่า รวมถึงสามารถตรวจสอบการทำงานของระบบทางเดินอาหารได้ด้วย หากมีข้อสงสัยหรือความกังวลเกี่ยวกับการบริโภคไฟเบอร์ คุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้ในระหว่างการนัดตรวจเหล่านี้
การเปลี่ยนมาให้อาหารแมวไอแอมส์™ จะช่วยให้แมวของคุณได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล นอกจากอาหารของเรายังมีไฟเบอร์สูง ช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ของแมวด้วย