IAMS TH
Chicken: The Complete Protein Source for Your Cat
Chicken: The Complete Protein Source for Your Cat

adp_description_block467
แมวกินไก่ได้ไหม?

  • แบ่งปัน

แมวกินไก่ได้ไหม? นับเป็นหนึ่งในคำถามคาใจของทาสแมวส่วนใหญ่ เพราะหลายต่อหลายครั้งที่เจ้าเหมียวมักจะส่งสายตาอ้อนวอนเพื่อขอชิมเนื้อไก่ในจานของคุณ

ไก่เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีและเป็นส่วนประกอบหลักในอาหารแมวหลายชนิด อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังบางอย่างที่ทาสแมวควรรู้ก่อนให้เจ้าเหมียวกินเนื้อไก่ ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาเปิดเผยเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการกินไก่ให้ทุกคนได้รู้กัน

ประโยชน์ของการให้แมวกินไก่

ไก่ดีสำหรับแมวหรือไม่? ต้องบอกก่อนว่าแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ ซึ่งหมายความว่าโปรตีนจากสัตว์มีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของพวกเค้า เนื้อไก่จัดเป็นแหล่งโปรตีนไร้ไขมันที่หาได้ง่าย มีประโยชน์มากมาย และเป็นที่โปรดปรานของแมวส่วนใหญ่ด้วย

  1. แหล่งโปรตีนคุณภาพเยี่ยม

    ไก่เป็นแหล่งโปรตีนจากสัตว์คุณภาพสูงซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโต การพัฒนากล้ามเนื้อ และการบำรุงร่างกายของแมว โปรตีนมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและช่วยให้ขนแข็งแรง

  2. กรดอะมิโนที่จำเป็น

    ไก่อุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็น เช่น ทอรีน ซึ่งมีความสำคัญต่อแมวมาก การขาดทอรีนอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรง รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและความบกพร่องในการมองเห็น

  3. อุดมไปด้วยสารอาหาร

    ไก่มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น วิตามินบี 6 ไนอาซิน ฟอสฟอรัส และซีลีเนียม สารอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยให้แมวมีความเป็นอยู่ที่ดีและช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

  4. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ร่างกาย

    เนื้อไก่มีค่าความชื้นสูงโดยธรรมชาติ การกินเนื้อไก่จึงช่วยให้แมวได้รับปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การกินน้ำในปริมาณที่เหมาะสมยังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพไตของแมวด้วย

  5. รสชาติอร่อย

    แมวส่วนใหญ่ชื่นชอบเนื้อไก่ มันจึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการดึงดูดใจเจ้าเหมียวเลือกกินหรือกินยาก

    แม้ว่าไก่จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพของแมว แต่ก็ควรให้ในปริมาณที่พอเหมาะและหลีกเลี่ยงการให้เป็นอาหารหลัก โดยคุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณที่เหมาะสมเพิ่มเติมได้

แมวกินไก่ดิบได้หรือไม่?

การให้แมวกินไก่ดิบมีความเสี่ยงสูง เพราะไก่ดิบก็เหมือนกับเนื้อดิบอื่น ๆ ที่อาจปนเปื้อนสารอันตราย เชื้อโรคเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาในระบบทางเดินอาหารอย่างรุนแรง รวมถึงอาจทำให้แมวอาเจียน ท้องเสีย และอาหารเป็นพิษ นอกจากนี้การให้ไก่ดิบเป็นอาหารหลักยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหารด้วย 

เพื่อความปลอดภัยของแมว วิธีที่ดีที่สุดคือปรุงไก่ให้สุก โดยจะช่วยลดการปนเปื้อนของแบคทีเรียและช่วยให้ย่อยได้ง่ายขึ้น

แมวกินกระดูกไก่ได้หรือไม่?

กระดูกไก่ โดยเฉพาะส่วนที่มีขนาดเล็กและเปราะ เช่น ปีกหรือน่อง เป็นอันตรายต่อสุขภาพมาก แมวต่างจากสุนัขตรงที่ระบบย่อยอาหารละเอียดอ่อนกว่าและไม่สามารถย่อยกระดูกได้อย่างปลอดภัย เมื่อแมวเคี้ยวหรือกลืนกระดูกเข้าไปก็อาจนำไปสู่ปัญหาเหล่านี้

  1. มีอาการสำลัก – กระดูกชิ้นเล็ก ๆ อาจติดอยู่ในลำคอแมว ทำให้เกิดการสำลัก ขย้อน และอาจเกิดการอุดตันในระบบทางเดินหายใจได้

  2. เกิดการทิ่มแทง – เศษกระดูกไก่มักจะมีความแหลมคม ซึ่งอาจทิ่มหรือบาดปาก คอ และทางเดินอาหารของแมวได้

  3. เกิดการอุดตัน – เศษกระดูกอาจทำให้เกิดการอุดตันในทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

  4. สร้างความบาดเจ็บแก่อวัยวะภายใน – เศษกระดูกแหลมคมสามารถเจาะลำไส้หรือกระเพาะอาหารของแมว ทำให้เกิดการบาดเจ็บภายในและการติดเชื้อได้

    เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเหมียว ควรเอากระดูกออกจากไก่ก่อนเสิร์ฟเสมอ และควรปรุงไก่ให้สุกทุกครั้ง โดยหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องปรุงรส เครื่องเทศ และส่วนผสมที่อาจเป็นอันตราย

ไก่ดิบเป็นอันตรายต่อสุขภาพของแมวหรือไม่?

อย่างที่รู้กันว่าแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ และไก่ดิบก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดี ไม่ผ่านการปรุงแต่งใด ๆ แต่มันก็มีความเสี่ยงร้ายแรงอยู่บ้าง ดังนั้นหากคุณกำลังวางแผนให้แมวกินไก่ดิบ มาติดตามข้อควรรู้ที่น่าสนใจกันก่อนดีกว่า

  1. พยาธิและแบคทีเรีย

    ไก่ดิบอาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella) และเชื้อแคมไพโลแบคเตอร์ (Campylobacter) ซึ่งเชื้อเหล่านี้อาจทำให้ทั้งแมวและคุณปวดท้องได้ แม้ว่าแมวจะไม่แสดงอาการ แต่ก็สามารถแพร่เชื้อมาให้คุณได้

  2. กระดูก

    กระดูกไก่ดิบหรือไก่สุกอาจแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ และสร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในของแมว อีกทั้งยังทำให้แมวมีอาการสำลัก บาดปาก บาดคอ หรืออาจอุดตันในทางเดินอาหาร

  3. ภาวะขาดสารอาหาร

    แม้ว่าไก่จะเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี แต่มันมีสารอาหารที่แมวต้องการไม่ครบถ้วน การให้ไก่ดิบเป็นอาหารหลักเพียงอย่างเดียวอาจนำไปสู่ภาวะขาดสารอาหารได้ หากต้องการให้แมวได้รับสารอาหารที่เหมาะสม แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อจัดทำเมนูที่ทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ

วิธีเตรียมไก่ดิบให้แมว

การกินไก่ดิบอาจมีความเสี่ยงมากมาย แต่หากเตรียมการอย่างดีก่อนเสิร์ฟให้เจ้าเหมียว เมนูนี้ก็จะปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ

  1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อสดใหม่

    ความสดใหม่เป็นปัจจัยที่สำคัญ ตรวจสอบวันหมดอายุและสัญญาณการเน่าเสีย เช่น กลิ่นผิดปกติหรือการเปลี่ยนสี

  2. เตรียมไก่ก่อนเสิร์ฟ

    ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขียง มีด และเครื่องใช้ของคุณสะอาดและถูกสุขลักษณะเพื่อป้องกันการปนเปื้อน แนะนำให้เตรียมเขียงสำหรับทำอาหารให้แมวโดยเฉพาะ

  3. ทำความสะอาดเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของแบคทีเรีย

    ล้างไก่ให้สะอาดด้วยน้ำเย็นเพื่อขจัดเศษซากต่าง ๆ จากนั้นซับให้แห้งด้วยผ้ากระดาษสะอาด ขั้นตอนนี้จะช่วยลดการปนเปื้อนของแบคทีเรีย ทำให้อาหารแมวของคุณปลอดภัยและดีต่อสุขภาพมากขึ้น

    ไก่อาจมีข้อดีและประโยชน์มากมาย แต่การให้แมวกินไก่ก็มีข้อควรระวังที่คุณต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ โดยแนะนำให้เอากระดูกออก ปรุงสุกก่อนเสมอ และกำหนดปริมาณให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการให้ไก่ดิบ เนื่องจากมักจะมีการปนเปื้อนของแบคทีเรียและมีสารอาหารไม่ครบถ้วนตามที่แมวต้องการ

    หากคุณมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำ การปรึกษาสัตวแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเป็นวิธีที่ดีเสมอ หรือหากคุณไม่เวลาเตรียมอาหาร อาจเลือกให้อาหารสำเร็จรูปคุณภาพดีแทนก็ได้ ขอแนะนำไอแอมส์™ อาหารแมวเกรดพรีเมียมที่มีเนื้อไก่เป็นส่วนประกอบหลัก และผ่านการคิดค้นสูตรให้ตรงตามความต้องการทางโภชนาการในแต่ละวันของแมว มั่นใจได้เลยว่าเจ้าเหมียวจะได้รับอาหารที่สมดุลและปลอดภัย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการให้แมวกินไก่

  1. แมวกินไก่ปรุงสุกได้ไหม?
  2. คุณสามารถให้แมวกินไก่ปรุงสุกได้ แต่ต้องหลีกเลี่ยงการปรุงรส การใช้เครื่องเทศ สมุนไพร หรือน้ำมัน และต้องนำกระดูกออกให้หมด

  3. ลูกแมวกินไก่ได้หรือไม่?
  4. ลูกแมวก็สามารถกินไก่ได้ แต่ควรปรุงสุกและหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้เคี้ยวง่าย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีกระดูกเพื่อป้องกันการสำลัก และควรกำหนดปริมาณให้เหมาะสม

  5. แมวกินไก่ต้มได้ไหม?
  6. ไก่ต้มเป็นทางเลือกที่ดี มีคุณค่าทางโภชนาการและย่อยง่าย เหมาะสำหรับแมวที่มีปัญหาทางเดินอาหาร อย่างไรก็ตาม ควรเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีกระดูกหลงเหลืออยู่และไม่ต้องปรุงรสหรือเติมแต่งใด ๆ

  7. แมวกินหัวใจไก่และตับไก่ได้ไหม?
  8. แมวสามารถกินหัวใจและตับไก่ได้ในปริมาณที่พอเหมาะ ทั้งสองส่วนเป็นแหล่งสารอาหารที่จำเป็นสำหรับแมว อย่างไรก็ตาม ไม่ควรให้เป็นอาหารหลักเพียงอย่างเดียวเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สมดุลทางโภชนาการ

  • How to Care for Your Cat’s Hairball Issues
    How to Care for Your Cat’s Hairball Issues
    adp_description_block309
    วิธีจัดการปัญหาก้อนขนแมว

    • แบ่งปัน

    เจ้าของทุกคนย่อมรักแมวและอยากเห็นพวกเค้ามีความสุข ดังนั้นการเห็นเจ้าตัวน้อยส่งเสียงไอก่อนขย้อนก้อนขนออกมาด้วยความเจ็บปวด คงไม่ใช่ภาพที่น่ายินดีเท่าไหร่นัก ไม่เพียงแค่สร้างภาพบาดตาบาดใจ แต่ก้อนขนในแมวยังทำให้เกิดการอุดตันในลำไส้ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้

     

    แล้วการขย้อนก้อนขนในแมวเป็นเรื่องปกติหรือไม่?

    ปัญหาก้อนขนถือเป็นเรื่องปกติทั่วไป แต่ความรุนแรงของปัญหาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับน้องแมวแต่ละตัวหรือแต่ละสายพันธุ์ เช่นแมวเมนคูนและแมวเปอร์เซียมีความเสี่ยงต่อปัญหาก้อนขนมากกว่าสายพันธุ์อื่น การที่แมวมีปัญหาก้อนขนอุดตันยังเกิดได้จากพฤติกรรมเลียขนบ่อยผิดปกติอีกด้วย

    ที่จริงแล้ว คุณอาจสังเกตเห็นว่าลูกแมวมักไม่มีปัญหาก้อนขนอุดตัน แต่เมื่อโตขึ้น พฤติกรรมก็เริ่มเปลี่ยน แมวโตชอบเลียขนทำความสะอาดตัวเองเป็นประจำ ซึ่งขนที่ถูกเลียและกลืนเข้าไปจะกลายเป็นก้อนขนเข้าไปอยู่ในระบบทางเดินอาหาร

     

    การกินอาหารช่วยลดปัญหาก้อนขนในแมวได้อย่างไร?

    การเลือกสูตรอาหารคุณภาพดีเป็นวิธีดูแลปัญหาก้อนขนในแมวที่มีประสิทธิภาพ อย่างการเลือกอาหารแมวไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรเฉพาะสำหรับแมวเลี้ยงในบ้าน ซึ่งมีส่วนช่วยในการควบคุมและขับก้อนขนออกจากร่างกาย จากการวิจัยพบว่าอาหารแมวไอแอมส์™ ช่วยให้ก้อนขนกว่า 80% ถูกขับออกมาพร้อมอุจจาระ ด้วยพรีไบโอติกจากธรรมชาติ ไฟเบอร์ และบีทพัลพ์สูตรเฉพาะของไอแอมส์™ ช่วยให้น้องแมวมีระบบย่อยและขับถ่ายที่ดี  นอกจากนี้ยังมีโปรตีนคุณภาพดีและกรดไขมันจำเป็นครบถ้วน ช่วยให้น้องแมวมีสุขภาพผิวหนังที่ดี ขนนุ่มเงางาม ลดปัญหาขนร่วง และลดการก่อตัวของก้อนขนในแมวได้ดีอีกด้วย

    อาการก้อนขนอุดตันในแมว

    • เบื่ออาหาร

    การกระตุ้นให้น้องแมวอยากอาหารเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการอดอาหารแม้ในเวลาสั้น ๆ ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพของพวกเค้าได้แล้ว โดยอาการเบื่ออาหารอาจบ่งชี้ว่าน้องแมวมีปัญหาก้อนขนอุดตันในทางเดินอาหาร หรืออาจบ่งบอกถึงปัญหาอื่น แต่ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ควรรีบแก้ปัญหานี้โดยเร็วที่สุด

    เบื่ออาหาร
     

    • อ่อนเพลีย

    เหนื่อยล้าและเซื่องซึมเป็นอีกหนึ่งอาการที่พบได้บ่อย ทั้งสองเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพหลายประการในแมว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือปัญหาก้อนขนอุดตัน

    อ่อนเพลีย
     

    • ท้องผูก

    หมั่นสังเกตกระบะทรายเจ้าตัวน้อยให้ดีว่ามีก้อนขนปะปนอยู่หรือไม่ หากมีทั้งการขย้อนก้อนขนและอาการท้องผูก นี่เป็นสัญญาณอันตรายของการอุดตันซึ่งควรได้รับการรักษาโดยทันที

    ท้องผูก
     

    • ท้องเสีย

    เป็นอาการที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร ยิ่งเกิดขึ้นบ่อยยิ่งอันตราย แมวที่ท้องเสียบ่อยจะขาดน้ำได้เร็ว ดังนั้นควรเช็กให้แน่ใจว่าพวกเค้าดื่มน้ำเพียงพอ อาจเปลี่ยนมาให้อาหารเปียกเพื่อให้รับน้ำเข้าร่างกายได้เพิ่มมากขึ้น หากมีอาการท้องเสียบ่อยอย่างต่อเนื่อง ควรรีบพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์

     

    วิธีการดูแลและการรักษาปัญหาก้อนขนอุดตัน

    • แปรงขนเป็นประจำ

    การแปรงขนเป็นประจำคือวิธีดูแลปัญหาก้อนขนในแมวที่ดีที่สุด วิธีนี้จะช่วยกำจัดเส้นขนที่หลุดร่วงออกไป ทำให้โอกาสที่น้องแมวจะเลียและกลืนขนลงท้องน้อยลง อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้นด้วย

    แปรงขนเป็นประจำ
     

    • เลือกอาหารสูตรสำหรับควบคุมก้อนขน

    อาหารเป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลปัญหาก้อนขนในแมว สูตรอาหารประเภทนี้หาซื้อได้ง่าย มักมีส่วนประกอบของไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างสุขภาพขนที่ดี ช่วยควบคุมและขับก้อนขนออกจากทางเดินอาหาร

    เลือกอาหารสูตรสำหรับควบคุมก้อนขน
     

    ใช้ผลิตภัณฑ์ควบคุมก้อนขนหรือยาระบาย

    มีผลิตภัณฑ์ช่วยขจัดก้อนขนมากมายวางจำหน่ายในท้องตลาด ข้อดีอย่างหนึ่งคือมันเป็นวิธีกำจัดที่ไม่รุนแรง ทำให้ก้อนขนเคลื่อนตัวผ่านทางเดินอาหารได้ง่ายขึ้น แต่แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนการเลือกซื้อหรือใช้ทุกครั้ง

     

Close modal