หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดในการให้อาหารสุนัขสูงวัยก็คือควรเลือกอาหารที่มีโภชนาการที่เหมาะสม โดยที่ ไอแอมส์™ เราได้มีการวิจัยเพื่อให้สุนัขสูงวัยได้รับสารอาหารที่เหมาะสมที่สุด อาหารที่มีสารอาหารที่ครบถ้วน สมดุล จะช่วยทำให้สุนัขนั้นมีอายุที่ยาวนานขึ้น มีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม ไม่อ้วนไม่ผอมจนเกินไป และยังช่วยทำให้กล้ามเนื้อและระบบการย่อยอาหารของพวกเค้าดีขึ้นได้อีกด้วย
สุนัขสูงวัยไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่รวมไปถึงระบบต่างๆในร่างกายที่เริ่มเสื่อมโทรมลงตามกาลเวลา ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามขนาดและสายพันธุ์ โดยสุนัขพันธุ์เล็กจะเข้าสู่ช่วงสูงวัยเมื่ออายุได้ประมาณ 7 ปี และในสุนัขพันธุ์ใหญ่จะเข้าสู่ช่วงสูงวัยเมื่ออายุได้ประมาณ 5 ปี การให้อาหารสุนัขตามช่วงวัยนั้น จะช่วยรักษาสุขภาพสุนัขโดยรวมได้เป็นอย่างดี เมื่อสุนัขมีอายุมากขึ้นและมีสัญญาณของโรคต่างๆ การรักษาและดูแลตั้งแต่เนิ่นๆก็ช่วยให้เค้าได้รับการดูแลรักษาได้เร็วขึ้นเช่นกัน
สายพันธุ์และสิ่งแวดล้อมก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับอายุในสุนัข แต่คุณภาพของอาหารและสารอาหารที่พวกเค้าจะได้รับนั้นก็สามารถช่วยชะลอวัยและช่วยให้เค้ามีอายุที่ยืนยาวและแข็งแรงขึ้นได้
เมื่อสุนัขสูงวัยอายุเพิ่มมากขึ้น อาหารที่คุณจัดหามาให้นั้นช่วยได้มาก จากข้อมูลของ นักวิจัยของ ไอแอมส์ ™บอกไว้ว่า สุนัขสูงวัยนั้นก็ต้องการสารอาหารไม่ต่างกับสุนัขวัยรุ่น แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปคือปริมาณและสารอาหารที่เปลี่ยนไป
Dr. Hayek นักวิจัยของ ไอแอมส์ ™ แนะนำว่าเราไม่ควรเริ่มเปลี่ยนอาหารให้เมื่อสุนัขเข้าสู่วัยชรา แต่ทางที่ดีกว่าคือการให้อาหารพรีเมียมคุณภาพสูง เช่น อาหารสุนัข ไอแอมส์™ ที่มีโภชนาการที่เหมาะสมตั้งแต่ยังเล็ก เราควรจะดูแลสุขภาพพวกเค้าในเชิงรุกมากกว่าที่จะรอให้พวกเค้ามีปัญหาแล้วถึงมาเริ่มดูแลทีหลัง
แต่ถ้าตอนนี้คุณกำลังเลี้ยงสุนัขสูงวัยอยู่ล่ะก็ อย่าลืมมองหาอาหารที่มีคุณภาพสูงมีสารอาหารที่สมดุลและถูกต้องตามความต้องการของพวกเค้า โดยสารมารถดูได้จากสิ่งต่อไปนี้
โปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพดี
ความต้องการด้านโปรตีนของสุนัขนั้นสำคัญมาก เมื่อสุนัขมีอายุมากขึ้น พวกเค้าจะสูญเสียความสมดุลของมวลกล้ามเนื้อไป ดังนั้นพวกเค้าจะต้องการกรดอะมิโนที่จำเป็นในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ โดยปกติสุนัขมักจะต้องการโปรตีนจากสัตว์ เช่น โปรตีนจากเนื้อไก่ หรือ โปรตีนจากเนื้อแกะ มีหลายคนมีความเชื่อว่า สุนัขสูงวัยควรจะได้รับโปรตีนน้อยลงเพื่อป้องกันการเป็นโรคไต อย่างไรก็ตามโรคไตนั้นเกิดจากปัจจัยหลายอย่างไม่ได้มาจากอาหารเพียงอย่างเดียวทางที่ดีคุณควรพาสุนัขไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อให้สัตวแพทย์ได้ประเมินประสิทธิภาพการทำงานของไตและแนะนำการปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมจะดีที่สุด
Dr. Hayek นักวิจัยของ ไอแอมส์ ™ อธิบายว่า ยังไม่มีงานวิจัยชิ้นไหนที่บ่งชี้ว่าอาหารที่มีโปรตีนสูงจะไปเร่งการทำงานของไต รวมถึงยังไม่มีงานวิจัยชิ้นไหนเช่นกันที่บอกว่าอาหารที่มีโปรตีนต่ำจะช่วยชะลอโรคไตได้ ทั้งนี้โปรตีนยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในการสร้างมวลกล้ามเนื้อในร่างกายรวมไปถึงช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตในสุนัขอีกด้วย
ไขมันต่ำ
สุนัขสูงวัยนั้นจะมีความต้องการแคลอรีที่น้อยลง ควรเลือกอาหารสุนัขสูงวัยที่มีไขมันอย่างน้อย 10% ให้กับเค้าสำหรับสุนัขสูงวัยนั้น ความต้องการกรดไขมันที่จำเป็นรวมไปถึงกรดไขมันโอเมก้า 3 นั้นจำเป็นมาก เพราะจะช่วยทดแทนการสังเคราะห์ไขมันของพวกเค้าที่จะลดลงไปตามอายุโดยธรรมชาติ
ความเหมาะสมของไฟเบอร์ในอาหารของสุนัขสูงวัย
ในสุนัขสูงวัยปัญหาเรื่องการย่อยอาการเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญ ไฟเบอร์ในอาหารนั้นไม่ควรเกิน 5 % เพื่อให้พวกเค้ามีลำไส้ที่ดีรวมไปถึงช่วยให้การดูดซึมสารอาหารเป็นไปได้อย่างดี เช่น อาหารสุนัข ไอแอมส์™ ที่มีส่วนประกอบของเยื่อบีทพัลพ์สูตรเฉพาะของไอแอมส์™ ช่วยระบบย่อยและขับถ่ายและยังช่วยรักษาสุขภาพของลำไส้ ด้วยการให้พลังงานแก่เซลล์ในลำไส้ และช่วยให้อุจจาระมีขนาดเล็กและเป็นก้อนอีกด้วย
FRUCTOOLIGOSACCHARIDES (FOS) แหล่งใยอาหารสูตรเฉพาะ
FOS เป็นไฟเบอร์ที่ย่อยได้โดยจุลินทรีย์ ช่วยรักษาสุขภาพของลำไส้ได้เป็นอย่างดี
สารต้านอนุมูลอิสระ
สารต้านอนุมูลอิสระช่วยรักษาความสมดุลในร่างกายของสุนัข โดยจะทำหน้าที่เข้ากำจัดสารอนุมูลอิสระในร่างกาย และยังทำหน้าที่ชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ต่างๆ ดังนั้นควรเลือกอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเช่นวิตามินอีและเบต้าแคโรตีนให้กับพวกเค้า
วิตามินและแร่ธาตุ
โดยปกติแล้วในอาหารสุนัขที่มีคุณภาพจะมีสารอาหารและโภชนาการครบถ้วนอยู่แล้ว นั่นรวมไปถึงวิตามินและแร่ธาตุด้วยเช่นกัน สำหรับวิตามินนั้นแนะนำให้สัตวแพทย์เป็นผู้แนะนำในกรณีที่สุนัขต้องการวิตามินหรืออยู่ในกลุ่มที่ขาดวิตามินจะดีที่สุด
การให้สารอาหารที่ครบถ้วนสมดุลนั้นมีความสำคัญในสุนัขทุกๆช่วงวัย ยิ่งคุณให้อาหารที่ประโยชน์ต่อสุขภาพของพวกเค้าเช่น ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ ซีเนียร์ พลัส ยิ่งทำให้พวกเค้ามีโอกาสที่จะมีชีวิตยืนยาวและมีสุขภาพที่ดีขึ้น เรามีเคล็ดลับที่จะช่วยให้สุนัขสูงวัยของคุณมีอายุที่ยาวนานมาฝากกัน
• ลดความเครียดลง หลีกเลี่ยงการให้สุนัขทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานเยอะ หรือเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันที่เค้าทำอยู่เป็นประจำ คุณควรค่อยๆให้เวลากับพวกเค้าเพื่อไม่ให้เค้าเครียดจนเกินไป
• ให้ออกกำลังกายเป็นประจำ การพาพวกเค้าออกกำลังกายโดยการเดิน 15 นาทีต่อวันจะช่วยให้กล้ามเนื้อและระบบการย่อยอาหารของเค้าดีขึ้น และยังช่วยป้องกันปัญหาน้ำหนักเกินที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกด้วย
• ลดปริมาณอาหารลงแต่ให้บ่อยมากขึ้น จากเดิมที่สุนัขกินอาหารมื้อใหญ่แค่วันละครั้ง ลองปรับเปลี่ยนเป็นให้อาหารมื้อเล็กๆสองหรือสามมื้อต่อวันแทน โดยให้ในปริมาณเท่าเดิม การทำเช่นนี้จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหารของสุนัขได้ดียิ่งขึ้น • ตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเป็นประจำ การดูแลสุขภาพเหงือกและช่องปากของสุนัขรวมไปถึงการหมั่นสังเกตความผิดปกติต่างๆของสุนัขอย่างเป็นประจำ จะช่วยให้สุนัขลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆได้รวดเร็วยิ่งขึ้น หากคุณพบความผิดปกติเพียงแค่นิดเดียว ให้รีบปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อตรวจหาและรีบรักษาได้อย่างเร็วที่สุด
• เลือกซื้ออาหารที่มีคุณภาพ เมื่อสุนัขของคุณเข้าสู่ช่วงสูงวัย ความสนใจในอาหารของพวกเค้ามักจะลดลง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออาหารที่มีคุณค่าโภชนาการครบถ้วน ดังนั้น การเลือกซื้ออาหารที่มีคุณภาพจึงสำคัญที่สุด
• Dr. Hayek นักวิจัยของ ไอแอมส์ ™ ชี้ให้เห็นว่ายังมีเรื่องราวของโภชนาการในสุนัขสูงวัยอีกมากมายที่น่าเรียนรู้ แต่สิ่งที่เน้นย้ำก็คือ สุนัขแต่ละช่วงวัยนั้นมีความต้องการที่แตกต่างกัน เราในฐานะผู้เลี้ยงจะต้องหมั่นค่อยสังเกตว่าสุนัขของเรานั้นกำลังเข้าสู่ช่วงสูงวัยแล้วหรือยัง ในสายพันธ์เล็กจะเริ่มต้นเข้าสู่ช่วงสูงวัยเมื่ออายุประมาณ 7 ปี และสำหรับสายพันธุ์ใหญ่ จะเริ่มต้นในช่วงอายุ 5 ปี เราต้องเลือกอาหารที่เหมาะสมให้กับเค้า เพื่อให้เค้ามีชีวิตอย่างแข็งแรงและมีความสุขไปได้นานๆ
ช่วงที่สุนัขตั้งท้องและช่วงที่สุนัขให้นมลูกการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับการกายของพวกเขาเท่านั้น แต่การดำเนินชีวิตของสุนัขเองก็เปลี่ยนไปด้วย หากสุนัขของคุณกำลังอยู่ในช่วงตั้งท้องหรืออยู่ในช่วงให้นมลูก เจ้าของควรให้การเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษกับความต้องการทางโภชนาการที่เปลี่ยนแปลงของสุนัขตั้งแต่ช่วงที่ตั้งท้อง คลอด และให้นมลูก
โภชนาการและการควบคุมน้ำหนักตัวเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับสุขภาพของแม่สุนัขที่กำลังตั้งท้อง แม้ว่าแม่สุนัขไม่จำเป็นต้องพบสัตวแพทย์บ่อยเหมือนกับคนเรา แต่เจ้าของก็ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีดูแลสุนัขตั้งท้องอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการป้องกันปัญหาปรสิตทั้งภายในและภายนอกร่างกาย เนื่องจากเป็นอันตรายต่อสุขภาพของแม่สุนัขและลูกตัวน้อย
แน่นอนว่าการตั้งท้องเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ในขณะเดียวกันการดูแลสุนัขตั้งท้องก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ยิ่งในช่วงสัปดาห์แรกของการตั้งท้อง เจ้าของจำเป็นต้องดูแลพวกเค้าอย่างใกล้ชิด
โดยอาการเหล่านี้คืออาการที่บ่งบอกว่าสุนัขของคุณกำลังตั้งท้อง –
น้องหมาตั้งท้องมักจะเหนื่อยง่ายและนอนหลับมากขึ้น ทั้งนี้อาจเป็นเรื่องยากที่จะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในน้องหมาที่ชอบพักผ่อนมากกว่าทำกิจกรรม ในกรณีนี้ให้สังเกตเวลาพวกเค้าเดินว่าเหนื่อยง่ายหรือเหนื่อยเร็วกว่าปกติหรือไม่แทน
พฤติกรรมบางอย่างของน้องหมาตั้งท้องอาจเปลี่ยนแปลงไป เช่น ต้องการความสนใจจากเจ้าของมากขึ้น อยากอยู่ด้วย เข้าหาบ่อยขึ้น แต่บางครั้งพวกเค้าก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัว หากถูกรบกวนก็อาจแสดงท่าทางไม่พอใจหรือหงุดหงิดใส่ได้
การกินอาหารผิดปกติเป็นอีกหนึ่งอาการที่พบได้ในสุนัขตั้งท้อง โดยแม่สุนัขบางตัวอาจกินอาหารน้อยลง มีอาการอาเจียนเป็นครั้งคราวในช่วงแรกหรือในช่วงระหว่างการตั้งท้อง แต่บางตัวก็อาจกินอาหารมากกว่าปกติ และไม่พอใจกับมื้ออาหารทั่วไป ความผิดปกติเหล่านี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนในการตั้งท้องของสุนัขคือหน้าท้องขยายใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตามการขยายตัวของหน้าท้องไม่ได้เกิดขึ้นในทันที แต่จะเริ่มสังเกตเห็นได้ในช่วงปลายของการตั้งท้องแล้ว หากพบว่าหน้าท้องของพวกเค้าใหญ่ขึ้น แนะนำให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที
น้องหมาตั้งท้องจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในเวลาให้อาหาร
ความต้องการพลังงานของน้องหมาตั้งท้องจะสูงขึ้นตามน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น สัตวแพทย์อาจแนะนำสูตรอาหารที่ให้พลังงานสูง รวมถึงมีไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม นอกจากสูตรอาหารที่ต้องเลือกอย่างดีแล้ว การกำหนดปริมาณอาหารให้เพียงพอก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน หากให้ปริมาณมากไปก็อาจทำให้แม่สุนัขมีน้ำหนักเกินได้
ระยะเวลาตั้งท้องของสุนัขอยู่ที่ประมาณ 9 สัปดาห์ ในช่วงสัปดาห์ที่ 6 และ 7 ควรดูแลสุนัขตั้งท้องให้ได้รับปริมาณอาหารที่ไม่มากจนเกินไป และควรเปลี่ยนมาให้อาหารสูตรลูกสุนัข เนื่องจากมีพลังงานและสารอาหารมากกว่าสูตรทั่วไป ช่วยให้แม่สุนัขแข็งแรง ได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน และพร้อมสำหรับการให้นมลูกตัวน้อย เมื่อเริ่มเข้าสู่สัปดาห์ที่ 9 แม่สุนัขจะอยากอาหารน้อยลง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าพวกเค้าใกล้คลอดเจ้าตัวน้อยออกมาแล้ว
สำหรับแม่สุนัขที่อยู่ในช่วงตั้งท้องและช่วงให้นมลูก การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับสภาพร่างกายเท่านั้น แต่การใช้ชีวิตและความต้องการทางโภชนาการของพวกเค้าก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย การดูแลสุนัขตั้งท้องอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
| สัปดาห์ที่ 1 และ 2 |
|
| สัปดาห์ที่ 3 และ 4 |
|
สัปดาห์ที่ 5 และ 6 |
|
สัปดาห์ที่ 7 และ 8 |
|
สัปดาห์ที่ 9 |
|
ก่อนการตั้งท้องของสุนัข:
ก่อนการตั้งท้องของสุนัข เจ้าของควรวางแผน ประเมินสุขภาพร่างกาย และปรึกษาสัตวแพทย์เรื่องการฉีดวัคซีนให้เรียบร้อยเสียก่อน
ซึ่งตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้วัคซีนในสุนัขและแมว แนะนำให้ฉีดวัคซีนดังต่อไปนี้:วัคซีนป้องกันโรคไข้หัดสุนัข
วัคซีนป้องกันพาร์โวไวรัส
วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (เรบีส์)
หากได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนตั้งแต่ก่อนตั้งท้องแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นเพิ่มเติมอีก ซึ่งสัตวแพทย์เองก็ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนให้กับแม่สุนัขที่กำลังตั้งท้อง
ความแตกต่างหลักระหว่างสุนัขพันธุ์ใหญ่และสุนัขพันธุ์เล็กในช่วงตั้งท้องคือความต้องการทางโภชนาการ โดยสุนัขพันธุ์เล็กต้องการพลังงานมากกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ เพื่อบำรุงลูกตัวน้อยในท้องและเพื่อให้มีน้ำนมเพียงพอต่อการเลี้ยงลูก ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 แม่หมาตั้งท้องอาจต้องกินอาหารมากขึ้นถึง 3 เท่า เพื่อให้การผลิตน้ำนมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้สมดุล ส่วนในช่วงใกล้คลอด แม่หมาต้องการสารอาหารและพลังงานมากกว่าน้องหมาทั่วไปถึง 15% - 25%
ทั้งนี้การเลือกสูตรอาหารให้แม่สุนัขตั้งท้องควรพิจารณาจากขนาดของสายพันธุ์ด้วย
หากคุณวางแผนจะเพิ่มจำนวนสมาชิกมะหมา ก่อนการผสมพันธุ์ควรประเมินสุขภาพร่างกายของว่าที่แม่สุนัขเป็นอันดับแรก เนื่องจากร่างกายของพวกเค้าจะมีความต้องการทางโภชนาการและการดูแลเปลี่ยนแปลงไป โดยสุนัขที่มีน้ำหนักไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน มักมีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ:
สุนัขที่มีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์มักมีปัญหาในการกินอาหารได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายตัวเองและลูกน้อยในท้อง
สุนัขที่มีน้ำหนักเกินอาจประสบปัญหาคลอดยาก เนื่องจากลูกสุนัขมีขนาดตัวใหญ่เกินไป
เจ้าของต้องมั่นใจว่าแม่สุนัขได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลในปริมาณที่เหมาะสม สิ่งนี้จะช่วยให้ว่าที่แม่สุนัขมีน้ำหนักตัวเหมาะสมและมีร่างกายแข็งแรงพร้อมผสมพันธุ์ นอกจากนี้ยังช่วยให้การตั้งท้องไปจนถึงการคลอดและให้นมลูกเป็นไปอย่างราบรื่น
ระยะเวลาตั้งท้องของสุนัขคือเก้าสัปดาห์ ในช่วงแรกสุนัขตั้งท้องจะมีน้ำหนักเพิ่มเพียงเล็กน้อย จนเมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่หก น้ำหนักจะเพิ่มอย่างรวดเร็ว และหลักจากนั้นก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
สุนัขตั้งท้องจะต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น โดยจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ความต้องการจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเข้าสู่การตั้งท้องในสัปดาห์ที่ 6 โดยแม่สุนัขจะกินอาหารมากกว่าปกติประมาณ 25% - 50% ในช่วงใกล้คลอด
อาหารที่ดีที่สุดสำหรับแม่สุนัขที่กำลังตั้งท้องและต้องให้นมลูกคือ อาหารคุณภาพดี โภชนาการครบถ้วน และเหมาะสำหรับการเจริญเติบโตในทุกช่วงวัย แม้ว่าโดยทั่วไปจะแนะนำให้กินอาหารสูตรลูกสุนัข แต่อาหารสูตรสำหรับลูกสุนัขพันธุ์ใหญ่อาจไม่ค่อยเหมาะสม เนื่องจากร่างกายของแม่สุนัขมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ต้องการพลังงานและแร่ธาตุแตกต่างจากช่วงปกติ
ควรหลีกเลี่ยงอาหารดิบหรืออาหารที่ไม่ปรุงสุก สามารถให้อาหารสูตรสำหรับสุนัขตั้งท้องหรือสูตรสำหรับลูกสุนัขตามการแนะนำของสัตวแพทย์ โดยไม่จำเป็นต้องให้อาหารเสริมหรือวิตามินเพิ่มเติม
อีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับแม่หมาตั้งท้องคือการให้อาหารสุนัขไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรแม่และลูกสุนัข เพราะมีส่วนช่วยในการเพิ่มน้ำนม เสริมสร้างพัฒนาการของลูกสุนัขตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ และยังมีสารอาหารสำคัญอย่างดีเอชเอที่ช่วยในการทำงานของระบบสมองให้ลูกสุนัขมีการเรียนรู้ที่ดีขึ้นด้วย
แม้ว่าหลังคลอดแม่สุนัขจะมีน้ำหนักตัวลดลงแล้ว แต่พวกเค้ายังคงต้องการสารอาหารมากกว่าปกติ ซึ่งความต้องการนี้จะขึ้นอยู่กับจำนวนลูกสุนัขและการให้นม โดยแม่สุนัขอาจต้องการอาหารมากกว่าปกติ 2 - 3 เท่า เพื่อให้มีน้ำนมเพียงพอสำหรับลูกตัวน้อย นอกจากนี้ควรเช็กให้แน่ใจว่าแม่สุนัขได้รับน้ำในปริมาณที่เหมาะสม เพราะมันมีส่วนช่วยในการผลิตน้ำนมด้วยเช่นกัน
เพื่อให้แม่สุนัขที่อยู่ในช่วงให้นมลูกได้รับสารอาหารที่เพียงพอ คุณสามารถลองใช้เทคนิคเหล่านี้ได้:
<ul><li> เลือกให้อาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน เช่น อาหารสูตรสำหรับลูกสุนัข
<ul><li> หลีกเลี่ยงการเพิ่มปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ แต่ให้เพิ่มจำนวนมื้ออาหารตลอดวันแทน
<ul><li> แนะนำให้เทอาหารเม็ดทิ้งไว้ เพื่อให้แม่สุนัขเข้าถึงได้ตลอดทั้งวัน
ในช่วง 4 - 5 สัปดาห์หลังคลอด ลูกสุนัขจะเริ่มให้ความสนใจในอาหารของแม่ เจ้าตัวน้อยจะกินอาหารอื่นมากขึ้นและดูดนมน้อยลง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วลูกสุนัขจะหย่านมเมื่ออายุประมาณ 7 - 8 สัปดาห์ ในเวลานี้ร่างกายของแม่สุนัขจะเปลี่ยนไปมีความต้องการพลังงานในระดับปกติ จึงกลับไปกินอาหารสูตรเดิมก่อนการตั้งท้องหรือสูตรทั่วไปได้แล้ว

สุนัขตั้งท้องควรเปลี่ยนมากินอาหารที่ให้พลังงานสูง (ควรเปลี่ยนหลังตั้งท้องได้หนึ่งเดือน) อาหารควรมีปริมาณโปรตีน 22% และปริมาณแคลอรี่ที่ย่อยได้ประมาณ 1600 กิโลแคลอรี
สุนัขที่อยู่ในระหว่างการคลอดลูก มักจะไม่ยอมกินอาหาร เนื่องจากกระบวนการคลอด ทำให้เหนื่อย อ่อนเพลีย ท้องไส้ปั่นป่วน มีอาการอาเจียน และรู้สึกไม่สบายตัว หากให้แม่สุนัขกินอาหารทันทีหลังคลอด พวกเค้าอาจมีอาการอาเจียนได้
สุนัขจะมีโอกาสตั้งท้องสูงเมื่อได้รับการผสมพันธุ์ในช่วงติดสัด ซึ่งจะเกิดขึ้นปีละครั้งหรือสองครั้งขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ สุนัขจะเข้าสู่ช่วงติดสัดเมื่อมีอายุประมาณ 6 เดือน โดยช่วงนี้จะกินเวลาประมาณ 3 สัปดาห์
แม่สุนัขก็อาจมีการคิดถึงลูกตัวน้อยได้ ดังนั้นควรวางแผนการแยกลูกสุนัขจากแม่ให้เรียบร้อยก่อนเริ่มผสมพันธุ์
หลังจากคลอดลูกแล้ว สุนัขสามารถตั้งท้องได้อีกแต่ก็จะขึ้นอยู่กับช่วงติดสัดด้วย ทางที่ดีจึงควรแยกสุนัขตัวผู้ออกห่างจากแม่สุนัขก่อน เพื่อป้องกันการผสมพันธุ์โดยไม่ตั้งใจ