IAMS TH
Your Senior Dog’s Health from 7 Years On
Your Senior Dog’s Health from 7 Years On

adp_description_block72
สุขภาพของสุนัขสูงวัยของคุณที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป

  • แบ่งปัน

รักษาสุนัขสูงวัยของคุณให้แข็งแรงและกระตือรือร้น

มันขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของสุนัข แต่โดยทั่วไปแล้วสัตว์เลี้ยงของคุณจะเริ่มแก่ตัวลงเมื่ออายุ 7 ปีขึ้นไป Louise Murray, DVM  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์ Bergh Memorial ASPCA ในนิวยอร์กซิตี้และผู้เขียน Vet Confidential (Ballantine, 2008) บอกคุณถึงสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เพื่อให้สุนัขสูงวัยมีความสุข

 

สุขภาพของสุนัขสูงวัย: การป้องกันให้มีสุขภาพดี

ในขั้นตอนนี้ Murray แนะนำให้พาสุนัขของคุณไปพบสัตว์แพทย์ปีละสองครั้ง “ สามารถเกิดขึ้นกับ สุนัขแก่ได้มากกว่า ” เธอกล่าว สัตวแพทย์ของคุณจะตรวจเลือดเป็นประจำทุกปีเพื่อทดสอบการทำงานของตับและไต “การค้นพบปัญหาแต่เนิ่นๆมีความสำคัญอย่างยิ่ง” เธอกล่าว สัตว์แพทย์ของคุณจะตรวจหาสาเหตุที่มักจะส่งผลกระทบต่อสุนัขที่มีอายุมาก เช่น โรคโลหิตจาง และโรคข้ออักเสบ

 

สุขภาพของสุนัขสูงวัย: ปัสสาวะ, การเคลื่อนไหวของลำไส้ และความอยากอาหาร

จงให้ความสนใจกับสิ่งที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในพฤติกรรมของสุนัขของคุณ: สุนัขกินน้ำมากขึ้นหรือปัสสาวะในปริมาณมากขึ้นหรือไม่ พฤติกรรมเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับตับหรือไต การเคลื่อนไหวของลำไส้สุนัขของคุณเปลี่ยนไปหรือไม่ สิ่งนี้อาจบ่งบอกถึงปัญหาทางเดินอาหาร โรคเบาหวาน หรือปัญหาการย่อยอาหารอาจทำให้สุนัขกินมากขึ้น แต่ก็ยังคงน้ำหนักลดอยู่ การรู้รูปแบบพฤติกรรมของสุนัขสามารถช่วยสัตวแพทย์กำหนดแนวทางการรักษาได้อย่างรวดเร็ว

 

สุขภาพของสุนัขสูงวัย : ยาหมัด เห็บและ พยาธิหนอนหัวใจ

ใช้ยาป้องกันอย่างต่อเนื่อง

 

สุขภาพของสุนัขสูงวัย :  สุขภาพฟัน

ทำความสะอาดฟันของสุนัขทุกวัน ถ้าสุนัขของคุณมีคราบหินปูนสะสมคุณอาจต้องพาเค้าไปพบสัตว์แพทย์ทำความสะอาดให้ ซึ่งคุณต้องคอยอยู่ปลอบใจเค้า 

 

สุขภาพของสุนัขสูงวัย :  การออกกำลังกาย

สุนัขของคุณอาจจะกระตือรือร้นน้อยลง ในช่วงนี้การออกกำลังกายปานกลางดีที่สุดสำหรับเค้า อย่าทำให้สุนัขกลายเป็น “นักรบสุดสัปดาห์” หลังจากที่นอนเล่นทั้งวันในวันธรรมดาพร้อมเดินป่าในระยะทาง 10 ไมล์ในวันเสาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสุนัขสูงวัยที่อาจส่งผลต่อข้อต่อของเค้า 

 

สุขภาพของสุนัขสูงวัย :   อาหาร

สัตวแพทย์ของคุณหวังว่าคุณจะให้อาหารสูตรสุนัขสูงวัย อย่าง ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ ซีเนียร์ พลัส  ซึ่งสูตรนี้มีสารอาหารเฉพาะสำหรับสุนัขสูงวัยให้มีสุขภาพที่ดี

  • ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
    ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
    adp_description_block300
    ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

    • แบ่งปัน

    การนำลูกสุนัขตัวใหม่เข้าบ้านเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่ายินดี แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มาพร้อมความรับผิดชอบมากมาย หนึ่งในนั้นคือการพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อตรวจเช็กปัญหาสุขภาพแอบแฝงและสุขภาพโดยรวม อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีที่ผู้เลี้ยงจะปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน การให้อาหาร การฝึกสอน และวิธีการดูแลต่าง ๆ หากไม่แน่ใจว่าควรพาลูกสุนัขไปพบคุณหมอเมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน ติดตามคำตอบและเรื่องน่ารู้อีกมากมายได้ในบทความนี้

     

    ลูกสุนัขต้องพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

    ลูกสุนัขเป็นช่วงวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ค่อนข้างมาก ผู้เลี้ยงควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 – 4 สัปดาห์ แต่หากจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษอาจมีการนัดพบบ่อยขึ้น ทั้งนี้ก่อนพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอ คุณควรสอบถามข้อมูลการฉีดวัคซีนหรือการรักษาต่าง ๆ จากฟาร์มหรือผู้เพาะพันธุ์ให้เรียบร้อย และในกรณีที่รับเลี้ยงสุนัขไร้บ้านก็ควรแจ้งให้คุณหมอทราบเช่นกัน

    หากคุณสังเกตพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบพาเจ้าตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์ในทันที

    • บาดแผลบริเวณดวงตา
    • อาการลมพิษ
    • แผลเปิด
    • อาการชัก
    • เป็นลม หมดสติ
    • มีรอยกัด
    • หายใจลำบาก
    • อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
    • อาเจียน
    • ท้องเสีย
    • อาการเจ็บป่วยอื่น ๆ

    ข้อควรรู้ – แม้จะมีสมุดฉีดวัคซีนหรือหลักฐานการตรวจยืนยันจากผู้เพาะพันธุ์ คุณก็ควรพาลูกสุนัขไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพิ่มเติม
     

    การตรวจสุขภาพประจำปี

    ลูกสุนัขจำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีเช่นเดียวกับคน นอกจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นแล้ว คุณหมอจะตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ ปอด ดวงตา หู พร้อมมองหาอาการผิดปกติต่าง ๆ และอาจทำการทดสอบพื้นฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
     

    หลังการตรวจเช็กสุขภาพ คุณหมออาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนสูตรอาหาร เพิ่มหรือลดการออกกำลังกาย รวมถึงอาจต้องดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดียิ่งขึ้น ผู้เลี้ยงควรทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสุขภาพประจำปี คุณสามารถสอบถามหรือขอปรึกษาเรื่องเหล่านี้จากสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้

    • การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
    • รายงานสุขภาพ
    • โภชนาการที่เหมาะสม
    • คำถามเกี่ยวกับการดูแล การฝึก หรือปัญหาที่สงสัย

    ลูกสุนัขฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

    ลูกสุนัขเกิดมาพร้อมระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ อย่างไรก็ตาม พวกเค้าจะเริ่มสูญเสียภูมิคุ้มกันเหล่านี้เมื่ออายุ 6 – 8 สัปดาห์ จึงจำเป็นต้องเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงเวลาดังกล่าว บวกกับนิสัยชอบดมและเลียเพื่อสำรวจทุกสิ่งรอบตัว ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ มากมาย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการฉีดวัคซีนสามารถป้องกันไวรัสและโรคร้ายแรงได้ การฉีดวัคซีนจะเริ่มเมื่อลูกสุนัขมีอายุ 6 – 8 สัปดาห์ และต้องฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 2 – 4 สัปดาห์จนกว่าลูกสุนัขจะมีอายุ 16 สัปดาห์ขึ้นไป บางกรณีสัตวแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์ เนื่องจากมีการระบาดของโรคหรือเมื่อแม่หมาที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีน คุณสามารถขอตารางการฉีดวัคซีนของลูกสุนัขจากสัตวแพทย์ได้
     

    การฉีดวัคซีนสำหรับสุนัข

    สุนัขจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคไข้หัด และโรคตับอักเสบในสุนัข โดยวัคซีนทั่วไปที่สุนัขจำเป็นต้องได้รับมีดังนี้

    • เชื้อพาร์โวไวรัสในสุนัข
    • โรคไข้หัด
    • โรคตับอักเสบ
    • โรคพิษสุนัขบ้า
    • โรคติดเชื้อในทางเดินหายใจ
    • โรคลำไส้อักเสบติดต่อจากเชื้อโคโรนาไวรัสในสุนัข
    • โรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัข
    • โรคเลบโตสไปโรซีสหรือโรคไข้ฉี่หนู

    การฉีดวัคซีนข้างต้นอาจมีการผสมที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์และทำความเข้าใจให้ถูกต้อง

Close modal