IAMS TH
Why You Shouldn’t Supplement Your Dog's Diet
Why You Shouldn’t Supplement Your Dog's Diet

adp_description_block194
ทำไมจึงไม่ควรให้อาหารเสริมกับสุนัข

  • แบ่งปัน

การให้วิตามิน แร่ธาตุและองค์ประกอบทางโภชนาการอื่น ๆ แก่สุนัข มีความสำคัญต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสุนัข วิธีที่ดีที่สุดคือ การให้อาหารที่ครบถ้วนสมดุล และมีคุณภาพ การให้อาหารเสริมมักทำให้สุนัขเสียสมดุลและอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมาย


เหตุผลว่าทำไมเจ้าของถึงมักให้อาหารเสริมแก่สุนัข

เจ้าของมักให้อาหารเสริมกับสุนัขด้วยเหตุผลที่ต่างกัน:

• เพื่อเพิ่มความอร่อย หรือ ความหลากหลาย
• เพื่อความมั่นใจว่าสุนัขจะได้รับสารอาหารครบถ้วน
• เพื่ออยากที่จะป็นคนที่เตรียมมื้ออาหารให้สุนัขด้วยตัวเอง


การให้อาหารเสริมอาจทำให้อาหารของพวกเค้าไม่สมดุล

นี่คือสิ่งสำคัญที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงจะต้องตระหนักว่า อาหารสุนัขที่มีคุณภาพนั้นได้รับการคิดค้นขึ้นมาอย่างรอบคอบต่อความต้องการแคลอรี่ของสัตว์ นอกจากนี้ในอาหารยังมีกรดอะมิโนที่จำเป็น, กรดไขมัน, วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น สำหรับตามความต้องการทางโภชนาการของสุนัข อาหารคุณภาพดีนั้นมีความครบถ้วนสมดุลอยู่แล้ว เหมาะสำหรับสุนัขแต่ละช่วงวัยหรือสุนัขในทุกไลฟ์สไตล์ การเพิ่มอาหารหรืออาหารเสริมอื่น ๆ อาจทำให้สารอาหารเสียความสมดุลได้

อาหารคุณภาพที่ครบถ้วนและมีความสมดุลสำหรับช่วงวัยหรือไลฟ์สไตล์ที่เฉพาะ การเพิ่มเรื่องที่สนใจตารางหรืออาหารเสริมอื่น ๆ สามารถทำลายสมดุลสารอาหารที่ละเอียดอ่อน


สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับแร่ธาตุและอาหารเสริม

ปฏิกิริยาระหว่างแร่ธาตุต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ซับซ้อนมาก โชคดีที่เหล่านักโภชนาการมีความมุ่งมั่นวิจัยมานานหลายปี การวิจัยแสดงให้แห็นว่าไม่ใช่แค่ระดับแร่ธาตุในอาหารมีความสำคัญ แต่รวมถึงความสมดุลที่เหมาะสม แร่ธาตุส่วนเกินชนิดหนึ่งอาจส่งผลต่อการดูดซึมของแร่ธาตุชนิดที่สอง และนำไปสู่การขาดแร่ธาตุชนิดที่สองได้


ปฎิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นจากการเสริมอาหารด้วยเนื้อสัตว์


อาหารเสริมทั่วไปคือการเพิ่มเนื้อสัตว์ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเนื้อสัตว์มีฟอสฟอรัสมากกว่าแคลเซียม 20 ถึง 40 เท่า การเพิ่มเนื้อสัตว์ลงไปในอาหารที่สมดุล จะทำให้อัตราส่วนแคลเซียมต่อฟอสฟอรัส (หรือ Ca: P) สูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาและบำรุงกระดูกที่เหมาะสม

นี่อาจทำให้ร่างกายของสัตว์ดูดซับแคลเซียมจากกระดูกเพื่อรักษาความสมดุล กรณีนี้มักเกิดขึ้นในสัตว์อายุมาก ที่มีการสูญเสียฟัน เนื่องจากการสลายของกระดูกจากกรามล่าง อัตราส่วน Ca: P ควรอยู่ในช่วงระหว่าง 1.1 ถึง 1.4 ส่วนของแคลเซียมต่อฟอสฟอรัส 1 ส่วน


แคลเซียมมากเกินไปไม่ได้ดีเสมอไป

ปริมาณแคลเซียมมากเกินไปเกี่ยวข้องกับโรคกระดูกหลายโรคที่มีผลต่อลูกสุนัขที่กำลังเติบโต เจ้าของลูกสุนัขสายพันธุ์ใหญ่เชื่อว่า ลูกสุนัขของพวกเค้าต้องการแคลเซียมสูงเพื่อการพัฒนากระดูกที่เห มาะสม การเพิ่มโยเกิร์ต คอทเทจชีส หรือแคลเซียมอัดเม็ดลงในอาหารของลูกสุนัขนั้นจะทำให้เสียสมดุลของแร่ธาตุในร่างกาย

จำไว้ว่าลูกสุนัขสายพันธุ์ใหญ่จะกินอาหารมากขึ้นและได้รับแคลเซียมตามที่ร่างกายต้องการโดยกินในสัดส่วนที่แนะนำ วิธีที่ดีที่สุดในการสนับสนุนอัตราการเติบโตตามปกติคือ การให้อาหารสุนัขที่เพียงพอ —แต่ไม่มากเกินไป—และควบคุมปริมาณอาหารให้สมดุล


ควรมั่นใจว่าอาหารสุนัขนั้นสมบูรณ์และสมดุล

สมาคมควบคุมการผลิตอาหารสัตว์แห่งสหรัฐอเมริกา (AAFCO) ควบคุมอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงและได้กำหนดข้อกำหนดด้านโภชนาการสำหรับสุนัขและแมว ข้อกำหนดเหล่านี้มีการเผยแพร่เป็นประจำทุกปีใน AAFCO Manual โดยเฉพาะอาหารสัตว์เลี้ยงที่ผ่านเกณฑ์การทดสอบที่เข้มงวดที่กำหนดโดย AAFCO เท่านั้น ที่สามารถใส่ข้อความ 'ครบถ้วนและสมดุล' บนฉลากได้

  • Puppy Basics: Feeding Tips for the First 6 Months
    Puppy Basics: Feeding Tips for the First 6 Months-mob
    adp_description_block171
    พื้นฐานของลูกสุนัข: เคล็ดลับการให้อาหารสำหรับ 6 เดือนแรก

    พื้นฐานของลูกสุนัข: เคล็ดลับการให้อาหารสำหรับ 6 เดือนแรก

    • แบ่งปัน

    ในช่วง 6 เดือนแรก ลูกสุนัขของคุณจะมีการเปลี่ยนอาหารที่รวดเร็ว คุณเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และวิธีการเลี้ยงลูกสุนัขโดยพิจารณาจากพัฒนาการที่สำคัญที่ลูกสุนัขจะได้สัมผัส

    ทำไมการเรียนรู้พัฒนาการของลูกสุนัขจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

     

    เนื่องจากความแตกต่างของสายพันธุ์และบุคลิกของลูกสุนัขแต่ละตัว จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถรู้ได้แน่นอนว่าวันไหนหรือเมื่อไหร่การเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกสุนัขจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเรียนรู้ได้จากเหตุการณ์สำคัญต่อไปนี้เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการเจริญเติบโต , ปัญหาทางพัฒนาการที่สามารถสังเกตเห็นและป้องกันได้ในช่วงแรก เมื่อรู้ถึงเหตุการณ์สำคัญเหล่านี้ คุณก็จะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ลูกสุนัขพร้อมที่จะหย่านมแล้ว

     

    พัฒนาการของลูกสุนัข

     

    เมื่อลูกสุนัขของคุณพร้อมที่จะเริ่มหย่านมแล้ว (โดยพิจารณาจากอายุ สุนัขที่กินนมแม่จะพร้อมหย่านมช่วงอายุ 4 สัปดาห์ และสุนัขที่ไม่มีแม่คอยเลี้ยงจะพร้อมหย่านมช่วงอายุ 3 สัปดาห์) โดยสามารถทำให้สุนัขหย่านมได้ที่ละขั้นตอน ดังนี้:

     

    อายุพัฒนาการของลูกสุนัข
    อายุ 7-10 วัน

    ลูกสุนัขจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มเป็นสองเท่าจากแรกคลอด

    ลูกสุนัขเริ่มปัสสาวะและถ่ายอุจจาระด้วยตัวเอง

    อายุ 10-18 วัน

    ลูกสุนัขพยายามที่จะยืน  

    ดวงตาของลูกสุนัขเริ่มเปิด

    หูของลูกสุนัขเริ่มเปิด

    อายุ 18-21 วัน

    ลูกสุนัขได้ยินและตอบสนองต่อเสียงที่ได้ยิน

    ลูกสุนัขเริ่มเดิน

    อายุ 3 สัปดาห์

    เริ่มหย่านมสำหรับลูกสุนัขกำพร้า

    ลูกสุนัขเริ่มเปล่งเสียงตอบสนอง

    ฟันน้ำนม (ทารก) จะเริ่มขึ้น

    อายุ 4 สัปดาห์เริ่มกระบวนการหย่านมสำหรับลูกสุนัขที่เลี้ยงด้วยนมแม่
    อายุ 3 - 6 เดือนฟันแท้ของลูกสุนัขเริ่มขึ้น

     

     

    วิธีหย่านมลูกสุนัขด้วยไอแอมส์™

     

    1. ให้เตรียมจานตื่น ๆ และใส่น้ำไว้เล็กน้อย โดยส่วนใหญ่แล้วลูกสุนัขจะชอบเล่นน้ำ ในช่วง 4-5 วัน ลูกสุนัขจะเริ่มมีพัฒนาการในการเลียกินน้ำจากจาน แต่ในลูกสุนัขบางตัวอาจต้องใช้ระยะเวลาในการฝึกนานกว่านี้ ดังนั้น คุณอย่าเพิ่งท้อแท้ถ้าหากว่าลูกสุนัขจะต่อต้านการฝึกการในน้ำในชาม


     
    2. เริ่มต้นผสมไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรลูกสุนัข สูตรดังเดิมกับน้ำ อย่าลืมเตรียมจานสำหรับน้ำสะอาดเอาไว้ให้ลูกสุนัขกินด้วย


     
    3.     ค่อย ๆ เพิ่มปริมาณของอาหาร ไปพร้อม ๆ กับลดปริมาณน้ำในส่วนผสมจนกว่าลูกสุนัขของคุณจะกินอาหารได้เต็มที่


     
    4. ทำขั้นตอนเดิมเหมือนผสมอาหารไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรลูกสุนัข ในปริมาณที่เหมาะสมแล้วเพิ่มอาหารเม็ดในขณะที่ลดปริมาณอาหารอ่อนลงจนกว่าการเปลี่ยนได้สมบูรณ์ 

     

    กระบวนการทั้งหมดควรใช้เวลาประมาณสามสัปดาห์

    feeding tips for the first 6 months header
    article feeding tips for the first 6 months header
Close modal