IAMS TH
Why Premium Puppy Food Is a Better Value
Why Premium Puppy Food Is a Better Value

adp_description_block490
ทำไมอาหารพรีเมียมสำหรับลูกสุนัขถึงมีคุณค่าที่ดีกว่า

  • แบ่งปัน

อาหารราคาถูกอาจดีกว่าในแง่ของการประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณ แต่อาจไม่เป็นประโยชน์สำหรับสุนัขของคุณเพราะเขาอาจไม่ได้รับสารอาหารตามที่เขาต้องการ อาหารพรีเมี่ยมเช่น ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรลูกสุนัข ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางโภชนาการเป็นอย่างมาก
 

    • โภชนาการที่สมบูรณ์และสมดุล 100%
    • ความครบถ้วนของสารอาหารและพลังงานที่สูง


    สารอาหารสูงและความหนาแน่นของพลังงาน


    การลงทุนด้วยอาหารพรีเมี่ยมอาจมีราคาสูงกว่าต่อถุง แต่เนื่องจากสูตรคุณภาพสูงเหล่านี้มีความครบถ้วนของสารอาหารสูง สุนัขของคุณอาจต้องการปริมาณอาหารน้อยลงซึ่งสามารถชดเชย ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นของอาหารพรีเมียมได้

    บนพื้นฐานของราคาต่อการให้อาหารให้ดูว่าคุณให้อาหารมากแค่ไหนในแต่ละวันเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายต่อถุงเพราะความครบถ้วนของสารอาหารและพลังงานจะลดลงสำหรับอาหารต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับอาหารพรีเมี่ยม

    ด้วยสูตรราคาประหยัดจะเน้นที่การผลิตและต้นทุนราคาของส่วนผสม อาหารสูตรต้นทุนต่ำสุดสองถุงสามารถมีส่วนผสมหรือระดับของส่วนผสมที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ส่วนผสมเหล่านั้นอาจแตกต่างกันอย่างมากในเรื่องความสามารถในการย่อย ซึ่งหมายความว่าคุณอาจต้องให้อาหารมากขึ้นเพื่อให้เท่ากับคุณค่าทางโภชนาการของสูตรอาหารสุนัขพรีเมี่ยม


    อาหารพรีเมี่ยมให้อะไร

    อาหารสุนัขพรีเมี่ยมคุณภาพสูงที่สมบูรณ์และสมดุลเช่นแบรนด์ของ ไอแอมส์™ ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่ออาหารสุนัขของคุณ

    • ส่วนผสมคุณภาพสูง
    • ช่วยในการย่อยอาหารที่ดี
    • ระดับโปรตีน ไขมัน เส้นใยอาหาร คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุที่เหมาะสม
    • สูตรสารอาหารที่มีครบถ้วนเหมาะสำหรับทุกช่วงวัย
    • มีอัตราส่วนกรดไขมันที่ดีเพื่อช่วยรักษาสุขภาพผิวหนังและเส้นขน
    • อร่อย ถูกใจสุนัข
    • มีการรับประกันสินค้า
    เพื่อตรวจสอบปริมาณอาหารที่จะให้สุนัขของคุณ ให้ตรวจสอบคำแนะนำการให้อาหารในแต่ละวันที่กำหนดโดยผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงโดยอ่านจากฉลาก ในการคำนวณขนาดสัดส่วน แบ่งตามปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน (โดยปกติคือสองครั้งสำหรับสุนัขโต)

    หากต้องการทราบว่าสุนัขของคุณมีน้ำหนักที่เหมาะสมหรือไม่ ให้ใช้มือลูบไปที่ด้านข้างของเขา หากคุณลูบแล้วเจอกระดูกซี่โครง สุนัขของคุณก็ค่อนข้างที่จะมีหุ่นที่ดี หรือมองลงมาที่ตัวเขาในทิศทางที่คุณยืนอยู่เหนือเขา คุณควรจะเห็นรอบเอวของเค้า


    หากสุนัขมีน้ำหนักเพิ่มหรือลดมากจนเกินไป ให้ลดหรือเพิ่มการกินอาหารประจำวันทีละน้อยและชั่งน้ำหนักเค้าในอีกหนึ่งสัปดาห์ถัดมา ถ้าคุณมีความกังวลเกี่ยวกับน้ำหนักสุนัข ให้สอบถามกับสัตวแพทย์ของคุณ สัตวแพทย์สามารถประเมินความต้องการของสุนัขของคุณและให้คำแนะนำการให้อาหารได้


    อาหารเม็ด อาหารเปียก และบิสกิต

    เมื่อคุณตัดสินใจเลือกสูตรพรีเมี่ยมแล้ว คุณมีทางเลือกก็คืออาหารเม็ดหรืออาหารเปียก แล้วบิสกิต ล่ะ?

    อาหารสุนัขพรีเมี่ยมชนิดเม็ดให้คุณค่าและความสะดวกสบายแก่คุณมากที่สุดและพร้อมเสริมคุณค่าทางอาหารให้กับสุนัขของคุณ อาหารเม็ดระดับพรีเมี่ยมมีหลายขนาดของถุงและหลายสูตรที่เหมาะสมกับขนาดตัว ช่วงวัยและระดับกิจกรรม อาหารชนิดเม็ดยังช่วยให้ทำฟันสะอาดและยังคงความสดใหม่ได้เป็นเวลานาน หากคุณเก็บไว้อย่างถูกต้อง

    อาหารเปียกจาก ไอแอมส์™ ให้สารอาหารครบถ้วน 100% ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ บิสกิต ลูกสุนัข ให้ความเพลิดเพลินและผลตอบแทนที่ดีและสามารถเพิ่มความหลากหลายให้กับอาหารสุนัขของคุณได้อีกด้วย

    • ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
      ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
      adp_description_block300
      ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

      • แบ่งปัน

      การนำลูกสุนัขตัวใหม่เข้าบ้านเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่ายินดี แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มาพร้อมความรับผิดชอบมากมาย หนึ่งในนั้นคือการพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อตรวจเช็กปัญหาสุขภาพแอบแฝงและสุขภาพโดยรวม อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีที่ผู้เลี้ยงจะปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน การให้อาหาร การฝึกสอน และวิธีการดูแลต่าง ๆ หากไม่แน่ใจว่าควรพาลูกสุนัขไปพบคุณหมอเมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน ติดตามคำตอบและเรื่องน่ารู้อีกมากมายได้ในบทความนี้

       

      ลูกสุนัขต้องพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

      ลูกสุนัขเป็นช่วงวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ค่อนข้างมาก ผู้เลี้ยงควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 – 4 สัปดาห์ แต่หากจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษอาจมีการนัดพบบ่อยขึ้น ทั้งนี้ก่อนพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอ คุณควรสอบถามข้อมูลการฉีดวัคซีนหรือการรักษาต่าง ๆ จากฟาร์มหรือผู้เพาะพันธุ์ให้เรียบร้อย และในกรณีที่รับเลี้ยงสุนัขไร้บ้านก็ควรแจ้งให้คุณหมอทราบเช่นกัน

      หากคุณสังเกตพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบพาเจ้าตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์ในทันที

      • บาดแผลบริเวณดวงตา
      • อาการลมพิษ
      • แผลเปิด
      • อาการชัก
      • เป็นลม หมดสติ
      • มีรอยกัด
      • หายใจลำบาก
      • อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
      • อาเจียน
      • ท้องเสีย
      • อาการเจ็บป่วยอื่น ๆ

      ข้อควรรู้ – แม้จะมีสมุดฉีดวัคซีนหรือหลักฐานการตรวจยืนยันจากผู้เพาะพันธุ์ คุณก็ควรพาลูกสุนัขไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพิ่มเติม
       

      การตรวจสุขภาพประจำปี

      ลูกสุนัขจำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีเช่นเดียวกับคน นอกจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นแล้ว คุณหมอจะตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ ปอด ดวงตา หู พร้อมมองหาอาการผิดปกติต่าง ๆ และอาจทำการทดสอบพื้นฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
       

      หลังการตรวจเช็กสุขภาพ คุณหมออาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนสูตรอาหาร เพิ่มหรือลดการออกกำลังกาย รวมถึงอาจต้องดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดียิ่งขึ้น ผู้เลี้ยงควรทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสุขภาพประจำปี คุณสามารถสอบถามหรือขอปรึกษาเรื่องเหล่านี้จากสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้

      • การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
      • รายงานสุขภาพ
      • โภชนาการที่เหมาะสม
      • คำถามเกี่ยวกับการดูแล การฝึก หรือปัญหาที่สงสัย

      ลูกสุนัขฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

      ลูกสุนัขเกิดมาพร้อมระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ อย่างไรก็ตาม พวกเค้าจะเริ่มสูญเสียภูมิคุ้มกันเหล่านี้เมื่ออายุ 6 – 8 สัปดาห์ จึงจำเป็นต้องเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงเวลาดังกล่าว บวกกับนิสัยชอบดมและเลียเพื่อสำรวจทุกสิ่งรอบตัว ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ มากมาย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการฉีดวัคซีนสามารถป้องกันไวรัสและโรคร้ายแรงได้ การฉีดวัคซีนจะเริ่มเมื่อลูกสุนัขมีอายุ 6 – 8 สัปดาห์ และต้องฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 2 – 4 สัปดาห์จนกว่าลูกสุนัขจะมีอายุ 16 สัปดาห์ขึ้นไป บางกรณีสัตวแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์ เนื่องจากมีการระบาดของโรคหรือเมื่อแม่หมาที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีน คุณสามารถขอตารางการฉีดวัคซีนของลูกสุนัขจากสัตวแพทย์ได้
       

      การฉีดวัคซีนสำหรับสุนัข

      สุนัขจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคไข้หัด และโรคตับอักเสบในสุนัข โดยวัคซีนทั่วไปที่สุนัขจำเป็นต้องได้รับมีดังนี้

      • เชื้อพาร์โวไวรัสในสุนัข
      • โรคไข้หัด
      • โรคตับอักเสบ
      • โรคพิษสุนัขบ้า
      • โรคติดเชื้อในทางเดินหายใจ
      • โรคลำไส้อักเสบติดต่อจากเชื้อโคโรนาไวรัสในสุนัข
      • โรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัข
      • โรคเลบโตสไปโรซีสหรือโรคไข้ฉี่หนู

      การฉีดวัคซีนข้างต้นอาจมีการผสมที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์และทำความเข้าใจให้ถูกต้อง

    Close modal