'ETHOXYQUIN คืออะไร
Ethoxyquin (เอทธิลีควิน) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสังเคราะห์ (ผลิตจากส่วนประกอบอื่น ๆ ) ซึ่งได้รับการรับรองสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกัน
Ethoxyquin ได้รับการอนุมัติและควบคุมโดยองค์การอาหารและยา (FDA) และสมาคมควบคุมการผลิตอาหารสัตว์แห่งสหรัฐอเมริกา (AAFCO) เพื่อใช้เป็นสารกันบูดในอาหารสัตว์
ผู้ผลิตอาหารสุนัขใช้ Ethoxyquin เพื่อป้องกันกลิ่นเหม็นหืนและรักษาคุณภาพทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์มานานกว่า 35 ปี
ทำไม ETHOXYQUIN จึงเป็นสารกันบูดที่ดีสำหรับอาหารสุนัข
Ethoxyquin จะคงอยู่ที่อุณหภูมิสูงสำหรับกระบวนการแปรรูปอาหารสุนัข มันเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันไขมันและน้ำมันจากการย่อยสลายจากอาหาร การสูญเสียแคลอรี่ที่มีอยู่ และการที่จะทำให้อาหารนั้นเหม็นหืนได้
ทำไมถึงมีการถามถึงการใช้ ETHOXYQUIN ในอาหารสุนัข
แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ว่า การศึกษาทั้งหมดจนถึงปัจจุบันพิสูจน์ให้เห็นว่า Ethoxyquin มีความปลอดภัยสำหรับใช้ในอาหารสัตว์ทุกชนิด เมื่อใช้ในระดับที่ได้รับอนุมัติแล้ว แต่ข่าวลือยังคงแพร่กระจายไปในทางตรงกันข้าม
บุคคลที่พยายามลดความน่าเชื่อถือของการใช้ Ethoxyquin มักจะอ้างถึงการศึกษาบางอย่างที่แสดงให้เห็นถึงสารพิษที่ส่งผลต่อสัตว์ที่เลี้ยงด้วย Ethoxyquin สิ่งที่บุคคลเหล่านี้ไม่สามารถชี้ให้เห็นได้คือ สัตว์ในการศึกษาเหล่านี้ได้รับ Ethoxyquin จำนวนมากเกินไป 20 ถึง 50 เท่าของขีดจำกัดสูงสุด ก่อนแสดงผลกระทบด้านลบ'
การนำลูกสุนัขตัวใหม่เข้าบ้านเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่ายินดี แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มาพร้อมความรับผิดชอบมากมาย หนึ่งในนั้นคือการพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อตรวจเช็กปัญหาสุขภาพแอบแฝงและสุขภาพโดยรวม อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีที่ผู้เลี้ยงจะปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน การให้อาหาร การฝึกสอน และวิธีการดูแลต่าง ๆ หากไม่แน่ใจว่าควรพาลูกสุนัขไปพบคุณหมอเมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน ติดตามคำตอบและเรื่องน่ารู้อีกมากมายได้ในบทความนี้
ลูกสุนัขเป็นช่วงวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ค่อนข้างมาก ผู้เลี้ยงควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 – 4 สัปดาห์ แต่หากจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษอาจมีการนัดพบบ่อยขึ้น ทั้งนี้ก่อนพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอ คุณควรสอบถามข้อมูลการฉีดวัคซีนหรือการรักษาต่าง ๆ จากฟาร์มหรือผู้เพาะพันธุ์ให้เรียบร้อย และในกรณีที่รับเลี้ยงสุนัขไร้บ้านก็ควรแจ้งให้คุณหมอทราบเช่นกัน
หากคุณสังเกตพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบพาเจ้าตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์ในทันที
ข้อควรรู้ – แม้จะมีสมุดฉีดวัคซีนหรือหลักฐานการตรวจยืนยันจากผู้เพาะพันธุ์ คุณก็ควรพาลูกสุนัขไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพิ่มเติม
ลูกสุนัขจำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีเช่นเดียวกับคน นอกจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นแล้ว คุณหมอจะตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ ปอด ดวงตา หู พร้อมมองหาอาการผิดปกติต่าง ๆ และอาจทำการทดสอบพื้นฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
หลังการตรวจเช็กสุขภาพ คุณหมออาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนสูตรอาหาร เพิ่มหรือลดการออกกำลังกาย รวมถึงอาจต้องดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดียิ่งขึ้น ผู้เลี้ยงควรทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสุขภาพประจำปี คุณสามารถสอบถามหรือขอปรึกษาเรื่องเหล่านี้จากสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้
ลูกสุนัขเกิดมาพร้อมระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ อย่างไรก็ตาม พวกเค้าจะเริ่มสูญเสียภูมิคุ้มกันเหล่านี้เมื่ออายุ 6 – 8 สัปดาห์ จึงจำเป็นต้องเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงเวลาดังกล่าว บวกกับนิสัยชอบดมและเลียเพื่อสำรวจทุกสิ่งรอบตัว ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ มากมาย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการฉีดวัคซีนสามารถป้องกันไวรัสและโรคร้ายแรงได้ การฉีดวัคซีนจะเริ่มเมื่อลูกสุนัขมีอายุ 6 – 8 สัปดาห์ และต้องฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 2 – 4 สัปดาห์จนกว่าลูกสุนัขจะมีอายุ 16 สัปดาห์ขึ้นไป บางกรณีสัตวแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์ เนื่องจากมีการระบาดของโรคหรือเมื่อแม่หมาที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีน คุณสามารถขอตารางการฉีดวัคซีนของลูกสุนัขจากสัตวแพทย์ได้
สุนัขจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคไข้หัด และโรคตับอักเสบในสุนัข โดยวัคซีนทั่วไปที่สุนัขจำเป็นต้องได้รับมีดังนี้
การฉีดวัคซีนข้างต้นอาจมีการผสมที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์และทำความเข้าใจให้ถูกต้อง