IAMS TH
Understanding Puppy Food Nutrition Labels
Understanding Puppy Food Nutrition Labels

adp_description_block338
การทำความเข้าใจฉลากโภชนาการอาหารลูกสุนัข

การทำความเข้าใจฉลากโภชนาการอาหารลูกสุนัข

  • แบ่งปัน

'คุณรู้จักอาหารที่คุณซื้อให้ลูกสุนัขของคุณมากน้อยแค่ไหน เมื่อซื้ออาหารลูกสุนัข คุณควรให้ความใส่ใจกับฉลากอาหารสุนัขทั้งสามส่วนนี้

1. แถบส่วนผสม

ส่วนนี้แสดงรายการส่วนผสมทั้งหมดที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ ส่วนผสมที่ระบุไว้ในลำดับจากมากไปน้อยตามน้ำหนักก่อนปรุงอาหาร หากคุณมองหาแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงจากสัตว์เช่น เนื้อไก่ หรือเนื้อแกะ เช่น สุนัขกินโปรตีนจากสัตว์เพื่อเจริญเติบโตสามารถอ่านได้จากตรงส่วนนี้

ผู้ผลิตที่ใช้โปรตีนจากพืชในปริมาณมากอาจช่วยประหยัดต้นทุนในการผลิตอาหาร— แต่เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม — ทางโภชนาการ คุณควรหลีกอาหารสุนัขที่ผ่านการแต่งสีและรสชาติเทียมเนื่องจากไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการกับสุนัข

 

2. การวิเคราะห์สารอาหาร

ใกล้แถบส่วนผสมต้องมีแผนผังเปอร์เซ็นต์สารอาหารที่เรียกว่า ''การวิเคราะห์สารอาหาร'' ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงสารอาหารพื้นฐานของสูตรอาหารสุนัขและปริมาณโปรตีน อาหารสุนัขที่มีคุณภาพควรระบุเปอร์เซ็นต์ขั้นต่ำของโปรตีนและไขมัน และเปอร์เซ็นต์สูงสุดของไฟเบอร์และความชื้น (น้ำ) เอาไว้ด้วย

 

3. ชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิต

ข้อมูลนี้จะต้องรวมอยู่ในฉลากตามกฎหมาย เบอร์คอลเซนเตอร์หรือที่อยู่เว็บสำหรับผู้ผลิตอาจมีการระบุไว้ ผู้ผลิตที่แสดงหมายเลขโทรศัพท์เช่น ไอแอมส์™ ยินดีรับสายและตอบคำถามของผู้บริโภค หากคุณต้องการข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ไอแอมส์™  โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราหรือโทรหาเราโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่หมายเลข 800-525-4267'

 article understanding puppy food nutrition header
  • ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
    ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?
    adp_description_block300
    ควรพาลูกสุนัขตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

    • แบ่งปัน

    การนำลูกสุนัขตัวใหม่เข้าบ้านเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่ายินดี แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มาพร้อมความรับผิดชอบมากมาย หนึ่งในนั้นคือการพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อตรวจเช็กปัญหาสุขภาพแอบแฝงและสุขภาพโดยรวม อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีที่ผู้เลี้ยงจะปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน การให้อาหาร การฝึกสอน และวิธีการดูแลต่าง ๆ หากไม่แน่ใจว่าควรพาลูกสุนัขไปพบคุณหมอเมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน ติดตามคำตอบและเรื่องน่ารู้อีกมากมายได้ในบทความนี้

     

    ลูกสุนัขต้องพบสัตวแพทย์บ่อยแค่ไหน?

    ลูกสุนัขเป็นช่วงวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ค่อนข้างมาก ผู้เลี้ยงควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 – 4 สัปดาห์ แต่หากจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษอาจมีการนัดพบบ่อยขึ้น ทั้งนี้ก่อนพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอ คุณควรสอบถามข้อมูลการฉีดวัคซีนหรือการรักษาต่าง ๆ จากฟาร์มหรือผู้เพาะพันธุ์ให้เรียบร้อย และในกรณีที่รับเลี้ยงสุนัขไร้บ้านก็ควรแจ้งให้คุณหมอทราบเช่นกัน

    หากคุณสังเกตพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบพาเจ้าตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์ในทันที

    • บาดแผลบริเวณดวงตา
    • อาการลมพิษ
    • แผลเปิด
    • อาการชัก
    • เป็นลม หมดสติ
    • มีรอยกัด
    • หายใจลำบาก
    • อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
    • อาเจียน
    • ท้องเสีย
    • อาการเจ็บป่วยอื่น ๆ

    ข้อควรรู้ – แม้จะมีสมุดฉีดวัคซีนหรือหลักฐานการตรวจยืนยันจากผู้เพาะพันธุ์ คุณก็ควรพาลูกสุนัขไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพิ่มเติม
     

    การตรวจสุขภาพประจำปี

    ลูกสุนัขจำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีเช่นเดียวกับคน นอกจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นแล้ว คุณหมอจะตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ ปอด ดวงตา หู พร้อมมองหาอาการผิดปกติต่าง ๆ และอาจทำการทดสอบพื้นฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
     

    หลังการตรวจเช็กสุขภาพ คุณหมออาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนสูตรอาหาร เพิ่มหรือลดการออกกำลังกาย รวมถึงอาจต้องดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดียิ่งขึ้น ผู้เลี้ยงควรทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสุขภาพประจำปี คุณสามารถสอบถามหรือขอปรึกษาเรื่องเหล่านี้จากสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้

    • การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
    • รายงานสุขภาพ
    • โภชนาการที่เหมาะสม
    • คำถามเกี่ยวกับการดูแล การฝึก หรือปัญหาที่สงสัย

    ลูกสุนัขฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

    ลูกสุนัขเกิดมาพร้อมระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ อย่างไรก็ตาม พวกเค้าจะเริ่มสูญเสียภูมิคุ้มกันเหล่านี้เมื่ออายุ 6 – 8 สัปดาห์ จึงจำเป็นต้องเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงเวลาดังกล่าว บวกกับนิสัยชอบดมและเลียเพื่อสำรวจทุกสิ่งรอบตัว ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ มากมาย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการฉีดวัคซีนสามารถป้องกันไวรัสและโรคร้ายแรงได้ การฉีดวัคซีนจะเริ่มเมื่อลูกสุนัขมีอายุ 6 – 8 สัปดาห์ และต้องฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 2 – 4 สัปดาห์จนกว่าลูกสุนัขจะมีอายุ 16 สัปดาห์ขึ้นไป บางกรณีสัตวแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์ เนื่องจากมีการระบาดของโรคหรือเมื่อแม่หมาที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีน คุณสามารถขอตารางการฉีดวัคซีนของลูกสุนัขจากสัตวแพทย์ได้
     

    การฉีดวัคซีนสำหรับสุนัข

    สุนัขจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคไข้หัด และโรคตับอักเสบในสุนัข โดยวัคซีนทั่วไปที่สุนัขจำเป็นต้องได้รับมีดังนี้

    • เชื้อพาร์โวไวรัสในสุนัข
    • โรคไข้หัด
    • โรคตับอักเสบ
    • โรคพิษสุนัขบ้า
    • โรคติดเชื้อในทางเดินหายใจ
    • โรคลำไส้อักเสบติดต่อจากเชื้อโคโรนาไวรัสในสุนัข
    • โรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัข
    • โรคเลบโตสไปโรซีสหรือโรคไข้ฉี่หนู

    การฉีดวัคซีนข้างต้นอาจมีการผสมที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์และทำความเข้าใจให้ถูกต้อง

Close modal