IAMS TH
Puppy Basics: Selecting the Right Food
Puppy Basics: Selecting the Right Food

adp_description_block428
เปิดเคล็ดลับการเลือกอาหารสำหรับลูกสุนัข

  • แบ่งปัน

สุนัขต้องการโภชนาการที่เหมาะสมเพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี สุนัขแต่ละขนาดและสายพันธุ์ต้องการสารอาหารในปริมาณที่แตกต่างกัน อย่างลูกสุนัขที่อยู่ในช่วงกำลังเจริญเติบโต จะต้องการพลังงานมากขึ้นสำหรับการพัฒนาโดยรวม สารอาหารต่าง ๆ เช่น ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุ ช่วยให้ลูกสุนัขเติบโตอย่างสมวัยและแข็งแรง การเลือกอาหารลูกสุนัขจึงถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ เพราะมีผลโดยตรงต่อพัฒนาการของเจ้าตัวน้อยในช่วงปีแรก
 

ขอแนะนำ ไอแอมส์™ หนึ่งในแบรนด์อาหารลูกสุนัขชั้นนำ คัดสรรแต่วัตถุดิบคุณภาพดี อุดมไปด้วยพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกสุนัขที่คุณรัก
 

ควรเลือกอาหารสำหรับลูกสุนัขอย่างไร?

ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่มักเผชิญกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อต้องเลือกซื้ออาหารให้เจ้าตัวน้อย โดยลูกสุนัขต้องการสารอาหารมากขึ้นถึงสองเท่าเมื่อเทียบกับสุนัขโตเต็มวัย เพื่อให้พวกเค้าเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย คุณควรมองหาอาหารที่ย่อยง่ายและมีสารอาหารจำเป็นครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน โปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต หากเลือกอาหารที่เหมาะสม ลูกสุนัขยังจะได้รับประโยชน์เหล่านี้เพิ่มเติมด้วย

  • ขนสวยเงางาม
  • กล้ามเนื้อชัดโดดเด่น
  • การมองเห็นดีขึ้น
  • การย่อยอาหารดีขึ้น
  • การเคลื่อนไหวของลำไส้ดีขึ้น
  • ร่าเริงสดใสและอารมณ์ดี
  • สุขภาพดี มีความสุข

วิธีการเลือกแบรนด์อาหารลูกสุนัข

แม้ว่าอาหารปรุงเองจะมีคุณค่าทางโภชนาการ แต่บางครั้งก็อาจไม่เพียงพอสำหรับร่างกายที่กำลังเติบโตของลูกสุนัข ผู้เลี้ยงจึงจำเป็นต้องพึ่งพาอาหารลูกสุนัขสำเร็จรูปที่อุดมด้วยโปรตีนและสารอาหารที่จำเป็นอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี โดยการเลือกแบรนด์อาหารลูกสุนัขที่เหมาะสม ควรพิจารณาจากปัจจัยดังต่อไปนี้

  • เป็นที่รู้จักและมีความน่าเชื่อถือ – ควรเลือกซื้ออาหารสุนัขจากแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก มีความน่าเชื่อถือ และมีมาตรฐานรับรอง เพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าตัวน้อยของคุณจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วนและเพียงพอต่อการเจริญเติบโต
  •  ฉลากผลิตภัณฑ์ – ควรอ่านชื่อและฉลากบนผลิตภัณฑ์เพื่อตรวจเช็กข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมด เช่น คุณค่าทางโภชนาการ น้ำหนักสุทธิ และแผนภูมิสารอาหารที่ต้องมีระบุบนฉลากผลิตภัณฑ์อาหารลูกสุนัขทุกแบรนด์ นอกจากการตรวจสอบคุณค่าทางโภชนาการแล้ว คุณต้องเช็กที่อยู่และรายละเอียดการติดต่อของผู้ผลิตด้วย ข้อมูลในส่วนนี้จะมีประโยชน์มากเมื่อคุณต้องการส่งคำแนะนำและข้อร้องเรียนไปยังแบรนด์โดยตรง ทั้งนี้ควรอ่านรายการส่วนผสมอย่างละเอียด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดอาการแพ้กับเจ้าตัวน้อยของคุณ บนฉลากยังควรระบุวันผลิตและวันหมดอายุของผลิตภัณฑ์ รวมถึงคำแนะนำในการให้อาหารด้วย
  • ส่วนผสม – การเลือกอาหารให้ลูกสุนัขต้องทำอย่างระมัดระวังและพิถีพิถัน พวกเค้าต้องการแหล่งโปรตีน ไฟเบอร์ และคาร์โบไฮเดรตคุณภาพดี อีกทั้งยังต้องการกรดอะมิโน 22 ชนิดเพื่อผลิตโปรตีนที่จำเป็นต่อการอยู่รอด การตรวจเช็กรายการส่วนผสมอย่างถี่ถ้วนจะช่วยให้คุณวิเคราะห์ส่วนผสมและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าตัวน้อยได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้คุณต้องคำนึงถึงสายพันธุ์ ขนาด และน้ำหนักตัวของลูกสุนัขด้วย อย่างสุนัขพันธุ์เล็กจะโตเร็วกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ สารอาหารและพลังงานที่ต้องการก็จะแตกต่างกัน การเปลี่ยนสูตรอาหารให้เหมาะกับช่วงวัยก็ไม่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าลูกสุนัขส่วนใหญ่จะเริ่มกินอาหารเม็ดเมื่อมีอายุ 4 สัปดาห์ก็ตาม หากคุณไม่มั่นใจเกี่ยวกับสายพันธุ์หรือปริมาณสารอาหารที่จำเป็น สามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้
 

สารอาหารที่จำเป็นสำหรับสุนัขแต่ละสายพันธุ์

สุนัขแต่ละสายพันธุ์ต้องการสารอาหารในปริมาณที่แตกต่างกันเพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้คุณเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าตัวน้อย เราได้รวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปริมาณสารอาหารที่จำเป็นสำหรับน้องหมาแต่ละขนาดมาฝากกัน

  1. สุนัขพันธุ์เล็ก – น้องหมาพันธุ์เล็กไม่มีทางตัวใหญ่เท่ากับสายพันธุ์อื่น ๆ แต่เจ้าจิ๋วเหล่านี้เติบโตเร็วมาก พวกเค้าจึงต้องการสารอาหารมากขึ้นในช่วงแรกของชีวิต แต่เนื่องจากมีขนาดตัวและอวัยวะที่เล็ก จึงจำเป็นจะต้องเลือกอาหารที่สามารถให้คุณค่าทางโภชนาการได้อย่างครบถ้วนแม้จะกินในปริมาณที่จำกัด อย่างไรก็ตาม ควรให้อาหารน้องหมาพันธุ์เล็กและพันธุ์ทอยอย่างน้อย 3 – 4 มื้อต่อวัน เพื่อให้พวกเค้าได้รับสารอาหารที่จำเป็นทั้งหมดที่สำหรับการเจริญเติบโต
  2. สุนัขพันธุ์กลาง – ควรเลือกอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์ให้กับน้องหมาพันธุ์นี้ อาหารสองมื้อต่อวันก็เพียงพอแล้วสำหรับความต้องการของพวกเค้า แต่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุล
  3. สุนัขพันธุ์ใหญ่ – น้องหมาสายพันธุ์นี้ไม่ต้องการแคลเซียมมากอย่างที่คนส่วนใหญ่เชื่อกัน แม้ว่าจะมีโครงสร้างกระดูกที่ใหญ่กว่าเพื่อน ๆ พันธุ์อื่นก็ตาม พวกเค้าต้องการแคลเซียม ฟอสฟอรัส และแคลอรีในปริมาณที่พอเหมาะ การให้อาหารมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาด้านพัฒนาการและกระดูก จึงจำเป็นต้องกำหนดปริมาณอาหารให้เหมาะสม ทั้งนี้คุณควรเลือกสูตรอาหารที่มีไขมันและแคลอรี่น้อย รวมถึงจำกัดการให้อาหารไว้ที่ 2 – 3 มื้อต่อวัน

การเจริญเติบโตและการพัฒนาการของลูกสุนัขในช่วงปีแรกเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ผู้เลี้ยงจึงควรเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน โดยเลือกให้เหมาะกับอายุ ขนาดสายพันธุ์ และระมัดระวังเรื่องอาการแพ้ต่าง ๆ ด้วย หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความต้องการทางโภชนาการและสายพันธุ์ของลูกสุนัข ควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนตัดสินใจเลือกซื้ออาหาร
 

ทำไมอาหารลูกสุนัขของ ไอแอมส์™ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด?

ไอแอมส์™ ให้ความสำคัญกับโภชนาการสำหรับสุนัขทุกวัยและทุกสายพันธุ์ อาหารสุนัขสูตรสำหรับแม่และลูกสุนัขของเราถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เพราะมีสารอาหารจำเป็นเพียงพอต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสมของลูกสุนัขตัวน้อย นอกจากจะเต็มไปด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุแล้ว ยังมีดีเอชเอที่จำเป็นต่อพัฒนาการสมองและการเรียนรู้ รวมถึงมีโคลอสตรุมซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นและพบได้ในน้ำนมของแม่สุนัขเท่านั้น นอกจากนี้อาหารสุนัขสำหรับแม่และลูกสุนัข สูตร โปรแอคทีฟ เฮลท์™ จากไอแอมส์™ ยังมีส่วนผสมของไฟเบอร์ พรีไบโอติกจากธรรมชาติ และฟรุกโต โอลิโกแซคคาไรด์ (FOS) ซึ่งช่วยเสริมกล้ามเนื้อและระบบย่อยอาหารให้แข็งแรงอีกด้วย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลือกอาหารสำหรับลูกสุนัข

  1. เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอาหารชนิดใดดีที่สุดสำหรับลูกสุนัข?
  2. ลูกสุนัขชอบอาหารที่ผลิตจากเนื้อสัตว์เป็นหลัก คุณสามารถเลือกสูตรอาหารที่ดีที่สุดได้โดยเลือกให้เหมาะกับขนาดสายพันธุ์ เนื่องจากน้องหมาแต่ละสายพันธุ์ต้องการสารอาหารในปริมาณที่แตกต่างกันสำหรับพัฒนาการโดยรวมและการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์แข็งแรง

  3. ลูกสุนัขต้องการอาหารสูตรสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะใช่หรือไม่?
  4. ใช่ ลูกสุนัขต้องการพลังงานมากกว่าสุนัขโตเต็มวัย ดังนั้นพวกเค้าจึงต้องการอาหารสูตรพิเศษที่มีสารอาหารมากขึ้นเป็นสองเท่า นอกจากนี้ลูกสุนัขยังต้องได้รับอาหารบ่อยขึ้นด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับสารอาหารเพียงพอต่อความต้องการ

  5. อะไรคืออาหารที่ดีต่อสุขภาพของลูกสุนัขที่สุด?
  6. มันขึ้นอยู่กับความต้องการทางโภชนาการและอาการแพ้ของลูกสุนัข ลูกสุนัขส่วนใหญ่ต้องการอาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนผสมหลัก รวมถึงต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุล อย่างอาหารลูกสุนัขเกรดพรีเมียมจากไอแอมส์™ ซึ่งได้รับการทดสอบแล้วว่าช่วยให้น้องหมาของคุณแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดีขึ้น

  • สุนัขหายใจแรงเกิดจากอะไร?
    สุนัขหายใจแรงเกิดจากอะไร?
    adp_description_block241
    สุนัขหายใจแรงเกิดจากอะไร?

    • แบ่งปัน

    เคยเห็นน้องหมาหายใจแรงหรือหอบจนลิ้นห้อยกันไหม? พฤติกรรมนี้มักจะเกิดหลังการเล่นหรือในช่วงบ่ายที่อากาศค่อนข้างร้อน หลายคนอาจสงสัยว่าอะไรคือสาเหตุเบื้องหลัง มันเชื่อมโยงกับสุขภาพและความเป็นอยู่ของสุนัขหรือไม่

    การหอบของสุนัขเป็นวิธีการตอบสนองของร่างกายเพื่อควบคุมอุณหภูมิและระบายความร้อน อีกทั้งยังเป็นวิธีสื่อสารภาวะทางอารมณ์อย่างหนึ่งด้วย โดยการทำความเข้าใจลักษณะและสาเหตุของอาการหอบ จะช่วยให้เราดูแลน้องหมาที่รักได้ดียิ่งขึ้น
     

    อาการหอบของสุนัข

    สุนัขหอบเพื่อควบคุมอุณหภูมิร่างกาย เป็นกลไกที่คล้ายคลึงกับเหงื่อของคน แม้ว่าการหอบจะเป็นเรื่องปกติ แต่หากมีอาการมากผิดปกติ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่
     

    อาการหอบทั่วไป

    • การหายใจ – สำหรับน้องหมาที่มีสุขภาพดี ในขณะที่นั่งพักมักจะมีอัตราการหายใจ 15 – 35 ครั้งต่อนาที
    • ความรุนแรง – หายใจตื้นแต่เงียบ ไม่ค่อยมีอาการลิ้นห้อย
    • บริบท – คาดว่าจะมีอาการหอบหลังออกกำลังกาย เล่น ตื่นเต้น หรือในช่วงที่อากาศร้อน
    • ความต่อเนื่อง – เมื่อได้รับการดูแลแล้ว (เช่น เย็นลงหรือสงบลง) การหอบก็ควรจะทุเลาลง
       

    อาการหอบที่ผิดปกติ

    • การหายใจ – ในช่วงพักหรือขณะเคลื่อนไหวเล็กน้อย น้องหมาหายใจเร็วมาก หรือมีอัตราการหายใจ 40 ครั้งต่อนาที นี่ถือเป็นสัญญาณอันตราย
    • ความรุนแรง – เมื่อสุนัขหายใจแรง การหอบจะลึกและหนักหน่วง โดยมีอาการลิ้นห้อยและน้ำลายไหลอย่างชัดเจน
    • บริบท – เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เช่น ขณะพักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่เย็นสบาย
    • ความต่อเนื่อง – อาการหอบไม่ทุเลาแม้จะดูแลหรือจัดการกับสาเหตุแล้ว อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เซื่องซึม อาเจียน หรือเบื่ออาหาร
       

    สาเหตุของอาการหอบ

    แม้อาการหอบจะเป็นกลไกหลักในการระบายความร้อน แต่อาการนี้ก็เกิดจากสาเหตุอื่นได้เช่นกัน 
     

    สาเหตุทางกายภาพ

    • การควบคุมความร้อนในร่างกาย – การหอบช่วยให้ร่างกายของสุนัขเย็นลงหลังออกกำลังกาย เล่น หรือในช่วงที่อากาศร้อน โดยจะระเหยความชื้นออกจากลิ้นและทางเดินหายใจ เพื่อให้อุณหภูมิในร่างกายกลับสู่ระดับปกติ
    • ความเจ็บปวด – การหอบมากเกินไปอาจเป็นสัญญาณของความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บหรือปัญหาสุขภาพ ความเจ็บปวดทำให้อัตราการเต้นของหัวใจและอุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้เกิดอาการหอบ
    • ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ – โรคภูมิแพ้ หอบหืด อาการไอ และปัญหาในระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ อาจทำให้สุนัขหายใจได้ยาก ส่งผลให้หายใจหอบเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้องการออกซิเจนมากขึ้น
       

    สาเหตุทางอารมณ์

    • ความตื่นเต้น – เมื่อน้องหมารู้สึกตื่นเต้น อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจจะเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งถูกมองว่าเป็นอาการหอบ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเล่น การทักทาย หรือการคาดหวังกิจกรรมโปรด
    • ความเครียดหรือวิตกกังวล – การหอบเป็นกลไกในการรับมือกับความเครียดและความกังวล แนะนำให้ระวังพฤติกรรมผิดปกติอื่น ๆ ด้วย เช่น เดินวนไปมา น้ำลายไหล หรือการเชิดหาง
    • ความกลัว – เสียงดัง พายุฝนฟ้าคะนอง และสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยสามารถกระตุ้นให้เกิดความกลัว ส่งผลให้น้องหมาหายใจเร็ว หอบ ตัวสั่น และพยายามซ่อนตัว
       

    ควรทำอย่างไรเมื่อสุนัขหายใจแรง?

    การเห็นเจ้าตัวน้อยกำลังดิ้นรนหายใจอาจเป็นประสบการณ์ที่สะเทือนอารมณ์ แต่สิ่งสำคัญคือต้องสงบสติอารมณ์ จากนั้นให้ประเมินสถานการณ์และปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้
     

    ตรวจสอบสภาพแวดล้อม

    • กิจกรรมล่าสุด – น้องหมาทำกิจกรรมใดไปบ้าง มีการออกแรงมากหรือไม่ เช่น เล่นคาบของ วิ่ง หรือออกกำลังกายอย่างหนัก
    • อุณหภูมิและสภาพอากาศ – อากาศร้อนหรือเปล่า? พวกเค้าตากแดดนานไปหรือไม่?
    • สภาพแวดล้อมที่ตึงเครียด – มีเสียงดัง คนที่ไม่คุ้นเคย หรือมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลหรือไม่?

    หากพบปัจจัยเหล่านี้ การหอบน่าจะเป็นการตอบสนองของร่างกายตามปกติเพื่อควบคุมอุณหภูมิหรือจัดการกับความเครียด ในกรณีนี้ เพียงจัดพื้นที่ที่อากาศถ่ายเท เย็นสบาย และเงียบสงบให้น้องหมาพักผ่อน รวมถึงควรจัดเตรียมน้ำสะอาดให้เพียงพอด้วย
     

    สังเกตอาการและพฤติกรรม

    • ความรุนแรง – การหอบหายใจตื้นและเงียบสงบ หรือลึกและหนักหน่วง
    • การหายใจ – พวกเค้าหายใจกี่ครั้งต่อนาที
    • ลิ้น – มีอาการลิ้นห้อยและน้ำลายไหลหรือไม่
    • อาการร่วม – มีอาการร่วมด้วยหรือไม่ เช่น เซื่องซึม อาเจียน หรือเบื่ออาหาร

    คอยสังเกตอาการและการหายใจของน้องหมาอย่างใกล้ชิด อาการหอบที่มากผิดปกติทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เย็นสบาย อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพซึ่งควรได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม
     

    วิธีการดูแล

    • ลดอุณหภูมิร่างกาย – ย้ายน้องหมาไปยังบริเวณที่อากาศถ่ายเทและมีร่มเงา 
    • เตรียมน้ำสะอาด – ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเค้าสามารถเข้าถึงน้ำที่สะอาดและสดใหม่ได้ตลอดเวลา
    • สร้างสภาพแวดล้อมที่สงบ – สร้างพื้นที่ที่เงียบสงบและสะดวกสบายเพื่อให้น้องหมาพักผ่อนโดยปราศจากการรบกวน

    ขั้นตอนเหล่านี้ช่วยบรรเทาอาการหอบที่เกิดจากความร้อนหรือความเครียดได้
     

    อาการหอบแบบใดที่น่ากังวลและควรพาไปพบสัตวแพทย์?

    ลักษณะอาการเหล่านี้เป็นอาการที่ผิดปกติและน่ากังวล ควรไปพบคุณหมอทันทีที่พบเห็น

    • อาการร่วม – หากน้องหมามีอาการหอบร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น เซื่องซึม อ่อนแรง เบื่ออาหาร อาเจียน ท้องเสีย ไอ เหงือกซีด น้ำลายไหลมาก หรือมีพฤติกรรมผิดปกติ ควรได้รับการดูแลจากสัตวแพทย์โดยทันที
    • อาการหอบอย่างรุนแรง – อาการหอบลึก หนักหน่วง และลิ้นห้อย อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
    • อาการหอบอย่างต่อเนื่อง – หากยังคงมีอาการหอบอยู่แม้จะพักผ่อนแล้ว อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เย็นแล้ว หรือได้รับการดูแลเบื้องต้นแล้ว กรณีนี้จำเป็นต้องได้รับการประเมินจากสัตวแพทย์เพิ่มเติม
    • อาการหอบไม่ดีขึ้น – หากการหอบไม่ทุเลาลงภายในระยะเวลาที่เหมาะสมหรือแย่ลงไปอีก แม้ว่าจะจัดการกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมแล้วก็ตาม คุณจำเป็นจะต้องขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

    แม้การหอบจะเป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกาย แต่ก็บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพได้เช่นกัน คุณจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการเพื่อประเมินความรุนแรงและความน่ากังวล วิธีนี้จะช่วยให้คุณดูแลน้องหมาได้ดียิ่งขึ้น

Close modal