IAMS TH
How to Help Your Overweight Dog
How to Help Your Overweight Dog

adp_description_block41
ทำอย่างไรถึงจะช่วยสุนัขของคุณที่มีน้ำหนักเกินได้

ทำอย่างไรถึงจะช่วยสุนัขของคุณที่มีน้ำหนักเกินได้

  • แบ่งปัน

ความหมาย สาเหตุ และปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคอ้วนในสุนัข

โรคอ้วนหมายถึง การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวที่เกินข้อจำกัดของโครงสร้างกระดูกและร่างกายเป็นผลมาจากการสะสมของไขมันในร่างกายส่วนเกิน

โรคอ้วนหมายถึง การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวที่เกินข้อจำกัดของโครงสร้างกระดูกและร่างกาย เป็นผลมาจากการสะสมของไขมันส่วนเกินในร่างกาย

โรคอ้วนมีสาเหตุมาจากปริมาณแคลอรี่ที่สูงเกินกว่าแคลอรี่ที่ใช้ไป นี่หมายความว่าสุนัขกินอาหารทีให้พลังงาน (แคลอรี่) มากกว่าที่ใช้และเก็บพลังงานส่วนเกินไว้ในรูปแบบของไขมัน



มีหลายปัจจัยที่สามารถนำไปสู่โรคอ้วน เช่น :

• การให้อาหารมากเกินไป
• การเคลื่อนไหวน้อย
• สายพันธุ์
• อายุและเพศ
• การทำหมัน
• โรคเบาหวาน
• ภาวะที่มีการทำงานของฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตมากเกิน
• ไฮโปไทรอยด์
• น้ำหนักของเจ้าของ

กรดไขมัน ไฟเบอร์ และกรดไขมันในโปรแกรมลดน้ำหนักสุนัขของคุณ
 

ไขมัน

• สุนัขใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลัก
• คาร์โบไฮเดรตเป็นทางเลือกที่ให้แคลอรีต่ำซึ่งเป็นอาหารที่ทดแทนไขมันได้และย่อยสลายง่าย คาร์โบไฮเดรตที่ย่อยได้นั้นมีปริมาณแคลอรี่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณไขมันที่เท่ากัน และไม่มีข้อเสียเหมือนกับไฟเบอร์ที่ย่อยไม่ได้
• ไฟเบอร์และกรดไขมัน
• ไฟเบอร์ระดับปกติของแหล่งไฟเบอร์ที่ย่อยได้โดยจุลินทรีย์ปานกลางช่วยสร้างและรักษาลำไส้ให้แข็งแรง นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสุนัขที่กำลังอยู๋ในแผนการลดน้ำหนัก
• ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักสำหรับสุนัขบางชนิดจะลดแคลอรี่ด้วยไฟเบอร์ในปริมาณสูง อาหารที่มีไฟเบอร์สูงอาจลดความสามารถในการย่อยและดูดซึมสารอาหารหลายชนิดรวมถึงไขมัน อาหารที่มีไฟเบอร์สูงเหล่านี้อาจส่งผลให้อุจจาระมีขนาดใหญ่ ขับถ่ายบ่อย และสภาพผิวหนังและขนที่ลดแย่ลง
• อาหารที่ให้ระดับกรดไขมันที่ปรับแล้วจะช่วยรักษาผิวหนังและขนของสัตว์เลี้ยงให้มีสุขภาพดีแม้จะลดระดับไขมันลงก็ตาม
คาร์โบไฮเดรตและส่วนผสมพิเศษในโปรแกรมลดน้ำหนักสุนัขของคุณ
คาร์โบไฮเดรตและส่วนผสมพิเศษ
• การให้อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตจากข้าวโพด คาร์โบไฮเดรตข้าวฟ่าง และ/หรือข้าวบาร์เลย์อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือด และอินซูลินลดลงเมื่อเทียบกับการให้อาหารที่มีข้าวเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตหลัก ระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลินที่ลดลงสามารถช่วยรักษาน้ำหนักที่เหมาะสมได้
นอกจากนี้อาหารที่มี L-carnitine สามารถช่วยให้สุนัขเผาผลาญไขมันได้ L-carnitine เป็นสารประกอบคล้ายวิตามินที่ช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้
การลดน้ำหนักสำหรับสุนัขของคุณควรค่อยเป็นค่อยไป
• เป้าหมายของโปรแกรมลดน้ำหนักที่ดีควรเป็นการลดน้ำหนักทีละน้อย สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในแมว เนื่องจากข้อจำกัดของสารอาหารอย่างรุนแรงอาจส่งผลให้เกิดไขมันในตับ (การสะสมไขมันผิดปกติในตับ)
• สุนัขควรลดน้ำหนัก 1 ถึง 2% ของน้ำหนักเริ่มต้นต่อสัปดาห์
• วิธีที่ดีในการเริ่มโปรแกรมลดน้ำหนักคือการลดปริมาณแคลอรี่ โดยเปลี่ยนไปใช้สูตรควบคุมน้ำหนักหรือลดไขมัน สุนัขและแมวที่ตอบสนองช้า

 

ควรไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับโปรแกรมลดน้ำหนักแบบพิเศษ
โปรแกรมการควบคุมน้ำหนักโดยรวมสามารถนำไปสู่การลดน้ำหนักที่ประสบความสำเร็จได้ แนะนำว่าควรให้สัตวแพทย์เป็นผู้ประเมินการลดน้ำหนักให้ และเจ้าของจำต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากที่จะทำให้การลดน้ำหนักประสบความสำเร็จ

สัตวแพทย์แนะนำ ผลิตภัณฑ์จาก ไอแอมส์™ ที่ให้สารอาหารที่เหมาะสมสำหรับสุนัขในโปรแกรมลดน้ำหนักอีกด้วย

  • สุนัขหายใจแรงเกิดจากอะไร?
    สุนัขหายใจแรงเกิดจากอะไร?
    adp_description_block21
    สุนัขหายใจแรงเกิดจากอะไร?

    • แบ่งปัน

    เคยเห็นน้องหมาหายใจแรงหรือหอบจนลิ้นห้อยกันไหม? พฤติกรรมนี้มักจะเกิดหลังการเล่นหรือในช่วงบ่ายที่อากาศค่อนข้างร้อน หลายคนอาจสงสัยว่าอะไรคือสาเหตุเบื้องหลัง มันเชื่อมโยงกับสุขภาพและความเป็นอยู่ของสุนัขหรือไม่

    การหอบของสุนัขเป็นวิธีการตอบสนองของร่างกายเพื่อควบคุมอุณหภูมิและระบายความร้อน อีกทั้งยังเป็นวิธีสื่อสารภาวะทางอารมณ์อย่างหนึ่งด้วย โดยการทำความเข้าใจลักษณะและสาเหตุของอาการหอบ จะช่วยให้เราดูแลน้องหมาที่รักได้ดียิ่งขึ้น
     

    อาการหอบของสุนัข

    สุนัขหอบเพื่อควบคุมอุณหภูมิร่างกาย เป็นกลไกที่คล้ายคลึงกับเหงื่อของคน แม้ว่าการหอบจะเป็นเรื่องปกติ แต่หากมีอาการมากผิดปกติ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่
     

    อาการหอบทั่วไป

    • การหายใจ – สำหรับน้องหมาที่มีสุขภาพดี ในขณะที่นั่งพักมักจะมีอัตราการหายใจ 15 – 35 ครั้งต่อนาที
    • ความรุนแรง – หายใจตื้นแต่เงียบ ไม่ค่อยมีอาการลิ้นห้อย
    • บริบท – คาดว่าจะมีอาการหอบหลังออกกำลังกาย เล่น ตื่นเต้น หรือในช่วงที่อากาศร้อน
    • ความต่อเนื่อง – เมื่อได้รับการดูแลแล้ว (เช่น เย็นลงหรือสงบลง) การหอบก็ควรจะทุเลาลง
       

    อาการหอบที่ผิดปกติ

    • การหายใจ – ในช่วงพักหรือขณะเคลื่อนไหวเล็กน้อย น้องหมาหายใจเร็วมาก หรือมีอัตราการหายใจ 40 ครั้งต่อนาที นี่ถือเป็นสัญญาณอันตราย
    • ความรุนแรง – เมื่อสุนัขหายใจแรง การหอบจะลึกและหนักหน่วง โดยมีอาการลิ้นห้อยและน้ำลายไหลอย่างชัดเจน
    • บริบท – เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เช่น ขณะพักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่เย็นสบาย
    • ความต่อเนื่อง – อาการหอบไม่ทุเลาแม้จะดูแลหรือจัดการกับสาเหตุแล้ว อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เซื่องซึม อาเจียน หรือเบื่ออาหาร
       

    สาเหตุของอาการหอบ

    แม้อาการหอบจะเป็นกลไกหลักในการระบายความร้อน แต่อาการนี้ก็เกิดจากสาเหตุอื่นได้เช่นกัน 
     

    สาเหตุทางกายภาพ

    • การควบคุมความร้อนในร่างกาย – การหอบช่วยให้ร่างกายของสุนัขเย็นลงหลังออกกำลังกาย เล่น หรือในช่วงที่อากาศร้อน โดยจะระเหยความชื้นออกจากลิ้นและทางเดินหายใจ เพื่อให้อุณหภูมิในร่างกายกลับสู่ระดับปกติ
    • ความเจ็บปวด – การหอบมากเกินไปอาจเป็นสัญญาณของความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บหรือปัญหาสุขภาพ ความเจ็บปวดทำให้อัตราการเต้นของหัวใจและอุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้เกิดอาการหอบ
    • ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ – โรคภูมิแพ้ หอบหืด อาการไอ และปัญหาในระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ อาจทำให้สุนัขหายใจได้ยาก ส่งผลให้หายใจหอบเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้องการออกซิเจนมากขึ้น
       

    สาเหตุทางอารมณ์

    • ความตื่นเต้น – เมื่อน้องหมารู้สึกตื่นเต้น อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจจะเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งถูกมองว่าเป็นอาการหอบ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเล่น การทักทาย หรือการคาดหวังกิจกรรมโปรด
    • ความเครียดหรือวิตกกังวล – การหอบเป็นกลไกในการรับมือกับความเครียดและความกังวล แนะนำให้ระวังพฤติกรรมผิดปกติอื่น ๆ ด้วย เช่น เดินวนไปมา น้ำลายไหล หรือการเชิดหาง
    • ความกลัว – เสียงดัง พายุฝนฟ้าคะนอง และสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยสามารถกระตุ้นให้เกิดความกลัว ส่งผลให้น้องหมาหายใจเร็ว หอบ ตัวสั่น และพยายามซ่อนตัว
       

    ควรทำอย่างไรเมื่อสุนัขหายใจแรง?

    การเห็นเจ้าตัวน้อยกำลังดิ้นรนหายใจอาจเป็นประสบการณ์ที่สะเทือนอารมณ์ แต่สิ่งสำคัญคือต้องสงบสติอารมณ์ จากนั้นให้ประเมินสถานการณ์และปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้
     

    ตรวจสอบสภาพแวดล้อม

    • กิจกรรมล่าสุด – น้องหมาทำกิจกรรมใดไปบ้าง มีการออกแรงมากหรือไม่ เช่น เล่นคาบของ วิ่ง หรือออกกำลังกายอย่างหนัก
    • อุณหภูมิและสภาพอากาศ – อากาศร้อนหรือเปล่า? พวกเค้าตากแดดนานไปหรือไม่?
    • สภาพแวดล้อมที่ตึงเครียด – มีเสียงดัง คนที่ไม่คุ้นเคย หรือมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลหรือไม่?

    หากพบปัจจัยเหล่านี้ การหอบน่าจะเป็นการตอบสนองของร่างกายตามปกติเพื่อควบคุมอุณหภูมิหรือจัดการกับความเครียด ในกรณีนี้ เพียงจัดพื้นที่ที่อากาศถ่ายเท เย็นสบาย และเงียบสงบให้น้องหมาพักผ่อน รวมถึงควรจัดเตรียมน้ำสะอาดให้เพียงพอด้วย
     

    สังเกตอาการและพฤติกรรม

    • ความรุนแรง – การหอบหายใจตื้นและเงียบสงบ หรือลึกและหนักหน่วง
    • การหายใจ – พวกเค้าหายใจกี่ครั้งต่อนาที
    • ลิ้น – มีอาการลิ้นห้อยและน้ำลายไหลหรือไม่
    • อาการร่วม – มีอาการร่วมด้วยหรือไม่ เช่น เซื่องซึม อาเจียน หรือเบื่ออาหาร

    คอยสังเกตอาการและการหายใจของน้องหมาอย่างใกล้ชิด อาการหอบที่มากผิดปกติทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เย็นสบาย อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพซึ่งควรได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม
     

    วิธีการดูแล

    • ลดอุณหภูมิร่างกาย – ย้ายน้องหมาไปยังบริเวณที่อากาศถ่ายเทและมีร่มเงา 
    • เตรียมน้ำสะอาด – ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเค้าสามารถเข้าถึงน้ำที่สะอาดและสดใหม่ได้ตลอดเวลา
    • สร้างสภาพแวดล้อมที่สงบ – สร้างพื้นที่ที่เงียบสงบและสะดวกสบายเพื่อให้น้องหมาพักผ่อนโดยปราศจากการรบกวน

    ขั้นตอนเหล่านี้ช่วยบรรเทาอาการหอบที่เกิดจากความร้อนหรือความเครียดได้
     

    อาการหอบแบบใดที่น่ากังวลและควรพาไปพบสัตวแพทย์?

    ลักษณะอาการเหล่านี้เป็นอาการที่ผิดปกติและน่ากังวล ควรไปพบคุณหมอทันทีที่พบเห็น

    • อาการร่วม – หากน้องหมามีอาการหอบร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น เซื่องซึม อ่อนแรง เบื่ออาหาร อาเจียน ท้องเสีย ไอ เหงือกซีด น้ำลายไหลมาก หรือมีพฤติกรรมผิดปกติ ควรได้รับการดูแลจากสัตวแพทย์โดยทันที
    • อาการหอบอย่างรุนแรง – อาการหอบลึก หนักหน่วง และลิ้นห้อย อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
    • อาการหอบอย่างต่อเนื่อง – หากยังคงมีอาการหอบอยู่แม้จะพักผ่อนแล้ว อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เย็นแล้ว หรือได้รับการดูแลเบื้องต้นแล้ว กรณีนี้จำเป็นต้องได้รับการประเมินจากสัตวแพทย์เพิ่มเติม
    • อาการหอบไม่ดีขึ้น – หากการหอบไม่ทุเลาลงภายในระยะเวลาที่เหมาะสมหรือแย่ลงไปอีก แม้ว่าจะจัดการกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมแล้วก็ตาม คุณจำเป็นจะต้องขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

    แม้การหอบจะเป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกาย แต่ก็บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพได้เช่นกัน คุณจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการเพื่อประเมินความรุนแรงและความน่ากังวล วิธีนี้จะช่วยให้คุณดูแลน้องหมาได้ดียิ่งขึ้น

Close modal