IAMS TH
How to Decipher Dog Food Labels: Dates and Shelf Life
How to Decipher Dog Food Labels: Dates and Shelf Life

adp_description_block298
วิธีอ่านฉลากอาหารสุนัขอย่างถูกต้อง: วันที่และอายุการเก็บรักษา

  • แบ่งปัน

'รหัสสินค้าคืออะไร

รหัสสินค้าคือ ชุดตัวเลขและตัวอักษรที่พิมพ์อยู่บนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ โดยผู้ผลิตจัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับวันเวลาที่ผลิตสินค้า

สำหรับรหัสสินค้าบนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยบริษัท ไอแอมส์™ นั้น จะระบุ ''วันที่ควรบริโภคก่อน'' หรือก็คือวันที่ผู้ผลิตแนะนำว่าผลิตภัณฑ์อาจจะไมสดใหม่และไม่ควรขายอีกต่อไป โดยมักจะแสดงในรูปแบบ “วันเดือนปี” ในบรรทัดแรก และจะมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท เพื่อใช้ในการตรวจสอบและควบคุมสินค้าด้วย

 

และในบรรทัดที่สองจะแสดงถึงข้อมูลภายในของบริษัท เพื่อใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับ และการควบคุมสินค้าคงคลัง

 

ทั้งนี้รูปแบบการแสดงข้อมูลอาจจะแตกต่างกันออกไป โดยจะขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์

 

โดยการอ่านข้อมูลบนฉลาก จะช่วยให้คุณในฐานะผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ

 

 

อายุการเก็บรักษาคืออะไร ?

 

อายุการเก็บรักษาคือ ช่วงระยะเวลาที่ผลิตภัณฑ์อยู่ในบรรจุภัณฑ์ และถูกจัดเก็บอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาความสดใหม่ โดยจะมีหน่วยวัดเป็นเดือน ยกตัวอย่างเช่น หากผลิตภัณฑ์มีอายุการเก็บรักษา 16 เดือน ผลิตภัณฑ์นั้นจะอยู่ได้นานสูงสุด 16 เดือนนับจากวันที่ผลิต

 

สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงของ ไอแอมส์™อาหารสุนัขและแมวแบบเม็ดจะมีอายุการเก็บรักษาอยู่ที่ 16 เดือน อาหารเปียกทั้งแบบกระป๋องและซองจะมีอายุการเก็บรักษา 24 เดือน ขนมอย่างบิสกิตจะมีอายุการเก็บรักษา 12 เดือน และอาหารสูตรซอสจะมีอายุการเก็บรักษา 16 เดือน

 

วิธีการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์อาหารเม็ดและอาหารเปียก

 

อาหารเม็ดที่ยังไม่ได้เปิดควรเก็บในพื้นที่แห้งและเย็น ส่วนอาหารที่ถูกเปิดแล้ว ให้เก็บไว้ในกล่องหรือภาชนะที่สะอาดและสามารถปิดได้อย่างมิดชิด หรืออาจจะเก็บโดยนำไปแช่เย็นก็ได้

 

ส่วนอาหารเปียกแบบกระป๋องที่เปิดแล้ว ควรเก็บไว้ในตู้เย็นจะดีที่สุด โดยถ่ายใส่ไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทก่อนนำไปแช่ แต่ไม่ควรเก็บไว้เกินสามวันหลังจากเปิดกระป๋อง ผลิตภัณฑ์อาหารเปียกทั้งแบบกระป๋องและแบบซองที่ยังไม่เปิดไม่ควรนำไปแช่แข็ง ควรเปิดและถ่ายใส่ภาชนะอื่นก่อนแล้วค่อยนำไปแช่เย็น'

  • วิธีกำจัดเห็บหมัดสุนัข
    วิธีกำจัดเห็บหมัดสุนัข
    adp_description_block314
    วิธีกำจัดเห็บหมัดสุนัข

    • แบ่งปัน

    เราเชื่อว่าผู้เลี้ยงทุกคนอยากให้น้องหมามีชีวิตที่มีความสุขและสุขภาพดี อย่างไรก็ตาม ภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเงามืดอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของพวกเค้าได้  อย่างการแพร่กระจายของเห็บและหมัด ปรสิตตัวร้ายเหล่านี้มีขนาดเล็ก สังเกตได้ยาก จึงต้องอาศัยความระมัดระวังและจัดการในทันทีที่พบเจอ
     

    วงจรชีวิตของเห็บและหมัด

    เพื่อปกป้องน้องหมาจากการติดเชื้อปรสิต คุณควรทำความเข้าใจวงจรชีวิตของพวกมัน
     

    หมัด

    หมัดมีวงจรชีวิตสี่ระยะ ได้แก่

    • ระยะไข่ – ไข่หมัดมีขนาดเล็กและมีสีขาว โดยหมัดตัวเมียจะวางไข่บนตัวสุนัข ซึ่งมักจะตกหล่นอยู่ตามสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น พรม ผ้าปูที่นอน และรอยแตกบนพื้น 
    • ระยะตัวอ่อน – หลังระยะวางไข่ประมาณ 2 วัน – 2 สัปดาห์ ไข่จะฟักออกมาเป็นตัวอ่อน ซึ่งมีลักษณะคล้ายหนอน พวกมันจะกินอินทรียวัตถุในสิ่งแวดล้อมเป็นอาหาร
    • ระยะดักแด้ – จากนั้นตัวอ่อนจะหมุนรังไหมป้องกันตัวเองและเข้าสู่ระยะดักแด้ ระยะนี้อาจใช้เวลาหลายเดือน ทำให้ยากต่อการกำจัด
    • ระยะตัวเต็มวัย – หมัดตัวเต็มวัยจะโผล่ออกมาจากดักแด้ พร้อมที่จะกระโดดขึ้นไปบนตัวสุนัข กินเลือดและวางไข่เพื่อเริ่มวงจรใหม่
       

    เห็บ

    แม้จะมีวงจรชีวิตแตกต่างกัน แต่ก็ก่อให้เกิดอันตรายที่คล้ายกัน โดยพวกมันมีวงจรชีวิตดังนี้

    • ระยะไข่ – เห็บตัวเมียจะวางไข่หลายพันฟองในสิ่งแวดล้อม โดยมักอยู่ตามหญ้าสูงหรือพื้นที่ป่า
    • ระยะตัวอ่อน – หลังฟักตัวออกจากไข่ ตัวอ่อนของเห็บจะมีหกขาและกระตือรือร้นที่จะหาที่อยู่ พวกมันจะปีนขึ้นไปบนตัวสุนัขและกินเลือดเป็นเวลาหลายวันก่อนที่จะลอกคราบ
    • ระยะตัวกลางวัย – ตัวอ่อนจะพัฒนาเป็นตัวแปดขา โดยยังต้องอาศัยการกินเลือดเพื่อเติบโต
    • ระยะตัวเต็มวัย – เห็บตัวเต็มวัยจะหาอาหารเป็นครั้งสุดท้าย โดยเกาะติดกับสุนัขและกินเลือดเป็นเวลาหลายวันก่อนที่จะแยกตัวออกไปผสมพันธุ์และวางไข่ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดวงจร
       

    สัญญาณเตือนของการติดเชื้อเห็บหมัด

    การตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นกุญแจสำคัญในการจัดการปรสิตเหล่านี้
     

    หมัดกับสุนัข

    หมัดเป็นแมลงตัวเล็กไม่มีปีก พวกมันกินเลือดสุนัขเป็นอาหาร ซึ่งการกัดและการกินเลือดของพวกมันอาจทำให้เกิดปัญหากับสุนัขดังนี้

    • มีอาการคัน เกาตัวบ่อยผิดปกติ – เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด อาการคันเกิดจากการถูกหมัดกัด และการแพ้น้ำลายของหมัด
    • ขนร่วง – หมัดอาจทำให้ขนร่วงได้ โดยเฉพาะบริเวณโคนหางและท้อง
    • อาการระคายเคือง – หมัดกัดอาจทำให้ผิวหนังแดงและระคายเคืองได้
    • เหงือกซีด – ในกรณีที่หมัดระบาดอย่างรุนแรง อาจนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง ซึ่งทำให้เหงือกซีดได้
    • มีสิ่งสกปรกจากหมัด – สิ่งสกปรกจากหมัดหมายถึงของเสีย มีลักษณะเป็นจุดดำเล็ก ๆ สามารถพบได้ในขนสุนัขหรือบนเตียง
       

    เห็บกับสุนัข

    เห็บมีแปดขาและมีขนาดตัวใหญ่กว่าหมัด พวกมันเกาะติดกับผิวหนังสุนัขเพื่อกินเลือด เห็บสามารถแพร่โรคต่าง ๆ ไปยังสุนัขได้ เช่น โรคลายม์ โรคอะนาพลาสโมซิส และโรคไข้พุพองเทือกเขาร็อคกี้ หากน้องหมาติดเชื้อ คุณอาจพบอาการเหล่านี้

    • เห็นตัวเห็บ – เห็บมักมองเห็นได้ง่าย พบได้บริเวณหัว คอ หู อุ้งเท้า และขาหนีบ
    • ตุ่มแดงและบวม – การติดเชื้อเห็บมักจะทำให้เกิดตุ่มแดงและอาการบวมบนผิวหนังของสุนัข
    • อาการเซื่องซึม – สุนัขอาจมีอาการเซื่องซึมหรือเหนื่อยง่าย
    • ไข้ – เป็นหนึ่งในอาการที่บ่งบอกว่าสุนัขติดเชื้อเห็บ
       

    การรักษาหมัดและเห็บ

    เมื่อตรวจพบการระบาดของปรสิตในสุนัข ผู้เลี้ยงควรทำการดูแลรักษาโดยทันที
     

    การรักษาหมัดในสุนัข

    วิธีรับมือกับหมัดมีหลายขั้นตอน โดยมีทางเลือกในการจัดการดังนี้

    • ยากิน – ยาเม็ดแบบเคี้ยวช่วยป้องกันหมัดได้ยาวนานและใช้งานง่าย
    • ยารักษาเฉพาะที่ – ยาประเภทนี้แนะนำให้ใช้กับผิวหนังของสุนัขโดยตรง สามารถหยอดบริเวณสะบัก เป็นวิธีควบคุมหมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและอาจกำจัดเห็บได้ด้วย
    • แชมพูและสเปรย์กำจัดหมัด – แม้จะออกฤทธิ์ได้ไม่นานเท่ายากินและยารักษาเฉพาะที่ แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็ช่วยกำจัดหมัดได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ เพื่อให้ได้แนวทางที่ครอบคลุมมากขึ้น

    ทั้งนี้ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด โดยคุณหมอจะพิจารณาจากอายุ สายพันธุ์ และความต้องการเฉพาะของน้องหมา
     

    การรักษาเห็บในสุนัข

    หากพบเห็บบนตัวสุนัข ให้กำจัดออกทันทีตามขั้นตอนต่อไปนี้

    • ใช้แหนบปลายแหลมดึงออก โดยจับเห็บให้ใกล้กับผิวมากที่สุด
    • ค่อย ๆ ดึงเห็บออกอย่างช้า ๆ หลีกเลี่ยงการบิดหรือขยี้เห็บ เพราะจะทำให้น้ำลายไหลเข้าไปในรอยกัดได้มากขึ้น
    • หลังจากดึงเห็บออกแล้ว ให้ใส่ในภาชนะที่ปิดสนิทและกำจัดเห็บอย่างเหมาะสม อย่าบดหรือทิ้งมันลงในชักโครก
    • ทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดด้วยแอลกอฮอล์หรือแผ่นเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ

    หมั่นสังเกตอาการและพฤติกรรมของน้องหมาอย่างใกล้ชิด หากพบอาการบวมแดงหรือมีไข้ ให้ปรึกษาสัตวแพทย์ทันที

    เคล็ดลับ – หลีกเลี่ยงการใช้วิธีรักษาบางวิธี เช่น ใช้ปิโตรเลียมเจลลีหรือไม้ขีดเพื่อกำจัดเห็บ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เห็บปล่อยน้ำลายออกมามากขึ้น และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรคได้
     

    การป้องกันเห็บหมัดในสุนัข

    แนวทางป้องกันเห็บและหมัดตัวร้ายที่ดีที่สุดมีขั้นตอนดังนี้
     

    การตรวจหาและกำจัดตั้งแต่เนิ่น ๆ

    • ตรวจสอบสม่ำเสมอ – หมั่นตรวจสอบขนและผิวหนังของน้องหมา โดยเฉพาะบริเวณหัว หู คอ และรักแร้ เพื่อหาสัญญาณของเห็บหมัด
    • ดูแลขนเป็นประจำ – การแปรงขนจะช่วยกำจัดหมัดและสิ่งสกปรกได้ นอกจากนี้ยังทำให้พบเจอสิ่งผิดปกติได้ง่ายและเร็วขึ้น
    • ทำความสะอาด – ซักเบาะนอนของน้องหมา ดูดฝุ่นและทำความสะอาดบ้านเป็นประจำเพื่อกำจัดหมัดที่มีอยู่และป้องกันการแพร่กระจายในอนาคต
       

    การป้องกัน

    • ดูแลป้องกันทุกเวลา – แนะนำให้ดูแลเอาใจใส่น้องหมาอย่างสม่ำเสมอ เห็บหมัดสามารถมีชีวิตอยู่ในบ้านได้เป็นเวลานานและพบเจอตลอดทั้งปี
    • รักษาสภาพแวดล้อม – หากสงสัยว่ามีเห็บหมัดในบ้านหรือในสวน ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำจัดสัตว์รบกวนเหล่านี้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
    • ระมัดระวังเมื่อต้องเดินทาง – ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงเดินทาง เนื่องจากสภาพแวดล้อมใหม่อาจเป็นที่อยู่ของประชากรปรสิตที่แตกต่างกัน

    การปกป้องน้องหมาจากเห็บหมัดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี หากมีการป้องกันอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการใช้ยาและรักษาความสะอาด น้องหมาของคุณก็จะปลอดภัยจากปรสิตตัวร้ายเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับน้องหมาของคุณ

Close modal