'รหัสสินค้าคืออะไร
รหัสสินค้าคือ ชุดตัวเลขและตัวอักษรที่พิมพ์อยู่บนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ โดยผู้ผลิตจัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับวันเวลาที่ผลิตสินค้า
สำหรับรหัสสินค้าบนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยบริษัท ไอแอมส์™ นั้น จะระบุ ''วันที่ควรบริโภคก่อน'' หรือก็คือวันที่ผู้ผลิตแนะนำว่าผลิตภัณฑ์อาจจะไมสดใหม่และไม่ควรขายอีกต่อไป โดยมักจะแสดงในรูปแบบ “วันเดือนปี” ในบรรทัดแรก และจะมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท เพื่อใช้ในการตรวจสอบและควบคุมสินค้าด้วย
และในบรรทัดที่สองจะแสดงถึงข้อมูลภายในของบริษัท เพื่อใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับ และการควบคุมสินค้าคงคลัง
ทั้งนี้รูปแบบการแสดงข้อมูลอาจจะแตกต่างกันออกไป โดยจะขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์
โดยการอ่านข้อมูลบนฉลาก จะช่วยให้คุณในฐานะผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
อายุการเก็บรักษาคืออะไร ?
อายุการเก็บรักษาคือ ช่วงระยะเวลาที่ผลิตภัณฑ์อยู่ในบรรจุภัณฑ์ และถูกจัดเก็บอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาความสดใหม่ โดยจะมีหน่วยวัดเป็นเดือน ยกตัวอย่างเช่น หากผลิตภัณฑ์มีอายุการเก็บรักษา 16 เดือน ผลิตภัณฑ์นั้นจะอยู่ได้นานสูงสุด 16 เดือนนับจากวันที่ผลิต
สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงของ ไอแอมส์™อาหารสุนัขและแมวแบบเม็ดจะมีอายุการเก็บรักษาอยู่ที่ 16 เดือน อาหารเปียกทั้งแบบกระป๋องและซองจะมีอายุการเก็บรักษา 24 เดือน ขนมอย่างบิสกิตจะมีอายุการเก็บรักษา 12 เดือน และอาหารสูตรซอสจะมีอายุการเก็บรักษา 16 เดือน
วิธีการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์อาหารเม็ดและอาหารเปียก
อาหารเม็ดที่ยังไม่ได้เปิดควรเก็บในพื้นที่แห้งและเย็น ส่วนอาหารที่ถูกเปิดแล้ว ให้เก็บไว้ในกล่องหรือภาชนะที่สะอาดและสามารถปิดได้อย่างมิดชิด หรืออาจจะเก็บโดยนำไปแช่เย็นก็ได้
ส่วนอาหารเปียกแบบกระป๋องที่เปิดแล้ว ควรเก็บไว้ในตู้เย็นจะดีที่สุด โดยถ่ายใส่ไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทก่อนนำไปแช่ แต่ไม่ควรเก็บไว้เกินสามวันหลังจากเปิดกระป๋อง ผลิตภัณฑ์อาหารเปียกทั้งแบบกระป๋องและแบบซองที่ยังไม่เปิดไม่ควรนำไปแช่แข็ง ควรเปิดและถ่ายใส่ภาชนะอื่นก่อนแล้วค่อยนำไปแช่เย็น'
การนำลูกสุนัขตัวใหม่เข้าบ้านเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่ายินดี แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มาพร้อมความรับผิดชอบมากมาย หนึ่งในนั้นคือการพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อตรวจเช็กปัญหาสุขภาพแอบแฝงและสุขภาพโดยรวม อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีที่ผู้เลี้ยงจะปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน การให้อาหาร การฝึกสอน และวิธีการดูแลต่าง ๆ หากไม่แน่ใจว่าควรพาลูกสุนัขไปพบคุณหมอเมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน ติดตามคำตอบและเรื่องน่ารู้อีกมากมายได้ในบทความนี้
ลูกสุนัขเป็นช่วงวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ค่อนข้างมาก ผู้เลี้ยงควรพาลูกสุนัขไปพบสัตวแพทย์ทุก ๆ 3 – 4 สัปดาห์ แต่หากจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษอาจมีการนัดพบบ่อยขึ้น ทั้งนี้ก่อนพาเจ้าตัวน้อยไปพบคุณหมอ คุณควรสอบถามข้อมูลการฉีดวัคซีนหรือการรักษาต่าง ๆ จากฟาร์มหรือผู้เพาะพันธุ์ให้เรียบร้อย และในกรณีที่รับเลี้ยงสุนัขไร้บ้านก็ควรแจ้งให้คุณหมอทราบเช่นกัน
หากคุณสังเกตพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบพาเจ้าตัวน้อยไปพบสัตวแพทย์ในทันที
ข้อควรรู้ – แม้จะมีสมุดฉีดวัคซีนหรือหลักฐานการตรวจยืนยันจากผู้เพาะพันธุ์ คุณก็ควรพาลูกสุนัขไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพิ่มเติม
ลูกสุนัขจำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีเช่นเดียวกับคน นอกจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นแล้ว คุณหมอจะตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ ปอด ดวงตา หู พร้อมมองหาอาการผิดปกติต่าง ๆ และอาจทำการทดสอบพื้นฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
หลังการตรวจเช็กสุขภาพ คุณหมออาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนสูตรอาหาร เพิ่มหรือลดการออกกำลังกาย รวมถึงอาจต้องดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดียิ่งขึ้น ผู้เลี้ยงควรทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้าตัวน้อยที่คุณรัก อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสุขภาพประจำปี คุณสามารถสอบถามหรือขอปรึกษาเรื่องเหล่านี้จากสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้
ลูกสุนัขเกิดมาพร้อมระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ อย่างไรก็ตาม พวกเค้าจะเริ่มสูญเสียภูมิคุ้มกันเหล่านี้เมื่ออายุ 6 – 8 สัปดาห์ จึงจำเป็นต้องเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงเวลาดังกล่าว บวกกับนิสัยชอบดมและเลียเพื่อสำรวจทุกสิ่งรอบตัว ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ มากมาย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการฉีดวัคซีนสามารถป้องกันไวรัสและโรคร้ายแรงได้ การฉีดวัคซีนจะเริ่มเมื่อลูกสุนัขมีอายุ 6 – 8 สัปดาห์ และต้องฉีดกระตุ้นซ้ำทุก 2 – 4 สัปดาห์จนกว่าลูกสุนัขจะมีอายุ 16 สัปดาห์ขึ้นไป บางกรณีสัตวแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์ เนื่องจากมีการระบาดของโรคหรือเมื่อแม่หมาที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีน คุณสามารถขอตารางการฉีดวัคซีนของลูกสุนัขจากสัตวแพทย์ได้
สุนัขจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคไข้หัด และโรคตับอักเสบในสุนัข โดยวัคซีนทั่วไปที่สุนัขจำเป็นต้องได้รับมีดังนี้
การฉีดวัคซีนข้างต้นอาจมีการผสมที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์และทำความเข้าใจให้ถูกต้อง