IAMS TH
Common Questions about Feeding Your Dog
Common Questions about Feeding Your Dog

adp_description_block221
มารู้จักว่าสุนัขของคุณกินอะไร และ ให้อาหารสุนัขของคุณอย่างไร

  • แบ่งปัน

 

 

การเลือกอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนและสมดุลให้น้องหมาไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คุณคิด! มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันว่า อะไรคืออาหารที่ใช่สำหรับน้องหมา ปริมาณอาหารที่จำเป็นในแต่ละวัน รวมไปถึงวิธีการให้ขนม และอาหารเสริมต่าง ๆ อย่างเหมาะสม

  1. เราควรเลือกอาหารให้น้องหมาอย่างไร?

เมื่อพูดถึงเรื่องการเลือกอาหารที่ใช่สำหรับน้องหมาแล้ว เราควรพิจารณาจาก 3 ปัจจัยดังต่อไปนี้

  • ช่วงวัยของน้องหมา
  • กิจวัตรประจำวัน (หรือการออกกำลังกาย)
  • เงื่อนไขด้านสุขภาพ (สุขภาพโดยรวมและน้ำหนักตัว)

 

  1. เราควรให้อาหารน้องหมากี่มื้อในหนึ่งวัน?

หากเป็นลูกสุนัขในวัยหย่านม (อายุ 3 – 6 สัปดาห์) ควรให้อาหารพวกเค้า 3 มื้อต่อวัน เมื่อมีอายุครบ 4 เดือน ให้ลดลงเหลือเพียง 2 มื้อต่อวัน ซึ่งเป็นจำนวนมื้ออาหารของน้องหมาส่วนใหญ่ แต่ก็มีน้องหมาบางส่วนที่สามารถกินอาหารเพียงวันละ 1 มื้อได้

 

  1. ปริมาณอาหารที่เหมาะสมสำหรับน้องหมาคือเท่าใด?

ปริมาณอาหารที่น้องหมาควรได้รับจะขึ้นอยู่กับอายุ ขนาดตัว และกิจวัตรประจำวันของพวกเค้า หรือจะเลือกให้อาหารตามตารางแนะนำที่ระบุไว้บนซองอาหารสุนัขทุกซองของไอแอมส์™ ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้สามารถปรับเปลี่ยนปริมาณอาหารตามความต้องการของน้องหมาได้ และอย่าลืมแบ่งสัดส่วนให้เหมาะสมหากคุณให้อาหารพวกเค้ามากกว่า 1 ครั้งต่อวัน

 

  1. ปริมาณอาหารที่เหมาะสมสำหรับลูกสุนัขตัวน้อยคือเท่าใด?

การกำหนดปริมาณอาหารที่เหมาะสมสำหรับลูกสุนัข จะพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลักดังนี้ สายพันธุ์ น้ำหนักตัว และช่วงวัย หรือเลือกให้อาหารตามตารางแนะนำดังต่อไปนี้

ลูกสุนัข

น้ำหนักตัว (กก.)

ปริมาณอาหารที่แนะนำต่อวัน

                                                <3 เดือน              3-6 เดือน            6-9 เดือน           9-12 เดือน             12-18 เดือน

พันธุ์ทอย

1-3

15-72

32-83

37-83

  
 

3-5

33-106

72-121

83-121

  
 

พันธุ์เล็ก 

(25-50)

5-8

48-151

106-172

111-172

111-170

เปลี่ยนมาให้อาหารสุนัขไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™สำหรับสุนัขโตเต็มวัย

 

8-10

69-178

151-204

170-204

170-201

 
 

พันธุ์กลาง

10-20

82-299

178-343

201-343

201-339

 
 

20-25

137-346

339-404

339-404

339-404

 
 

พันธุ์ใหญ่

25-40

136-492

346-575

404-575

396-575

396-563

 

40-50

191-509

493-675

575-681

563-681

553-676

 

อาหารปริมาณ 100 กรัม จะให้พลังงาน 390 กิโลแคลอรี่ นอกจากปริมาณอาหารที่ควรใส่ใจแล้ว อย่าลืมเตรียมน้ำดื่มสะอาดไว้ให้พวกเค้าด้วยนะ

  1. เราควรเปลี่ยนมาให้อาหารสำหรับสุนัขโตเต็มวัยเมื่อไหร่?

ไม่แนะนำให้เปลี่ยนอาหารอย่างกะทันหัน เพราะอาจส่งผลเสียต่อท้องน้อย ๆ ของลูกสุนัขได้ ควรให้เวลาพวกเค้าได้ปรับตัว และทำความคุ้นเคยกับอาหารใหม่กันก่อน สำหรับการกำหนดปริมาณอาหารที่เหมาะสม และวิธีการเปลี่ยนมาให้อาหารสำหรับสุนัขโตเต็มวัยอย่างถูกวิธี เจ้าของสามารถทำตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • วันที่หนึ่ง – ผสมอาหารสูตรลูกสุนัข 75% เข้ากับอาหารสูตรสุนัขโต 25%
  • วันที่สอง – ผสมอาหารทั้งสองสูตรในปริมาณที่เท่ากัน หรือในสัดส่วน 50-50
  • วันที่สาม – เพิ่มปริมาณอาหารสูตรสุนัขโตเป็น 75% และลดปริมาณอาหารสูตรลูกสุนัขลงเหลือ 25%
  • วันที่สี่ – เปลี่ยนมาให้อาหารสูตรสุนัขโต 100%

ตารางน้ำหนักตัวและช่วงวัยที่แนะนำสำหรับการเปลี่ยนมาให้อาหารสูตรสุนัขโตเต็มวัย

ตารางน้ำหนัก

ช่วงวัยที่เริ่มเปลี่ยนสูตรอาหารได้

สุนัขพันธุ์เล็กที่มีน้ำหนัก < 20 ปอนด์ 

9 - 12 เดือน

สุนัขพันธุ์กลางที่มีน้ำหนัก 20 ถึง 50 ปอนด์

12 - 14 เดือน

สุนัขพันธุ์ใหญ๋ที่มีน้ำหนักมากกว่า 50 ปอนด์ขึ้นไป

12 - 24 เดือน

 

  1. เราควรเปลี่ยนมาให้อาหารสำหรับสุนัขสูงวัยเมื่อไหร่?

น้ำหนักตัวคือปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงถึงเมื่อต้องเปลี่ยนอาหารจากสูตรสุนัขโตเต็มวัยมาเป็นสูตรสุนัขสูงวัย เรามาดูตารางแนะนำที่จะช่วยให้การเปลี่ยนอาหารเป็นไปอย่างถูกต้องกันได้เลย

ตารางน้ำหนัก

ช่วงวัยที่เริ่มเปลี่ยนสูตรอาหารได้

น้ำหนักมากกว่า 90 ปอนด์ขึ้นไป

5 ปี

51 - 90 ปอนด์

6 ปี

21 - 50 ปอนด์

7 ปี

น้ำหนัก 20 ปอนด์ขึ้นไป

7 ปี

 

  1. วิธีใดดีที่สุดในการแนะนำอาหารสูตรใหม่ให้น้องหมา?

การปรับเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไปคือกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนอาหารให้น้องหมา ช่วงแรกควรให้อาหารในอัตราส่วนต่อไปนี้ อาหารเก่า 75% อาหารใหม่ 25% และหลังจากนั้น 3 วัน ค่อย ๆ เพิ่มปริมาณอาหารใหม่ และลดปริมาณอาหารเก่าลง

 

  1. เราควรให้อาหารสุนัขที่มีน้ำหนักเกินอย่างไรจึงจะเหมาะสม?

หากน้องหมาของคุณมีปัญหาน้ำหนักเกิน แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง และเพิ่มความถี่ในการออกกำลังกาย หรือเลือกอาหารสุนัขแบบเม็ดจากไอแอมส์™ ที่มีไขมันต่ำ สารอาหารครบถ้วน มีส่วนผสมของเส้นใยอาหารและพรีไบโอติก ซึ่งมีส่วนช่วยให้ระบบย่อยและขับถ่ายดี รวมถึงมี แอล – คาร์นิทีน ช่วยเสริมการทำงานของระบบเผาผลาญ นอกจากคุณภาพอาหารแล้ว ปริมาณอาหารก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับน้องหมาที่มีน้ำหนักเกิน ต้องมั่นใจว่าให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ไม่ลดน้อยจนทำให้ขาดสารอาหารอย่างโปรตีนและกรดไขมันที่จำเป็น

 

  1. เราควรให้อาหารแม่สุนัขที่กำลังตั้งท้องอย่างไร?

แม่สุนัขที่กำลังตั้งท้องต้องการสารอาหารแตกต่างจากสุนัขทั่วไป แนะนำให้เลือกอาหารสุนัขไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สำหรับแม่และลูกสุนัข ที่อุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพดี ช่วยให้คุณแม่สี่ขามีร่างกายแข็งแรงและมีน้ำนมที่ดีสำหรับลูกตัวน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลก

 

  1. จำเป็นต้องให้อาหารทั้งแบบเม็ดและแบบเปียกกับน้องหมาหรือไม่?

อาหารสุนัขแบบเปียกคือที่สุดของความอร่อยสำหรับเจ้าตัวน้อย จะให้เพียงอย่างเดียวหรือผสมกับอาหารเม็ดเพิ่มความฟินด้วยก็ได้ แนะนำให้ลองกันเลยสำหรับอาหารสุนัขแบบเปียกจากไอแอมส์™ ที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหารครบถ้วนและสมดุล มาพร้อมรสชาติความอร่อยที่ถูกใจ ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องเสิร์ฟอาหารเปียกทุกมื้อ สามารถสลับกับการให้อาหารเม็ดจากไอแอมส์™ เป็นบางมื้อก็ได้ เพราะอาหารสุนัขของเรามีโปรตีนคุณภาพดีจากเนื้อไก่ เนื้อแกะ และเนื้อปลา อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกจากนี้เม็ดอาหารยังมีเนื้อสัมผัสที่เหมาะกับการขัดฟัน ช่วยให้น้องหมามีสุขภาพเหงือกและฟันที่ดี รวมถึงช่วยลดการสะสมของคราบหินปูนได้อีกด้วย





 

  1. น้องหมาจะเบื่อหรือไม่ หากต้องกินอาหารเดิม ๆ เป็นประจำทุกวัน?

น้องหมาแตกต่างจากนิสัยของคน น้องหมามักไม่มีอาการเบื่ออาหาร หรือเบื่อที่ต้องกินอาหารเดิม ๆ โดยทั่วไปแล้วพวกเค้ากินอาหารเพื่อเพิ่มพลังงานและรับสารอาหารที่จำเป็นเข้าสู่ร่างกายเท่านั้น นอกจากนี้พวกเค้ายังมีระบบย่อยอาหารที่สั้นมาก การเปลี่ยนอาหารอย่างกะทันหันจึงส่งผลเสียกับท้องน้อย ๆ ของพวกเค้า และการเปลี่ยนอาหารบ่อย ๆ ยังส่งเสริมให้พวกเค้ามีนิสัยเลือกกินอีกด้วย

 

  1.  เราสามารถเติมน้ำลงในอาหารแบบเม็ดได้หรือไม่?

การเติมน้ำไม่ทำให้คุณค่าทางโภชนาการของอาหารเปลี่ยนแปลงไป แต่แนะนำให้น้องหมากินอาหารในทันที เพื่อป้องกันการเน่าเสีย ขอแนะนำอาหารเม็ดจากไอแอมส์™ ที่ทั้งเอร็ดอร่อยและมีส่วนช่วยให้น้องหมาของคุณมีสุขภาพช่องปากที่ดี ลองเลยวันนี้!

 

  1. น้องหมากินอาหารแมวได้หรือไม่?

น้องหมาและน้องแมวต้องการสารอาหารแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น น้องแมวต้องการกรดอะมิโนอย่างทอรีนสูงกว่าน้องหมา จึงไม่แนะนำให้กินอาหารชนิดเดียวกัน การกินอาหารแมวเป็นครั้งคราวอาจไม่เป็นอันตราย แต่ก็ไม่แนะนำให้น้องหมากินเป็นประจำ เพราะอาจส่งผลเสียกับร่างกายของพวกเค้าได้

 

  1. ในหนึ่งวัน เราสามารถให้ขนมบิสกิตกับน้องหมาได้มากน้อยเท่าใด?

ปริมาณที่แนะนำคือ 2-4 ชิ้นต่ออาหารหนึ่งถ้วยตวง ทั้งนี้การให้ขนมคือการเพิ่มปริมาณแคลอรี่ จึงควรปรับปริมาณอาหารให้เหมาะสมต่อความต้องการในแต่ละวัน รวมถึงควรเช็กปริมาณแคลอรี่ของขนมให้ดีก่อน เพราะขนมแต่ละชนิดมีขนาดและปริมาณแคลอรี่ที่แตกต่างกัน

 

  1. เราสามารถให้อาหารเสริมที่เป็นวิตามิน แร่ธาตุ หรือกรดไขมันนอกเหนือจากอาหารสุนัขได้หรือไม่?

อาหารสุนัขของไอแอมส์™ อุดมไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล การเพิ่มอาหารเสริมเข้าไปอาจทำให้พวกเค้าได้รับสารอาหารเกินความจำเป็น การเลือกให้อาหารคุณภาพดี มีสารอาหารจำเป็นและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ก็สามารถช่วยให้เจ้าตัวน้อยของคุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้แล้ว

 

  1. ทำไมน้องหมาจึงจำเป็นต้องได้รับโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม?

โปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญและควรเป็นส่วนประกอบหลักในอาหารสุนัข เพราะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรง รวมถึงช่วยให้มีสุขภาพผิวหนังที่ดีและขนนุ่มเงางามอีกด้วย

 

  1. ทำไมจึงควรให้อาหารน้องหมาตรงเวลา?

ควรให้อาหารตรงเวลาทุกวันและฝึกให้กินแค่ในช่วงเวลานั้น เพื่อหลีกเลี่ยงนิสัยขอกินอาหารตลอดเวลา

 

  1. อาหารต้องห้ามที่ไม่ควรให้น้องหมากินมีอะไรบ้าง?

ไม่ควรให้น้องหมากินขนมอบ ลูกอม หมากฝรั่ง ช็อกโกแลต มะนาว หัวหอม และองุ่น ทั้งหมดนี้อาจเป็นอันตรายกับระบบย่อยอาหารของพวกเค้า และอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อได้

 

  1. ทำไมจึงควรเลือกอาหารสุนัข ไอแอมส์™ ให้กับน้องหมามากกว่าการให้อาหารปรุงเอง?

อาหารสุนัข ไอแอมส์™ มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของน้องหมา นอกจากนี้ยังผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพดี ไม่ว่าจะเป็นเนื้อไก่ เนื้อปลา กรดไขมัน บีทพัลพ์สูตรเฉพาะ ธัญพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหาร และพรีไบโอติกจากธรรมชาติ

 

  1. ฉันจะเรียนรู้เกี่ยวกับโภชนาการของสัตว์เลี้ยงเพิ่มเติมผ่านช่องทางใดได้บ้าง?

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโภชนาการของสัตว์เลี้ยง สามารถติดต่อเราได้ที่นี่

  • puppy deworm
    puppy deworm
    adp_description_block328
    วิธีการถ่ายพยาธิลูกสุนัข

    • แบ่งปัน

    เมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพของลูกสุนัขตัวน้อย การถ่ายพยาธิเป็นหนึ่งในสิ่งที่จำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกำจัดหนอนพยาธิหรือปรสิตตัวร้ายที่อาจเป็นต้นเหตุของโรคต่าง ๆ การทำความเข้าใจวิธีการถ่ายพยาธิจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของเจ้าตัวน้อย ไม่ว่าพวกเค้าจะเคยติดเชื้อหนอนพยาธิมาก่อน หรือเพียงแค่ต้องการป้องกันเอาไว้

     

    แต่หนอนพยาธิคืออะไรกันแน่? และลูกสุนัขได้รับมันมาได้อย่างไร? หนอนพยาธิที่พบได้บ่อยในสุนัข ได้แก่ พยาธิตัวกลม พยาธิปากขอ พยาธิแส้ม้า และพยาธิตัวตืด เจ้าปรสิตเหล่านี้มักจะปะปนอยู่ในดิน น้ำ หรืออาหารที่ปนเปื้อน โดยพวกมันอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา

     

    โดยเราได้รวบรวมทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการถ่ายพยาธิลูกสุนัขมาให้แล้ว ทั้งอาการที่ควรระวัง กระบวนการถ่ายพยาธิ และวิธีดูแลเจ้าตัวน้อยให้มีสุขภาพดี ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดเลี้ยงหรือเพียงแค่ต้องการทบทวนความรู้ บทความนี้ช่วยคุณได้อย่างแน่นอน

     

    4 ข้อควรรู้เกี่ยวกับการถ่ายพยาธิลูกสุนัข

    การถ่ายพยาธิเป็นส่วนสำคัญในการรับเลี้ยงและการดูแลน้องหมา แต่วิธีการถ่ายพยาธิมีให้เลือกมากมาย จนอาจสร้างความสับสนให้กับผู้เลี้ยงหลาย ๆ คน เราจึงจะมาเผยข้อควรรู้เกี่ยวกับการถ่ายพยาธิลูกสุนัข ทั้งเรื่องความถี่ในการถ่ายพยาธิ วิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และความสำคัญของการป้องกันพยาธิตัวร้าย เพื่อให้กระบวนการนี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่นและเห็นผล เมื่อเข้าใจปัจจัยสำคัญทั้งหมดนี้แล้ว คุณก็จะมั่นใจได้ว่าเจ้าตัวน้อยจะมีความสุขและมีสุขภาพดีในทุกวัน

     

    1. ดูแลลูกสุนัขตัวน้อยให้แข็งแรงและมีความสุขด้วยการถ่ายพยาธิเป็นประจำ

    การถ่ายพยาธิจะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของหนอนพยาธิและปรสิตตัวร้าย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของลูกสุนัขได้ โดยพวกเค้าจำเป็นต้องได้รับการถ่ายพยาธิเป็นประจำ เนื่องจากมีขนาดตัวเล็กและระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่

    เราควรถ่ายพยาธิลูกสุนัขทุก 2 สัปดาห์ไปจนถึงอายุ 3 เดือน จากนั้นต้องถ่ายพยาธิทุกเดือนจนกว่าจะอายุครบ 6 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าหนอนพยาธิถูกกำจัดอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การถ่ายพยาธิสุนัขที่ตั้งท้องก็มีความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากพวกเค้าสามารถส่งต่อพยาธิไปยังลูกสุนัขในท้องได้

    นอกจากการถ่ายพยาธิเป็นประจำแล้ว การดูแลรักษาความสะอาดก็เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการแพร่กระจายของหนอนพยาธิ อย่าลืมล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสหรือเล่นกับน้องหมา และทำความสะอาดพื้นที่ขับถ่ายทันทีที่น้องหมาทำธุระส่วนตัวเสร็จ

    การถ่ายพยาธิเป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพน้องหมา การถ่ายพยาธิตามกำหนดเวลาและการดูแลความสะอาดจะช่วยปกป้องเจ้าก้อนขนปุกปุยของคุณจากปรสิตตัวร้ายที่เป็นอันตรายได้อย่างแน่นอน

     

    1. หนอนพยาธิชนิดต่าง ๆ ที่พบได้ในลูกสุนัข

    ลูกสุนัขสามารถติดเชื้อหนอนพยาธิได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นพยาธิตัวกลม พยาธิปากขอ พยาธิแส้ม้า และพยาธิตัวตืด ซึ่งเจ้าปรสิตเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน น้ำหนักลด และภาวะโลหิตจาง 

    แม้จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่ อย่างพยาธิตัวตืดจะสังเกตได้ยาก เนื่องจากมีขนาดเล็กและมักจะปะปนอยู่ในอุจจาระ นอกจากนี้หนอนพยาธิบางชนิดก็อาศัยอยู่ในลำไส้ได้โดยไม่ก่อให้เกิดอาการที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน เจ้าของจึงจำเป็นต้องถ่ายพยาธิให้น้องหมาเป็นประจำ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะยาว

     

    1. ทำความเข้าใจสัญญาณเตือนและอาการติดเชื้อพยาธิในลูกสุนัข

    ลูกสุนัขที่ติดเชื้ออาจมีอาการผิดปกติหลายอย่าง แต่อาจสังเกตได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะในน้องหมาที่มีอายุน้อยและมีขนาดตัวเล็ก แต่อาการทั่วไปที่อาจพบได้ มีดังนี้

    • ท้องเสียหรือถ่ายเหลว – อาจเกิดจากหนอนพยาธิไปรบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหาร 
    • น้ำหนักตัวลด – หนอนพยาธิสามารถแย่งสารอาหารจากร่างกายของลูกสุนัข ทำให้พวกเค้าน้ำหนักตัวลดลงได้
    • ภาวะโลหิตจาง – พยาธิปากขอจะดูดเลือดของลูกสุนัขเป็นอาหาร ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง โดยน้องหมาอาจมีเหงือกสีซีดและมีอาการอ่อนเพลีย
    • อาเจียน – หนอนพยาธิอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ จนนำไปสู่การอาเจียนได้
    • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง – เนื่องจากแย่งสารอาหาร ดูดเลือด และก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมาย น้องหมาที่ติดเชื้อจึงมักมีอาการอ่อนเพลียและไม่ค่อยทำกิจกรรม

    การถ่ายพยาธิเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับลูกสุนัขที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อ เนื่องจากพวกเค้าได้รับเชื้อจากแม่ตั้งแต่ก่อนคลอด การสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิดและการถ่ายพยาธิเป็นประจำ จะช่วยให้เจ้าตัวน้อยของคุณมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุข ทั้งนี้หากสงสัยว่าลูกสุนัขติดเชื้อพยาธิ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อรักการรักษาในทันที

     

    1. วิธีการถ่ายพยาธิลูกสุนัขที่มีประสิทธิภาพ

    หนอนพยาธิเป็นปัญหาที่พบบ่อยในลูกสุนัขและมักจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงตามมา โดยหนอนพยาธิที่พบบ่อย ได้แก่ พยาธิตัวกลม พยาธิปากขอ และพยาธิตัวตืด โดยน้องหมาที่ติดเชื้ออาจมีอาการอาเจียน ท้องเสีย น้ำหนักลด และพุงป่อง

    การถ่ายพยาธิไม่ใช่กระบวนการที่ซับซ้อนและสามารถทำได้ง่าย เพียงแต่ต้องทำเป็นประจำหรือตามนัดหมายของสัตวแพทย์ ส่วนใหญ่จะเริ่มด้วยการให้ยาถ่ายพยาธิลูกสุนัขทุก ๆ 2 - 3 สัปดาห์จนกว่าจะถึงวัยที่กำหนด การรักษาสภาพแวดล้อมให้สะอาดและคอยดูแลไม่ให้ลูกสุนัขกินสิ่งแปลกปลอมเข้าไปก็ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้เช่นกัน

    หากเจ้าตัวน้อยของคุณติดเชื้อ สัตวแพทย์อาจจ่ายยาถ่ายพยาธิให้กินหรือให้ฉีดก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือเจ้าของควรดูแลและปฏิบัติตามคำแนะนำจากคุณหมออย่างเคร่งครัด เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและเห็นผล

    แม้น้องหมาจะไม่มีอาการติดเชื้อใด ๆ แต่ก็ยังจำเป็นต้องถ่ายพยาธิอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงในอนาคต

Close modal