IAMS TH
Recognizing the Signs of Bloat in Your Dog
Recognizing the Signs of Bloat in Your Dog

adp_description_block173
อาการบ่งบอกและวิธีดูแลสุนัขท้องอืดหรือมีแก๊สในกระเพาะอาหาร

  • แบ่งปัน

อาการท้องอืดเกิดขึ้นได้กับน้องหมาทุกตัว แต่อาจพบได้บ่อยในน้องหมาพันธุ์ใหญ่ที่มีหน้าอกลึกและแคบ ปัญหานี้ถือเป็นภาวะอันตรายที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิต ดังนั้นการเรียนรู้วิธีสังเกตและดูแลเมื่อน้องหมามีอาการท้องอืดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของไม่ควรมองข้าม

อาการท้องอืดคืออะไร?

อาการท้องอืดหรืออีกชื่อหนึ่งคือภาวะกระเพาะอาหารขยายและบิดตัว เกิดจากการมีปริมาณลมหรือแก๊สสะสมมากกว่าปกติจนทำให้กระเพาะอาหารขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วและบิดหมุน ส่งผลให้ความดันภายในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น เกิดการกดทับของอวัยวะรอบข้าง ซึ่งทำให้ระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติจนน้องหมาเกิดภาวะช็อกได้ และนอกจากลักษณะของอาการที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับอาการท้องอืดที่เจ้าของควรรู้ดังนี้: 

  • อาการท้องอืดจัดเป็นภาวะอันตรายต้องได้รับการดูแลรักษาโดยทันที
  • ภาวะท้องอืดอาจทำให้น้องหมาเสียชีวิตได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการ
  • สาเหตุของอาการท้องอืดยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน
  • แต่ละปีในสหรัฐอเมริกาพบว่ามีน้องหมากว่า 36,000 ตัวมีอาการท้องอืด และ 30% ของน้องหมาที่มีอาการเสียชีวิต
  • อาการท้องอืดเกิดขึ้นได้กับน้องหมาทุกช่วงวัย
  • น้องหมาบางสายพันธุ์มีโอกาสท้องอืดมากกว่าน้องหมาทั่วไป โดยเฉพาะพันธุ์ที่มีหน้าอกลึกและแคบ
  • การที่กระเพาะอาหารขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณช่องท้องลดลง

 ลักษณะของอาการท้องอืด

ในระยะแรกของอาการ น้องหมาจะรู้สึกอึดอัดมาก อาจจะเดินวนไปมาและส่งเสียงร้อง หรือพยายามขยับไปมาเพื่อหาท่าทางที่สบายตัว พวกเค้าอาจมีท่าทีกังวล เลียหรือจ้องไปที่ท้องของตัวเอง รวมถึงอาจมีอาการคล้ายอาเจียน แต่ไม่มีอะไรออกมา

 

นอกจากนี้อาจพบอาการอื่น ๆ เพิ่มด้วยได้ เช่น อ่อนแรง ท้องพองขยายตัว และอาจเกิดภาวะช็อก ซึ่งส่งผลให้น้องหมาหัวใจเต้นเร็วและมีอาการหอบ;
 

หากพบว่าน้องหมามีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบสัตวแพทย์ในทันที!

  • หอนหรือส่งเสียงร้องครวญคราง
  • มีท่าทางไม่สบายตัว ดูอึดอัด
  • กระสับกระส่าย
  • เหงือกซีด
  • พยายามอาเจียนแต่ไม่มีอะไรออกมา
  • หอบหรือหายใจเร็ว
  • อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น
  • วิตกกังวล
  • อ่อนแรง
  • ท้องบวม (โดยเฉพาะด้านซ้าย)
     

 อาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้เมื่อน้องหมาท้องอืด มีดังนี้:
 

กระเพาะอาหารขยายใหญ่ขึ้น:

เนื่องจากมีลมหรือแก๊สสะสมในท้อง


น้ำลายไหลมาก:

ปัญหาในระบบทางเดินอาหารอาจทำให้น้องหมาน้ำลายไหลมากกว่าปกติ
 

พฤติกรรมกระสับกระส่าย:

อาการกระสับกระส่ายเป็นสัญญาณที่พบได้ทั่วไปเมื่อน้องหมาท้องอืด และพวกเค้าอาจส่งเสียงร้องเมื่อโดนกดที่บริเวณท้อง
 

หอบ หายใจสั้น:

การขยายตัวของกระเพาะอาหารทำให้น้องหมาหายใจลำบาก
 

หัวใจเต้นเร็วขึ้น:

เนื่องจากกล้ามเนื้อกะบังลมถูกกดไม่สามารถขยายตัวได้ ส่งผลให้เกิดภาวะหายใจลำบากและหัวใจมีอัตราการเต้นเร็วกว่าปกติ

 

สาเหตุของอาการท้องอืด

แม้ว่าจะหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ แต่ปัจจัยเหล่านี้ก็มีส่วนที่ทำให้น้องหมามีอาการท้องอืด:

  • กินอาหารปริมาณมากในมื้อเดียว แทนการแบ่งมื้ออาหารเป็น 2 – 3 ครั้งต่อวัน
  • กินมากเกินไปและดื่มน้ำเร็วเกินไป
  • อยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด เช่น ต้องอยู่ในกรงหรือต้องไปพบสัตวแพทย์
  • วิ่งเล่นทันทีหลังกินอาหาร

 

วิธีป้องกันอาการท้องอืด

การทำตามคำแนะนำต่อไปนี้อาจช่วยป้องกันอาการท้องอืดในสุนัขได้ แต่ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ด้วย ซึ่งไม่อาจรับประกันได้ว่าคำแนะนำจะเกิดผลจริงกับน้องหมาทุกตัว 

  • ให้กินอาหารทีละน้อย ๆ อาจแบ่งให้อาหารเป็น 2 – 3 มื้อต่อวัน
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายเป็นเวลา  1 – 2 ชั่วโมงหลังกินอาหาร
  • อย่าให้น้องหมาดื่มน้ำปริมาณมากก่อนหรือหลังกินอาหารและหลังออกกำลังกาย
  • หากที่บ้านมีน้องหมา 2 ตัวขึ้นไป ควรแยกให้อาหาร เพื่อป้องกันพฤติกรรมกินเร็วและภาวะเครียด
  • หากเป็นไปได้ ควรกำหนดเวลาให้อาหารในช่วงเวลาที่คุณว่างและสามารถสังเกตพฤติกรรมหลังการกินของพวกเค้าได้
  • หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนอาหารอย่างกะทันหัน
  • หากพบว่าน้องหมามีอาการท้องอืด ควรรีบไปพบสัตวแพทย์ทันที


การดูแลรักษาอาการท้องอืด 
 

อาการท้องอืดสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่?

อาการท้องอืดในสุนัขจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยทันที ในกรณีที่น้องหมาท้องอืดไม่รุนแรงหรือไม่มีอาการกระเพาะบิด อาจได้รับการรักษาโดยไม่ต้องใช้ยา แต่หากตรวจพบว่ามีอาการท้องบวม กระเพาะขยายและบิดตัว บางกรณีก็อาจต้องเข้ารับการผ่าตัด

 

ตัวเลือกในการรักษาอาการท้องอืด

การระบายลมหรือแก๊สออกมาโดยใช้วิธีสอดท่อเข้าไปในกระเพาะอาหาร จะช่วยบรรเทาแรงกดต่ออวัยวะโดยรอบและป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อของกระเพาะอาหารเสื่อมสภาพ แต่ในบางกรณีก็ไม่สามารถใช้วิธีสอดท่อได้เพียงเดียว อาจมีต้องการผ่าตัดร่วมด้วย

 

นอกจากนี้ยังมีการรักษาโดยให้ของเหลวที่เสริมด้วยอิเล็กโทรไลต์ทางเส้นเลือดเพื่อปรับการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะที่สำคัญได้ตามปกติ ในหลายกรณีจำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะ และยาที่มีฤทธิ์ในการรักษาภาวะเลือดไปเลี้ยงหัวใจลดลงอีกด้วย

 

เมื่อน้องหมาอยู่ในอาการคงที่พร้อมผ่าตัดแล้ว สัตวแพทย์จะทำการผ่าตัดที่เรียกว่า “Gastropexy” เพื่อทำให้กระเพาะอาหารกลับสู่ตำแหน่งปกติพร้อมเอาเนื้อเยื่อผนังกระเพาะอาหารที่ตายแล้วออกไป รวมถึงจะยึดผนังกระเพาะเข้ากับผนังของลำตัว ทำให้โอกาสที่กระเพาะอาหารจะบิดหมุนลดลง และช่วยป้องกันอาการท้องอืดได้ดีขึ้น

 

เลือกให้อาหารที่ย่อยง่าย

อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกันอาการท้องอืดได้คือการเลือกอาหารสุนัขคุณภาพดี มีส่วนประกอบของไฟเบอร์ ช่วยให้ย่อยง่าย 
 

การดูแลเรื่องอาหารถือเป็นวิธีลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาที่ดีสุด อย่างน้อยก็จนกว่าจะสามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงของอาการท้องอืดได้ แม้ว่าอาจจะไม่ได้ผลเต็ม 100% แต่ก็ช่วยลดจำนวนน้องหมาที่ต้องเผชิญกับภาวะร้ายแรงที่อาจถึงแก่ชีวิตนี้ลงได้

 

สายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอาการท้องอืด

  • เยอรมัน เชพเพิร์ด
  • บูวีเย เด ฟล็องเดรอะ
  • เกรทเดน
  • บ็อกเซอร์
  • เซนต์เบอร์นาร์ด
  • โดเบอร์แมน
  • เยอรมัน ชอร์ตแฮร์ พอยน์เตอร์
  • ไอริช เซทเทอร์
  • กอร์ดอน เซทเทอร์
  • บอร์ซอย
  • ไอริช วูล์ฟฮาวด์
  • ดัชชุน
  • ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์
  • บาสเซ็ต ฮาวด์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการท้องอืดในสุนัข

  1. จะดูแลน้องหมาท้องอืดได้อย่างไรบ้าง?
  2. การรักษาน้องหมาท้องอืดทำได้โดยการให้ของเหลวที่มีอิเล็กโทรไลต์ผ่านทางเส้นเลือดและการให้ยาแก้ปวด วิธีนี้จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและลดการเกิดภาวะช็อก อีกทั้งยังอาจป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อสำคัญตายเนื่องจากการไหลเวียนของเลือดที่ผิดปกติ

     

  3. ทำไมน้องหมาถึงท้องใหญ่ขึ้นเมื่อมีอาการท้องอืด?
  4. ท้องของน้องหมาอาจบวมและใหญ่ขึ้นเนื่องจากมีแก๊สสะสมอยู่มาก ซึ่งการสะสมที่มากเกินไปนี้ทำให้กระเพาะอาหารขยายใหญ่ขึ้นจนไปกดทับอวัยวะรอบข้าง รวมถึงไปขัดขวางการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดและระบบย่อยอาหาร

     

  5. อาการท้องอืดสามารถหายเองได้มั้ย?
  6. หากเป็นอาการท้องอืดท้องเฟ้อแบบไม่รุนแรง อาการอาจดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แต่ก็ถือว่ายังมีโอกาสเสี่ยงเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงและระยะเวลาของอาการ

     

  7. สัญญาณเตือนเริ่มแรกของอาการท้องอืดมีอะไรบ้าง?
  8. อาการท้องอืดมักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่มีการเตือนใด ๆ น้องหมาอาจเดินวนไปมา หอบ น้ำลายไหล หรือพยายามอาเจียนโดยที่ไม่มีอะไรออกมา อาการอื่น ๆ ที่สามารถพบได้อีก ได้แก่ วิตกกังวล มีท่าทีอึดอัด และไม่สบายท้อง ในกรณีที่มีอาการรุนแรง น้องหมาอาจหมดสติ หัวใจเต้นเร็ว และเหงือกสีซีด

     

     

  9. อาการท้องอืดในแต่ละครั้งจะเกิดขึ้นนานแค่ไหน?
  10. อาการท้องอืดในสุนัขมักจะเกิดขึ้นไม่เกิน 24 ชั่วโมงหากได้รับการรักษาและดูแลอย่างเหมาะสม รวมถึงควรระมัดระวังเลือกการกำหนดปริมาณอาหารและการออกกำลังกายหลังการกินให้มากขึ้นด้วย

     

  • Important Nutrients in Our Dog Foods
    Important Nutrients in Our Dog Foods
    adp_description_block225
    สารอาหารที่สุนัขของคุณต้องการสำหรับขนและผิวหนังที่ดี

    • แบ่งปัน

    หากผิวหนังและขนของสุนัขมีสุขภาพที่ดีก็มั่นใจได้ว่าสุนัขนั้นก็มีสุขภาพดีเช่นกัน ทั้งนี้เพราะผิวหนังและเส้นขนจะช่วยป้องกันน้ำและความร้อนไม่ให้ออกจากร่างกายของสุนัข และช่วยป้องกันไวรัสและแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายได้อีกด้วย หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้มั่นใจได้ว่าผิวหนังและขนของสุนัขจะมีสุขภาพที่ดี ก็คือการให้อาหารที่มีคุณภาพกับสุนัข

    สารอาหารอย่างโปรตีน ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุมีความสำคัญต่อผิวหนังและขนของสุนัข ขนสุนัขของคุณประกอบด้วยโปรตีนเกือบทั้งหมด  หากอาหารของเขามีโปรตีนปริมาณไม่เพียงพอและไม่มีคุณภาพ ขนอาจหลุดร่วงหรือแห้งกร้านอ่อนแอและเปราะได้  ในทำนองเดียวกัน ผิวของเขาเกิดจากเซลล์แบนที่อัดแน่นด้วยเยื่อหุ้มเซลล์ที่ทำจากโปรตีนและไขมัน  หากไม่มีสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม เยื่อหุ้มเซลล์จะอ่อนตัวลงทำให้ น้ำ แบคทีเรียและไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น

    ต้องมั่นใจว่าสุนัขของคุณได้รับสารอาหารต่อไปนี้เพื่อให้ขนและผิวหนังของเขาแข็งแรง 

    สารอาหารเพื่อผิวและขนที่มีสุขภาพดีในสุนัข

     

    กรดอะมิโนที่จำเป็น

    โปรตีนพบได้ทั้งส่วนผสมจากสัตว์และพืช อย่างไรก็ตาม โปรตีนจากสัตว์มีกรดอะมิโนจำเป็นทั้งหมดที่สุนัขต้องการในขณะที่โปรตีนจากพืชอาจมีกรดอะมิโนจำเป็นบางชนิดไม่เพียงพอ

     

    กรดไขมัน

    ไขมันยังพบได้ในส่วนผสมจากสัตว์และพืชและรวมอยู่ในเซลล์ผิวในรูปแบบของกรดไขมัน  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรดไลโนเลอิกเป็นสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพของผิวหนังและขน  สุนัขที่มีกรดไลโนเลอิกไม่เพียงพออาจมีอาการเซื่องซึมและขนแห้งขาด ขนร่วง ผิวหนังเหนียวเนอะและเสี่ยงต่อการอักเสบของผิวหนังสูง

    กรดไลโนเลอิกพบในไขมันจากไก่และน้ำมันพืช (เช่นข้าวโพดและถั่วเหลือง)  การวิจัยของ ไอแอมส์™  ยังพบว่ากรดไขมันในน้ำมันปลาอุดมไปด้วยวิตามินช่วยส่งเสริมสุขภาพผิวและขนที่ดีเยี่ยม

    วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ

    สุนัขของคุณต้องการวิตามินและแร่ธาตุเพื่อที่จะนำไปช่วยดูแลให้ผิวและขนที่แข็งแรง วิธีที่ดีที่สุดในการให้สารอาหารเหล่านี้คือ การให้อาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่ครบถ้วนและสมดุล แทนที่จะให้อาหารเสริมแก่สุนัข

     

    วิตามินหรือแร่ธาตุความสำคัญต่อสุขภาพของผิวหนังและขน
    วิตามิน Aจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและซ่อมแซมผิวหนัง
    วิตามิน Eปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
    วิตามิน Cช่วยสมานแผล
    ไบโอตินช่วยในการใช้โปรตีนที่มีประโยนช์
    ไรโบเฟลวิน (RIBOFLAVIN, B2)จำเป็นสำหรับการเผาผลาญไขมันและโปรตีน
    ซิงค์จำเป็นสำหรับการเผาผลาญไขมันและโปรตีน
    คอปเปอร์การสร้างเนื้อเยื่อ เม็ดสี และการสังเคราะห์โปรตีน

     

     

    อะไรเป็นสาเหตุทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพขนของสุนัข

    อาหารอาจเป็นปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวและการผลัดขน แต่สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือ จากฤดูกาลและการเปลี่ยนแปลงช่วงวัย เมื่อใกล้ฤดูหนาว สุนัขส่วนใหญ่จะมีขนหนาเพื่อช่วยรักษาความร้อนและป้องกันอากาศเย็น พวกเขาก็จะผลัดขนหนา ๆ ออกเมื่ออากาศเริ่มอุ่นขึ้น

    ลูกสุนัขส่วนใหญ่เกิดมามีขนนุ่มปุย แต่เมื่ออายุมากขึ้นก็จะมีขนที่หยาบมากขึ้น สุนัขที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรอาจมีการผลัดขนหรือขนร่วงได้ ขนสุนัขอาจบางลงและกลายหยาบขึ้นและขาว เมื่อพวกเขาเข้าสู่ช่วงวัยชราเช่นเดียวกับมนุษย์

    ไฟเบอร์ในอาหารนั้นจำเป็นแค่ไหน?

    ไฟเบอร์มีความสำคัญต่อสุขภาพสุนัข ช่วยในการเคลื่อนอาหารปริมาณมากผ่านทางลำไส้ ไฟเบอร์บางประเภทสามารถย่อยสลายโดยแบคทีเรียในระบบทางเดินลำไส้  กระบวนการนี้สร้างกรดไขมันสายสั้น (SCFA) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญสำหรับเซลล์ชั้นบุในลำไส้

     

    สิ่งที่ดีสำหรับคุณอาจไม่ดีสำหรับสุนัข

    คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับไฟเบอร์ที่อยู่ในอาหาร ประโยชน์ของระดับไฟเบอร์ที่สูงมีผลให้มนุษย์มีวิธีคิดเกี่ยวกับอาหารของตัวเองและอาหารของสุนัข เป็นผลให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์บางคนเริ่มคิดเหมือนนักโภชนาการของมนุษย์และทำอาหารที่มีไฟเบอร์สูงสำหรับสุนัข แต่อาหารที่มีไฟเบอร์สูงและระบบทางเดินอาหารที่สั้นของสุนัขนั้นมักจะทำงานร่วมกันได้ไม่ดี  ไฟเบอร์ในระดับที่สูงจะทำให้สุนัขเกิดปัญหาในการย่อยอาหารและรบกวนการดูดซึมสารอาหารที่เหมาะสม ซึ่งต่างจากมนุษย์ สุนัขเป็นสัตว์กินเนื้อซึ่งหมายถึงพวกเขาพอใจที่จะกินเนื้อสัตว์มากกว่าการกินอาหารจากพืช

     

    ระดับปริมาณไฟเบอร์และความสามารถในการย่อย

    ตลอด 60 ปีของการวิจัยเกี่ยวกับโภชนาการของอาหารสุนัขสูตรพรีเมียม ไอแอมส์™ ได้ศึกษาอาหารเพื่อตอบสนองความต้องการทางโภชนาการพิเศษของสุนัข การวิจัยของ IAMS แสดงให้เห็นว่าระดับไฟเบอร์ดิบที่เหมาะสมสำหรับสุนัขที่มีสุขภาพดีอยู่ในช่วง 1.4 ถึง 3.5%  ความสามารถในการย่อยได้ของสารอาหารจะสูงสุดในระดับเหล่านี้

    ลักษณะที่สำคัญของไฟเบอร์คือความสามารถในการหมักหรือว่าความสามารถในการย่อยสลายแบคทีเรียที่อยู่ตามปกติในลำไส้ของสุนัขได้ดี การย่อยสลายตัวของไฟเบอร์นี้สร้างกรดไขมันสายสั้นที่ให้พลังงานกับเซลล์ที่เยื่อบุลำไส้ ความสามารถในการบ่อยขึ้นอยู่กับชนิดของไฟเบอร์ด้วย

    แหล่งไฟเบอร์ที่ใช้ในอาหารสัตว์ได้แก่ เซลลูโลส บีทพัลป์ และยางไม้และเพกติน

    การวิจัยแสดงให้เห็นว่าไฟเบอร์ที่ย่อยได้โดยจุลินทรีย์ปานกลาง เช่นบีทพัลป์ให้ประโยชน์ด้านพลังงานสำหรับเยื่อบุลำไส้ของสุนัข และเพิ่มขนาดโดยไม่มีผลเสียกับอุจจาระหรือก๊าซมากเกินไป

     

    ใยอาหารสูงและการลดน้ำหนัก

    ไฟเบอร์ที่ย่อยได้โดยจุลินทรีย์ได้ไม่ดีในปริมาณสูงจะถูกใช้ในอาหารลดน้ำหนักของสัตว์เลี้ยงเพื่อลดปริมาณแคลอรี่ในอาหาร  จากการวิจัยของ ไอแอมส์™  พบว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีเพราะไฟเบอร์ในระดับปริมาณมากสามารถลดการย่อยได้ของสารอาหารอื่น ๆ ลงได้  คุณอาจเห็นกองอุจจาระของสุนัขในสนามมากขึ้น เนื่องจากใยอาหารที่ย่อยไม่ได้

     

    ไฟเบอร์ในอาหารสุนัขของ ไอแอมส์™

    สิ่งสำคัญที่ต้องจำคือความต้องการไฟเบอร์ของสุนัขไม่เหมือนกันกับของคุณ  ไฟเบอร์ เช่น บีทพัลป์ ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าจะให้ประโยชน์ทางโภชนาการสำหรับสุนัข อาหารที่มีไฟเบอร์ที่ย่อยโดยจุลินทรีย์ได้ยากในปริมาณสูงช่วยลดปริมาณแคลอรี่แต่ไม่ได้ให้ประโยชน์ทางโภชนาการกับสุนัข

    ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ IAMS รวมถึง ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรสุนัขโตเป็นสูตรที่มีปริมาณที่เหมาะสมของไฟเบอร์ เพื่อส่งเสริมระบบทางเดินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีของสุนัขของคุณ

Close modal