IAMS TH
Recognizing the Signs of Bloat in Your Dog
Recognizing the Signs of Bloat in Your Dog

adp_description_block400
อาการบ่งบอกและวิธีดูแลสุนัขท้องอืดหรือมีแก๊สในกระเพาะอาหาร

  • แบ่งปัน

อาการท้องอืดเกิดขึ้นได้กับน้องหมาทุกตัว แต่อาจพบได้บ่อยในน้องหมาพันธุ์ใหญ่ที่มีหน้าอกลึกและแคบ ปัญหานี้ถือเป็นภาวะอันตรายที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิต ดังนั้นการเรียนรู้วิธีสังเกตและดูแลเมื่อน้องหมามีอาการท้องอืดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของไม่ควรมองข้าม

อาการท้องอืดคืออะไร?

อาการท้องอืดหรืออีกชื่อหนึ่งคือภาวะกระเพาะอาหารขยายและบิดตัว เกิดจากการมีปริมาณลมหรือแก๊สสะสมมากกว่าปกติจนทำให้กระเพาะอาหารขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วและบิดหมุน ส่งผลให้ความดันภายในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น เกิดการกดทับของอวัยวะรอบข้าง ซึ่งทำให้ระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติจนน้องหมาเกิดภาวะช็อกได้ และนอกจากลักษณะของอาการที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับอาการท้องอืดที่เจ้าของควรรู้ดังนี้: 

  • อาการท้องอืดจัดเป็นภาวะอันตรายต้องได้รับการดูแลรักษาโดยทันที
  • ภาวะท้องอืดอาจทำให้น้องหมาเสียชีวิตได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการ
  • สาเหตุของอาการท้องอืดยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน
  • แต่ละปีในสหรัฐอเมริกาพบว่ามีน้องหมากว่า 36,000 ตัวมีอาการท้องอืด และ 30% ของน้องหมาที่มีอาการเสียชีวิต
  • อาการท้องอืดเกิดขึ้นได้กับน้องหมาทุกช่วงวัย
  • น้องหมาบางสายพันธุ์มีโอกาสท้องอืดมากกว่าน้องหมาทั่วไป โดยเฉพาะพันธุ์ที่มีหน้าอกลึกและแคบ
  • การที่กระเพาะอาหารขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณช่องท้องลดลง

 ลักษณะของอาการท้องอืด

ในระยะแรกของอาการ น้องหมาจะรู้สึกอึดอัดมาก อาจจะเดินวนไปมาและส่งเสียงร้อง หรือพยายามขยับไปมาเพื่อหาท่าทางที่สบายตัว พวกเค้าอาจมีท่าทีกังวล เลียหรือจ้องไปที่ท้องของตัวเอง รวมถึงอาจมีอาการคล้ายอาเจียน แต่ไม่มีอะไรออกมา

 

นอกจากนี้อาจพบอาการอื่น ๆ เพิ่มด้วยได้ เช่น อ่อนแรง ท้องพองขยายตัว และอาจเกิดภาวะช็อก ซึ่งส่งผลให้น้องหมาหัวใจเต้นเร็วและมีอาการหอบ;
 

หากพบว่าน้องหมามีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบสัตวแพทย์ในทันที!

  • หอนหรือส่งเสียงร้องครวญคราง
  • มีท่าทางไม่สบายตัว ดูอึดอัด
  • กระสับกระส่าย
  • เหงือกซีด
  • พยายามอาเจียนแต่ไม่มีอะไรออกมา
  • หอบหรือหายใจเร็ว
  • อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น
  • วิตกกังวล
  • อ่อนแรง
  • ท้องบวม (โดยเฉพาะด้านซ้าย)
     

 อาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้เมื่อน้องหมาท้องอืด มีดังนี้:
 

กระเพาะอาหารขยายใหญ่ขึ้น:

เนื่องจากมีลมหรือแก๊สสะสมในท้อง


น้ำลายไหลมาก:

ปัญหาในระบบทางเดินอาหารอาจทำให้น้องหมาน้ำลายไหลมากกว่าปกติ
 

พฤติกรรมกระสับกระส่าย:

อาการกระสับกระส่ายเป็นสัญญาณที่พบได้ทั่วไปเมื่อน้องหมาท้องอืด และพวกเค้าอาจส่งเสียงร้องเมื่อโดนกดที่บริเวณท้อง
 

หอบ หายใจสั้น:

การขยายตัวของกระเพาะอาหารทำให้น้องหมาหายใจลำบาก
 

หัวใจเต้นเร็วขึ้น:

เนื่องจากกล้ามเนื้อกะบังลมถูกกดไม่สามารถขยายตัวได้ ส่งผลให้เกิดภาวะหายใจลำบากและหัวใจมีอัตราการเต้นเร็วกว่าปกติ

 

สาเหตุของอาการท้องอืด

แม้ว่าจะหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ แต่ปัจจัยเหล่านี้ก็มีส่วนที่ทำให้น้องหมามีอาการท้องอืด:

  • กินอาหารปริมาณมากในมื้อเดียว แทนการแบ่งมื้ออาหารเป็น 2 – 3 ครั้งต่อวัน
  • กินมากเกินไปและดื่มน้ำเร็วเกินไป
  • อยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด เช่น ต้องอยู่ในกรงหรือต้องไปพบสัตวแพทย์
  • วิ่งเล่นทันทีหลังกินอาหาร

 

วิธีป้องกันอาการท้องอืด

การทำตามคำแนะนำต่อไปนี้อาจช่วยป้องกันอาการท้องอืดในสุนัขได้ แต่ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ด้วย ซึ่งไม่อาจรับประกันได้ว่าคำแนะนำจะเกิดผลจริงกับน้องหมาทุกตัว 

  • ให้กินอาหารทีละน้อย ๆ อาจแบ่งให้อาหารเป็น 2 – 3 มื้อต่อวัน
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายเป็นเวลา  1 – 2 ชั่วโมงหลังกินอาหาร
  • อย่าให้น้องหมาดื่มน้ำปริมาณมากก่อนหรือหลังกินอาหารและหลังออกกำลังกาย
  • หากที่บ้านมีน้องหมา 2 ตัวขึ้นไป ควรแยกให้อาหาร เพื่อป้องกันพฤติกรรมกินเร็วและภาวะเครียด
  • หากเป็นไปได้ ควรกำหนดเวลาให้อาหารในช่วงเวลาที่คุณว่างและสามารถสังเกตพฤติกรรมหลังการกินของพวกเค้าได้
  • หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนอาหารอย่างกะทันหัน
  • หากพบว่าน้องหมามีอาการท้องอืด ควรรีบไปพบสัตวแพทย์ทันที


การดูแลรักษาอาการท้องอืด 
 

อาการท้องอืดสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่?

อาการท้องอืดในสุนัขจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยทันที ในกรณีที่น้องหมาท้องอืดไม่รุนแรงหรือไม่มีอาการกระเพาะบิด อาจได้รับการรักษาโดยไม่ต้องใช้ยา แต่หากตรวจพบว่ามีอาการท้องบวม กระเพาะขยายและบิดตัว บางกรณีก็อาจต้องเข้ารับการผ่าตัด

 

ตัวเลือกในการรักษาอาการท้องอืด

การระบายลมหรือแก๊สออกมาโดยใช้วิธีสอดท่อเข้าไปในกระเพาะอาหาร จะช่วยบรรเทาแรงกดต่ออวัยวะโดยรอบและป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อของกระเพาะอาหารเสื่อมสภาพ แต่ในบางกรณีก็ไม่สามารถใช้วิธีสอดท่อได้เพียงเดียว อาจมีต้องการผ่าตัดร่วมด้วย

 

นอกจากนี้ยังมีการรักษาโดยให้ของเหลวที่เสริมด้วยอิเล็กโทรไลต์ทางเส้นเลือดเพื่อปรับการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะที่สำคัญได้ตามปกติ ในหลายกรณีจำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะ และยาที่มีฤทธิ์ในการรักษาภาวะเลือดไปเลี้ยงหัวใจลดลงอีกด้วย

 

เมื่อน้องหมาอยู่ในอาการคงที่พร้อมผ่าตัดแล้ว สัตวแพทย์จะทำการผ่าตัดที่เรียกว่า “Gastropexy” เพื่อทำให้กระเพาะอาหารกลับสู่ตำแหน่งปกติพร้อมเอาเนื้อเยื่อผนังกระเพาะอาหารที่ตายแล้วออกไป รวมถึงจะยึดผนังกระเพาะเข้ากับผนังของลำตัว ทำให้โอกาสที่กระเพาะอาหารจะบิดหมุนลดลง และช่วยป้องกันอาการท้องอืดได้ดีขึ้น

 

เลือกให้อาหารที่ย่อยง่าย

อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกันอาการท้องอืดได้คือการเลือกอาหารสุนัขคุณภาพดี มีส่วนประกอบของไฟเบอร์ ช่วยให้ย่อยง่าย 
 

การดูแลเรื่องอาหารถือเป็นวิธีลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาที่ดีสุด อย่างน้อยก็จนกว่าจะสามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงของอาการท้องอืดได้ แม้ว่าอาจจะไม่ได้ผลเต็ม 100% แต่ก็ช่วยลดจำนวนน้องหมาที่ต้องเผชิญกับภาวะร้ายแรงที่อาจถึงแก่ชีวิตนี้ลงได้

 

สายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอาการท้องอืด

  • เยอรมัน เชพเพิร์ด
  • บูวีเย เด ฟล็องเดรอะ
  • เกรทเดน
  • บ็อกเซอร์
  • เซนต์เบอร์นาร์ด
  • โดเบอร์แมน
  • เยอรมัน ชอร์ตแฮร์ พอยน์เตอร์
  • ไอริช เซทเทอร์
  • กอร์ดอน เซทเทอร์
  • บอร์ซอย
  • ไอริช วูล์ฟฮาวด์
  • ดัชชุน
  • ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์
  • บาสเซ็ต ฮาวด์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการท้องอืดในสุนัข

  1. จะดูแลน้องหมาท้องอืดได้อย่างไรบ้าง?
  2. การรักษาน้องหมาท้องอืดทำได้โดยการให้ของเหลวที่มีอิเล็กโทรไลต์ผ่านทางเส้นเลือดและการให้ยาแก้ปวด วิธีนี้จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและลดการเกิดภาวะช็อก อีกทั้งยังอาจป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อสำคัญตายเนื่องจากการไหลเวียนของเลือดที่ผิดปกติ

     

  3. ทำไมน้องหมาถึงท้องใหญ่ขึ้นเมื่อมีอาการท้องอืด?
  4. ท้องของน้องหมาอาจบวมและใหญ่ขึ้นเนื่องจากมีแก๊สสะสมอยู่มาก ซึ่งการสะสมที่มากเกินไปนี้ทำให้กระเพาะอาหารขยายใหญ่ขึ้นจนไปกดทับอวัยวะรอบข้าง รวมถึงไปขัดขวางการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดและระบบย่อยอาหาร

     

  5. อาการท้องอืดสามารถหายเองได้มั้ย?
  6. หากเป็นอาการท้องอืดท้องเฟ้อแบบไม่รุนแรง อาการอาจดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แต่ก็ถือว่ายังมีโอกาสเสี่ยงเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงและระยะเวลาของอาการ

     

  7. สัญญาณเตือนเริ่มแรกของอาการท้องอืดมีอะไรบ้าง?
  8. อาการท้องอืดมักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่มีการเตือนใด ๆ น้องหมาอาจเดินวนไปมา หอบ น้ำลายไหล หรือพยายามอาเจียนโดยที่ไม่มีอะไรออกมา อาการอื่น ๆ ที่สามารถพบได้อีก ได้แก่ วิตกกังวล มีท่าทีอึดอัด และไม่สบายท้อง ในกรณีที่มีอาการรุนแรง น้องหมาอาจหมดสติ หัวใจเต้นเร็ว และเหงือกสีซีด

     

     

  9. อาการท้องอืดในแต่ละครั้งจะเกิดขึ้นนานแค่ไหน?
  10. อาการท้องอืดในสุนัขมักจะเกิดขึ้นไม่เกิน 24 ชั่วโมงหากได้รับการรักษาและดูแลอย่างเหมาะสม รวมถึงควรระมัดระวังเลือกการกำหนดปริมาณอาหารและการออกกำลังกายหลังการกินให้มากขึ้นด้วย

     

  • Why the Taste of Your Dog’s Food Matters
    Why the Taste of Your Dog’s Food Matters
    adp_description_block152
    ดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องอร่อยด้วย เทคนิคเพิ่มความอร่อยให้อาหารน้องหมา

    • แบ่งปัน

    ความอร่อยของอาหารสุนัขสำคัญอย่างไร?

    อาหารสุนัขคุณภาพดีมีสารอาหารจำเป็นครบถ้วนตรงตามความต้องการของน้องหมา แต่มันจะไม่เกิดประโยชน์ใดเลยหากน้องหมาไม่ยอมกินเข้าไป ดังนั้นนอกจากคุณค่าทางโภชนาการแล้ว อาหารสุนัขจึงควรได้รับการปรุงอย่างพิถีพิถันเพื่อให้มีรสชาติอร่อยถูกใจบรรดาเจ้าตัวน้อยสี่ขาด้วย
     

    ส่วนเคล็ดลับความอร่อยของอาหารสุนัขนั้น จะอยู่ที่เครื่องปรุงและวัตถุดิบที่หลากหลาย รวมถึงการเติมส่วนผสมลับที่ช่วยเพิ่มกลิ่นหอม รสชาติ และเนื้อสัมผัส เช่น ไขมัน เกลือ โปรตีน ยีสต์ และอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาเพื่อให้อาหารมีรสชาติดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในอาหารเม็ดที่ต้องเพิ่มรสชาติให้ดึงดูดใจน้องหมาได้
     

    อะไรคือความอร่อยสำหรับน้องหมา?

    ความอร่อยสำหรับน้องหมาอาจหมายถึงความพึงพอใจในรสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัสของอาหาร โดยผู้ผลิตอาหารสุนัขส่วนใหญ่ลงทุนศึกษาวิธีการควบคุมปริมาณและแปรรูปส่วนผสมเพื่อให้ได้อาหารที่มีทั้งคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติอร่อยน่ากิน


    จะรู้ได้อย่างไรว่าอาหารมีรสชาติอร่อย?

    เราสามารถทดสอบความอร่อยได้ด้วย 2 วิธีต่อไปนี้:
     

    การกินคำแรก: “การกินคำแรก” เป็นการวัดความประทับใจแรกที่น้องหมามีต่อกลิ่นและรูปลักษณ์ของอาหาร
     

    ปริมาณอาหารทั้งหมด: ทั้งนี้ความแปลกใหม่ของอาหารอาจทำให้ผลสรุปคลาดเคลื่อนได้ นอกจากการกินคำแรกแล้ว จึงต้องทดสอบต่อด้วยการวัด “ปริมาณอาหารทั้งหมด” ที่น้องหมากินเข้าไป ซึ่งปริมาณดังกล่าวจะเป็นตัวบ่งบอกว่าอาหารสามารถดึงดูดใจน้องหมาได้มากน้อยเพียงใดเมื่อเวลาผ่านไป การทดสอบเหล่านี้จะช่วยให้เราเลือกอาหารที่ถูกใจน้องหมาได้ ทั้งในด้านรสชาติ เนื้อสัมผัส และคุณค่าโภชนาการ

     

    นิสัยเลือกกินของน้องหมาเกิดจากอะไร?

    มีเหตุผลมากมายที่ทำให้น้องหมาติดนิสัยเลือกกิน ซึ่งรวมถึงเหตุผลเหล่านี้ด้วย:

    • ได้รับขนมหรืออาหารของคนมากเกินไป
    • ไม่ชอบส่วนผสมบางอย่างในอาหาร
    • ขาดความหลากหลายของอาหาร
    • ปัญหาด้านสุขภาพ

    น้องหมารู้ได้อย่างไรว่าอาหารอร่อย?

    น้องหมามีต่อมรับกลิ่นมากกว่าต่อมรับรสเมื่อเปรียบเทียบกับคน นั่นหมายความว่าอาหารที่มีกลิ่นแรงจะดึงความสนใจพวกเค้าได้มากกว่า แต่อาหารที่ไม่ค่อยมีกลิ่นอย่างอาหารเม็ดก็มีความน่ากินสำหรับน้องหมาเช่นกัน เนื่องจากน้องหมาสามารถรับรสของไขมันและเกลือ (ไม่จำเป็นต้องเป็นรสเค็มเสมอไป) ได้ค่อนข้างดี อาหารเม็ดส่วนใหญ่จึงมีส่วนผสมของไขมัน เพื่อเพิ่มรสชาติความอร่อยโดยไม่ทำให้อาหารมีกลิ่นแรง
     

    แม้ว่ารสชาติและกลิ่นจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้น้องหมาตัดสินว่าอาหารถูกใจหรือไม่ แต่ความอร่อยหรือความน่ากินก็อาจเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นความชอบเฉพาะตัวของน้องหมา รวมถึงอาหารที่เจ้าของชอบให้กิน และการกำหนดตารางเวลาในการให้อาหารด้วย
     

    ทำอย่างไรให้น้องหมายอมกินอาหาร?

    สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อให้น้องหมากินอาหาร มีดังนี้:

     

    • วางแผนการให้อาหาร

    ทุกคนในบ้านต้องทำตามแผนอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ หากต้องการให้อาหารอื่นเพิ่มเติม ควรคำนวณปริมาณอาหารและคุณค่าทางโภชนาการที่ควรได้รับในแต่ละวันให้เหมาะสมด้วย

     

    • หลีกเลี่ยงการให้กินอาหารของคน

    การให้กินอาหารของคนบ่อย ๆ จะทำให้น้องหมาติดนิสัยชอบขอและไม่ยอมกินอาหารของตัวเอง นอกจากนี้อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมาย ตั้งแต่อาการท้องเสียไปจนถึงภาวะตับอ่อนอักเสบ ถึงแม้ว่าอาหารของคนจะดูน่ากินมากกว่า แต่มันก็มีคุณค่าทางโภชนาการไม่เพียงพอต่อความต้องการของน้องหมา

     

    • กำหนดเวลาให้อาหาร

    สำหรับลูกสุนัขตัวน้อยควรแบ่งมื้ออาหารออกเป็น 2 – 3 มื้อต่อวัน หรือให้ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ เมื่อน้องหมาโตขึ้นก็สามารถลดจำนวนมื้ออาหารลงได้ แต่ต้องเพิ่มปริมาณอาหารแต่ละมื้อให้มากขึ้น คุณอาจเลือกให้อาหารที่หลากหลายได้ แต่ควรคำนวณปริมาณให้เหมาะสมต่อความต้องการในแต่ละวันของพวกเค้าด้วย

     

    การทดสอบความอร่อยของอาหารมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?

    การทดสอบควรดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญและผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลโดยนักโภชนาการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง สำหรับขั้นตอนแรกในการทดสอบ จะเริ่มจากการให้อาหารน้องหมา 2 ชามในเวลาเดียวกัน ชามแต่ละใบจะมีอาหารแตกต่างกันโดยได้รับการชั่งน้ำหนักและบันทึกรายละเอียดเอาไว้แล้ว
     

    จากนั้นผู้เชี่ยวชาญก็จะสังเกตและจดบันทึกการเลือกกินอาหารคำแรกของน้องหมา เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ชามอาหารทั้งสองจะถูกนำออกไปชั่งน้ำหนักเพื่อวัดปริมาณอาหารที่เหลืออยู่ ทั้งนี้ในแต่ละวันชามอาหารจะถูกเปลี่ยนตำแหน่งจากซ้ายไปขวาตลอดช่วงการทดสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าน้องหมาไม่ได้เลือกกินอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งจากความคุ้นเคย
     

    การวัดปริมาณอาหารจะคำนวณจากความแตกต่างระหว่างน้ำหนักต้น (ก่อนการทดสอบ) และน้ำหนักสิ้นสุด (หลังการทดสอบ) ของอาหารแต่ละชาม โดยการทดสอบจะทำซ้ำติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน เมื่อครบกำหนดก็จะนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์เพื่อสรุปผลความน่ากินของอาหารแต่ละชนิด

     

    รสชาติที่เจ้าตัวน้อยโปรดปราน

    รสชาติเหล่านี้คือตัวอย่างรสชาติที่สามารถดึงดูดใจน้องหมาได้เป็นอย่างดี


    รสเนื้อ

    • น้องหมาส่วนใหญ่ชอบกินเนื้อสัตว์
    • เนื้อสัตว์มีปริมาณโซเดียมเพียงพอต่อความต้องการของน้องหมา จึงไม่จำเป็นต้องกินอาหารเสริมเพิ่ม
    • อาหารสุนัขควรมีส่วนผสมของเนื้อไก่ เนื้อปลาแซลมอน เนื้อไก่งวง เนื้อแกะ หรือเนื้อวัว
    • เนื้อสัตว์ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี แต่ยังช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้อาหารอีกด้วย
       

    ไขมันสัตว์

    • อาหารสุนัขจะมีรสชาติดีขึ้นเมื่อมีส่วนผสมของไขมันสัตว์
    • ไขมันสัตว์ถือเป็นส่วนผสมสำคัญในอาหารสัตว์เลี้ยง
    • ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อคำนวณปริมาณไขมันที่เหมาะสมสำหรับอาหารแต่ละมื้อ
       

     น้ำเกรวี่หรือน้ำซุปเข้มข้น

    • น้องหมาส่วนใหญ่ชอบอาหารเปียกมากกว่าอาหารเม็ด
    • แนะนำให้ผสมอาหารเม็ดเข้ากับน้ำซุปหรือซอสเกรวี่เพื่อเพิ่มความน่ากิน 
    • สามารถเพิ่มความอร่อยให้มื้ออาหารได้ด้วยน้ำเกรวี่ชุ่มฉ่ำและรสชาติเข้มข้นของเนื้อสัตว์

     

    ปัจจัยใดบ้างที่ช่วยให้อาหารสุนัขมีความอร่อยน่ากิน? 

    ไม่ใช่แค่รสชาติเท่านั้นที่ดึงดูดใจน้องหมาได้ แต่รูปลักษณ์ กลิ่นหอม และเนื้อสัมผัสของอาหารก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความน่ากินได้เช่นกัน


    จะทำอย่างไรให้อาหารสุนัขอร่อยและน่ากินมากยิ่งขึ้น?

    เคล็ดลับที่ช่วยให้อาหารสุนัขอร่อยและน่ากินมากยิ่งขึ้นมีดังนี้

    1. เลือกโปรตีนคุณภาพดี

      ไม่ว่าจะเป็นอาหารเม็ดหรืออาหารเปียก สิ่งสำคัญคือการเลือกอาหารที่มีแหล่งโปรตีนคุณภาพดี อาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ อย่างเนื้อแกะ เนื้อวัว หรือเนื้อไก่ มักจะมีรสชาติอร่อยถูกใจเจ้าตัวน้อย

    2. เติมความอร่อยด้วยไขมัน

      การเพิ่มไขมัน เกลือ และสารปรุงแต่งอื่น ๆ จะช่วยให้อาหารเม็ดมีรสชาติอร่อยและกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น โดยไขมันถือเป็นรสชาติที่น้องหมาชื่นชอบ และต้องการให้มีในทุกมื้ออาหาร อย่างไรก็ตามควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อคำนวณปริมาณไขมันที่เหมาะสมก่อน

    3. เพิ่มส่วนผสมพิเศษ

      อีกหนึ่งเคล็ดลับในการเพิ่มรสชาติความอร่อยคือการใส่ส่วนผสมพิเศษลงไป ตัวอย่างเช่นเนื้อสัตว์หรือน้ำเกรวี่ชุ่มฉ่ำแสนอร่อย

    4. เปลี่ยนมาให้ขนมแสนอร่อย

      จุดประสงค์หลักของอาหารเสริมส่วนใหญ่คือเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ จึงอาจมีส่วนผสมที่น้องหมาไม่ชอบใจ แนะนำให้เปลี่ยนเป็นขนมที่มีเนื้อเหลวหรือเนื้อนุ่มเคี้ยวง่ายแทน เพื่อเพิ่มรสชาติให้อาหารสุนัขโดยที่ยังคงมีคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน

    ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Liquid digest) คืออะไร และช่วยให้อาหารสุนัขมีรสชาติอร่อยน่ากินได้อย่างไร?

    ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นเพียงโปรตีนที่ผ่านการย่อยสลายด้วยเอนไซม์จนกลายเป็นกรดอะมิโน โดยมีการเติมสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดเพื่อให้กระบวนการย่อยหยุดลง และได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ต้องการ เมื่อส่วนผสมทุกอย่างผ่านการปรุงและแปรรูปเป็นเม็ดอาหารเรียบร้อยแล้ว เม็ดอาหารทั้งหมดก็จะถูกฉีดพ่นด้วยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจนทั่ว ซึ่งมีส่วนช่วยให้รสชาติอาหารดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้อาหารย่อยง่ายขึ้นอีกด้วย

     

    ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วยเพิ่มความอร่อยได้จริงหรือไม่?

    เพิ่มได้จริง เราใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผลิตจากเนื้อไก่กับอาหารเม็ดสำหรับสุนัข เพื่อเพิ่มทั้งความน่ากินและคุณค่าทางโภชนาการ แต่อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงบางชนิดก็ใช้เพียงสารเพิ่มรสชาติอย่างผงหัวหอม เพื่อกลบกลิ่นและรสชาติของส่วนผสมเท่านั้น ไม่มีส่วนช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการแต่อย่างใด

Close modal