เป็นที่รู้กันดีว่าแมวมีความเป็นตัวของตัวเองสูงและมีความสง่างามชวนให้หลงใหล เจ้าเหมียวขนฟูเหล่านี้มีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 12 – 18 ปี แมวที่มีอายุมากกว่า 3 ปีจะถือว่าเป็นแมวโตเต็มวัย และเมื่อมีอายุ 11 ปีขึ้นไปก็จะเข้าสู่ช่วงสูงวัย
พฤติกรรมหรือนิสัยการกินของแมวจะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุเช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ อย่างลูกแมวต้องการปริมาณอาหารมากกว่าเพื่อน เนื่องจากพวกเค้าต้องการพลังงานสูงและอยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต แมวโตเต็มวัยต้องการอาหารในปริมาณปานกลางเพื่อให้มีพลังงานเพียงพอต่อการทำกิจกรรมตลอดวัน ส่วนแมวสูงอายุมักจะมีความอยากอาหารน้อยลง เจ้าของจึงอาจต้องปรับเปลี่ยนสูตรอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการของพวกเค้า หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้อาหารแมวสูงวัย มาติดตามบทความนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย
พฤติกรรมการกินส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของแมวสูงวัย เจ้าของควรดูแลเอาใจใส่เกี่ยวกับโภชนาการกันให้มากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าน้องแมวจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณที่เหมาะสม
ผู้เลี้ยงควรทำความเข้าใจก่อนว่าแมวแต่ละช่วงวัยมีความต้องการทางโภชนาการแตกต่างกัน ลูกแมวควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสม แมวโตเต็มวัยควรได้รับการดูแลอย่างใส่ใจเพื่อป้องกันปัญหาน้ำหนักตัวเกิน และแมวสูงวัยควรได้รับการดูแลมากเป็นพิเศษเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง อาหารของพวกเค้าควรประกอบด้วยโปรตีนคุณภาพสูงและวิตามินอีเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและข้อต่อ
เมื่อน้องแมวมีอายุมากขึ้น การรับรสและการดมกลิ่นก็จะเสื่อมลง นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อปัญหาฟันเสื่อมสภาพซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการเคี้ยวอาหารด้วย เจ้าของสามารถทำตามคำแนะนำในการเลือกอาหารต่อไปนี้ เพื่อช่วยให้น้องแมวกินอาหารได้ดียิ่งขึ้น
เนื่องจากแมวสูงวัยมีความอยากอาหารน้อยลง เจ้าของจึงต้องเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเพื่อให้แน่ใจว่าน้องแมวจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน หรืออาจทำตามเคล็ดลับเหล่านี้เพิ่มเติมด้วยก็ได้
แม้ว่าน้องแมวสูงวัยจะอยากอาหารน้อยลง แต่พวกเค้ายังคงต้องการสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนหรือวิตามินที่จำเป็น สำหรับแมวสูงวัยที่มีสุขภาพแข็งแรง อาจให้อาหาร 3 – 4 ครั้งต่อวัน แต่หากพวกเค้ามีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร ควรให้อาหารอย่างน้อย 10 – 12 ครั้งต่อ
แทนที่จะเสิร์ฟอาหารร้อนหรือเย็นเกินไป เจ้าของควรเสิร์ฟอาหารในอุณหภูมิห้องปกติ เนื่องจากประสาทสัมผัสของแมวสูงวัยไม่ได้ดีดังเดิม อาหารอุณหภูมิห้องจะช่วยให้พวกเค้ารับรสและกลิ่นของอาหารได้ดีขึ้น
อาหารของแมวสูงวัยควรย่อยง่ายและมีสารอาหารที่สำคัญครบถ้วน เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุ
ช่วงวัยเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกอาหาร รวมถึงสภาวะสุขภาพ น้ำหนัก ความอยากอาหาร และรูปแบบการใช้ชีวิตของแมวด้วย แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อทำความเข้าใจข้อกำหนดด้านสุขภาพ การขาดสารอาหาร และโรคประจำตัวก่อนเลือกอาหารให้กับพวกเค้า
แมวสูงวัยส่วนใหญ่ต้องการพลังงานประมาณ 280 – 360 แคลอรี่ต่อวัน แนะนำให้เลือกอาหารคุณภาพดี โดยพิจารณาจากน้ำหนัก สภาวะสุขภาพ และสารอาหารที่ต้องการ
ควรให้อาหารแมวสูงวัยในปริมาณเล็กน้อยแต่ให้บ่อยขึ้น อย่างน้อย 3 – 4 ครั้งต่อวัน หากพวกเค้ามีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร คุณควรให้อาหารปริมาณที่น้อยลงและแบ่งมื้ออาหารออกเป็น 10 – 12 ครั้งต่อวัน
ใช่ คุณควรเลือกอาหารสูตรสำหรับแมวสูงวัยโดยเฉพาะ เนื่องจากได้รับการคิดค้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการทางโภชนาการของแมวในช่วงวัยนี้
ข้อดีของอาหารสำหรับแมวสูงวัยมีดังต่อไปนี้
แมวที่มีอายุมากกว่า 11 ปีถือเป็นแมวสูงวัย
สารอาหารที่ดีมีความสำคัญต่อแมวไม่ต่างจากที่ร่างกายของคุณต้องการ แต่ความต้องการของแมวต่างจากมนุษย์ ! แมวต้องการอาหารที่มีไขมันสูงและใยอาหารต่ำ และถึงแม้ว่าคุณจะเป็นมังสวิรัติ คุณควรจะเข้าใจว่าแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ เค้าต้องการสารอาหารจากโปรตีนและไขมันที่มาจากสัตว์ เพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์ ต้องการใยอาหารเพื่อระบบย่อยอาหารที่ดี และต้องการคาร์โบไฮเดรตเพื่อพลังงาน
ในท้องตลาดมีอาหารแมวกว่าพันสูตร คุณจะทราบได้อย่างไรว่าสูตรไหนเหมาะกับแมวของคุณ
ปัจจัยแรกคือ ต้องพิจารณจากช่วงวัยและไลฟ์สไตล์ก่อนว่าเป็นแบบไหนแมว แมวให้นมลูก แมวโตเต็มวัย หรือแมวสูงวัย ซึ่งแต่ละช่วงต้องการสารอาหารแตกต่างกัน อาหารแมวทุกชนิดควรระบุว่าเหมาะกับช่วงวัยไหน
นอกจากนี้ไลฟ์สไตล์ยังส่งผลต่อความต้องการด้านสารอาหารอีกด้วย แมวที่นอนติดโซฟาย่อมต้องการพลังงานน้อยกว่าแมวที่ชอบเที่ยวเล่นนอกบ้าน
อันดับสุดท้าย พิจารณาถึงอาการป่วยใด ๆ ที่แมวคุณเป็นอยู่ รวมถึงภูมิแพ้อาหารที่อาจต้องให้สัตวแพทย์แนะนำอาหารเป็นพิเศษ
เมื่อรู้ช่วงวัยและไลฟ์สไตล์ของแมวแล้ว ต่อไปต้องเลือกว่าจะให้เค้ากินอาหารเม็ดหรืออาหารเปียก แมวส่วนใหญ่ชอบอาหารเม็ด ซึ่งจะช่วยบำรุงสุขภาพและความสะอาดช่องปากผ่านการเคี้ยว แต่แมวบางตัวโดยเฉพาะแมวช่างเลือก ชื่นชอบผิวสัมผัสที่นุ่มและเปียกของอาหารซองหรืออาหารกระป๋อง
สิ่งหนึ่งที่ต้องจำเอาไว้คือ คุณสามารถให้อาหารเม็ดทิ้งไว้ในชามได้ตลอดวัน แต่อาหารเปียกต้องทิ้งทันทีหลังจาก 30 นาที ดังนั้นอาหารเม็ดจึงเหมาะกับเจ้าของที่ยุ่งและไม่ได้อยู่บ้านตลอดทั้งวัน
เมื่อคุณทราบความต้องการด้านโภชนาการและความชอบของเจ้าเหมียวแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกซื้อ
เนื่องจากแมวต้องการสารอาหารจากแหล่งที่มาจากสัตว์ คุณจึงควรเลือกอาหารที่วัตถุดิบหลัก (วัตถุดิบอันดับแรก ๆ ) เป็นโปรตีนที่ทำมาเนื้อสัตว์ อย่าง เนื้อไก่ เนื้อแกะ เนื้อปลา หรือผลพลอยได้จากเนื้อสัตว์ โดยวัตถุดิบเหล่านี้มีกรดอะมิโนจำเป็นครบทุกชนิด เช่น ทอรีน ซึ่งไม่พบในโปรตีนจากพืช
การผสมคาร์โบไฮเดรตลงในอาหาร อาทิ เนื้อข้าวโพด ข้าวบาร์เลย์ และข้าวฟ่างเมล็ด จะช่วยด้านการดูดซึมสารอาหารและรักษาระดับพลังงาน ส่วนบีทพัลพ์เป็นแหล่งใยอาหารชั้นดีที่ช่วยระบบย่อยอาหาร
เพื่อให้ผิวหนังสุขภาพดีและขนหนานุ่ม เจ้าเหมียวต้องการกรดไขมันจากน้ำมันปลาที่มีวิตามินสูงและไขมันจากเนื้อไก่
ฉลากอาหารแมวให้รายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับคุณค่าสารอาหารเท่านั้น เนื่องจากข้อบังคับไม่อนุญาตให้ผู้ผลิตอธิบายคุณภาพของวัตถุดิบภายในบรรจุภัณฑ์ ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีชื่อเสียงจะสามารถอธิบายวิธีทดสอบและรับประกันคุณภาพของตัวเองได้
เมื่อเลือกซื้ออาหาร คุณไม่ควรพิจารณาจากราคาเป็นปัจจัยหลัก เพราะอาหารที่ราคาถูกอาจมีที่มาจากวัตถุดิบคุณภาพต่ำ หรือมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุดิบเนื่องจากต้นทุนผู้ผลิตมีความผันผวน
ผลิตภัณฑ์ราคาถูกหลายแบรนด์มีคุณค่าทางสารอาหารต่อวันน้อยกว่าผลิตภัณฑ์คุณภาพเมื่อกินในปริมาณเท่ากัน นอกจากนี้คุณควรพิจารณาราคาต่อวันด้วย ไม่ใช่แค่พิจารณาจากราคาเท่านั้น