เจ้าของแมวล้วนคุ้นเคยกับอาการที่บ่งบอกว่าเจ้าเหมียวกำลังปวดท้องเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงครางเจ็บปวด การขย้อนอาหาร หรืออาการคลื่นไส้ แต่เมื่อเค้าแสดงอาการเหล่านี้แล้ว เจ้าเหมียวก็กลับไปร่าเริงเหมือนปกติ ปล่อยให้เจ้าของทำความสะอาดคราบบนพื้นที่กองอยู่
ซินเธีย โบเวนแห่งคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอก็คุ้นชินกับเหตุการณ์ทำนองนี้เป็นอย่างดี ในฐานะเจ้าของแมวเมนคูน 4 ตัว ซินเธียผ่านการเช็ดคราบอาเจียนของเจ้าเหมียวมาไม่น้อย “ฉันเจอกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ประมาณ 2-3 เดือนครั้ง” เธอกล่าว “แต่นอกจากนี้แล้วเค้าก็ดูแข็งแรงดี”
แม้ว่าจะไม่ใช่หัวข้อที่น่าอภิรมย์สักเท่าไร แต่การอาเจียนดูจะเป็นอาการที่เจ้าเหมียวทำเป็นปกติ เจ้าของแมวส่วนใหญ่ก็ยอมรับว่านี่เป็นเรื่องธรรมชาติเมื่อเป็นเจ้าของแมว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป การทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าเหมียวปวดท้องและวิธีรับมือจะช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างคุณและเค้าให้สนิทกันมากขึ้น
เจ้าของแมวส่วนใหญ่เชื่อว่ามาจากปัญหาเรื่องก้อนขน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียว “การเดาว่าอาการอาเจียนส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากก้อนขนดูจะเป็นการรีบด่วนสรุปไปหน่อย” ดร.วิลเลียม ฟอล์เจอร์ สัตวแพทย์แห่งเมืองฮิวสตันกล่าว อีกสองสาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่ การกินอาหารเร็วเกินไป และนิสัยขี้สงสัยของแมว
บางครั้งเจ้าเหมียวก็รีบกินอาหารครั้งละมาก ๆ ทำให้กระเพาะขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการสำรอกอาหารได้ ในเหตุการณ์ทำนองนี้ คราบอาเจียนบนพื้นจะเป็นอาหารที่ถูกสำรอกออกมา ไม่ใช่การอาเจียนจริง ๆ ในลักษณะนี้จะเรียกว่าการสำรอก เมื่อแมวสำรอกของเหลวและอาหารจะไหลย้อนขึ้นมาทางหลอดอาหารและออกทางปาก ซึ่งต่างกับการอาเจียนที่มักมีการขย้อนและคลื่นไส้ร่วมด้วย
อาหารที่สำรอกออกมาจะยังเหลือรูปร่างและมีกลิ่นคล้ายอาหารหมัก “แมวที่รีบกินอาหารเพราะตะกละหรือเครียดเนื่องจากต้องแย่งกันกินจะสำรอกอาหารทันทีหลังจากกินเสร็จ” ดร.ซาร่า สตีเฟนส์ สัตวแพทย์จากมอนทาน่ากล่าว แต่อย่ารีบด่วนสรุปว่าการสำรอกอาหารมีสาเหตุมาจากการรีบกินอาหารเท่านั้น เพราะยังมีสาเหตุอื่น ๆ เช่น ปัญหาภายในหลอดอาหาร ทางเดินอาหารอุดตัน ก้อนขน หรือการขาดน้ำ หากคุณสอนให้เจ้าเหมียวกินอาหารช้าลงแล้วยังพบปัญหาอยู่ ให้ปรึกษาสัตวแพทย์

หญ้า ผ้าปูพื้น และกระดาษชำระ ล้วนแต่เป็นของที่แมวอาจกินเข้าไปและอาเจียนออกมาทีหลังได้ การอาเจียนในลักษณะนี้มาจากกลไกการป้องกันตัวเอง ซึ่งเป็นกลไกตามธรรมชาติเพื่อกำจัดของเสียออกจากร่างกาย บางครั้งความขี้สงสัยของเจ้าเหมียวก็นำไปสู่ปัญหาร้ายแรงได้ นอกจากนี้ ของโปรดของเจ้าเหมียวอย่าง เชือก ชิ้นส่วนของเล่น หรือขนนกอาจติดอยู่ในลำไส้หรือกระเพาะได้ ซึ่งทำให้เกิดการอาเจียนบ่อย ๆ ร่วมด้วยภาวะเครียดรุนแรง หากพบว่าแมวของคุณมีอาการเหล่านี้ รีบพาเค้าไปหาสัตวแพทย์ทันที ส่วนใหญ่การนำสิ่งของออกจำเป็นต้องอาศัยการผ่าตัด
เจ้าของไม่ควรมองข้ามเมื่อแมวที่เลี้ยงอาเจียนซ้ำ ๆ เนื่องจากจะนำไปสู่ภาวะขาดน้ำได้ แต่ถ้าแมวอาเจียนเป็นเรื่องปกติ คุณจะแยกออกได้อย่างไร … “คำแนะนำเบื้องต้นคือหากแมวของคุณอาเจียนเดือนละ 1-3 ครั้ง ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ” ดร.ฟอล์เจอร์กล่าว
คุณหมอถือว่าเป็นเหตุการณ์รุนแรงต่อเมื่อแมวอาเจียนสองครั้งภายในสามวัน ยิ่งหากแมวของคุณไม่ยอมกินอาหาร แสดงอาการปวดท้อง หรืออาเจียนปนกับเลือด ควรรีบพาเค้าไปพบสัตวแพทย์โดยด่วน และอย่าลืมว่าหากคุณสงสัยว่ามีปัญหากวนใจใด ๆ ที่อาจกลายเป็นปัญหารุนแรงกับแมว ให้รีบติดต่อสัตวแพทย์ หรือพาแมวไปพบสัตวแพทย์ทีนทีก็สามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดของแมว รวมถึงคลายความกังวลของคุณได้
เจ้าของแมวอาจจะคิดว่าการอาเจียนเป็นพฤติกรรมปกติของแมว ที่อาจเกิดขึ้นได้เพราะแมวมีปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารมากกว่าในคน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่มีวิธีป้องกันแมวอาเจียน

วิธีแก้ไขเบื้องต้นคือการสอนให้แมวของคุณกินอาหารช้าลงหรือน้อยลง ดร.สตีเฟนส์แนะนำให้ ให้อาหารในปริมาณที่น้อยลง ยกภาชนะให้สูงขึ้นเล็กน้อย หรือใส่สิ่งของ เช่นลูกบอลเล็ก ๆ ลงในชามอาหาร ทำให้เจ้าเหมียวกินช้าลงเนื่องจากต้องคอยหลบลูกบอล แต่หากเลือกใช้วิธีนี้ต้องมั่นใจว่าลูกบอลมีขนาดใหญ่เกินกว่าเจ้าเหมียวจะกลืนได้ หรืออีกวิธีสำหรับบ้านที่เลี้ยงแมวหลายตัว คือให้อาหารแต่ละตัวคนละเวลา คนละที่กันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแย่งกันกิน
หากวิธีเบื้องต้นไม่ได้ผล ให้สังเกตพฤติกรรมการกินของเค้าแล้วปรับอาหาร อย่างเช่น โบเวนที่เปลี่ยนแบรนด์อาหารแมว “ตั้งแต่เปลี่ยนมาให้ไอแอมส์™ เค้าก็ไม่ค่อยอาเจียนอีกเลย” โบเวนกล่าว
“ปกติแล้วพอคุณเปลี่ยนมาใช้อาหารที่คุณภาพสูงขึ้น ก็มักจะไม่ค่อยเกิดปัญหา” สตีเฟนส์กล่าว เคล็ดลับในการเปลี่ยนอาหารที่ได้ผลและไม่ลำบากใจเจ้าเหมียว ได้แก่
ค่อยเป็นค่อยไป ค่อย ๆ ปรับอาหารเพื่อให้แมวมีเวลาปรับตัว “ตรวจดูว่าแมวได้กินอาหารทุกวัน” ดร.สตีเฟนส์แนะนำ “แมวที่หยุดกินอาหารทันทีอาจก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับตับได้”
เพิ่มความน่าทาน การเปลี่ยนจากอาหารเปียกเป็นอาหารเม็ด หรือจากอาหารเม็ดเป็นอาหารเปียกก็ควรค่อย ๆ เปลี่ยนเช่นเดียวกัน แมวส่วนใหญ่ชื่นชอบอาหารเปียกมากกว่า หากคุณเปลี่ยนมาให้อาหารเม็ด ให้เติมน้ำและอุ่นให้พอร้อนเพื่อเพิ่มความน่าทาน นำอาหารที่ไม่ได้กินเกิน 20 นาทีทิ้งเพื่อป้องกันอาหารเสีย
ตวงอาหาร ควรให้อาหารแมวเท่าไรดี? … อย่าลืมพิจารณาอายุ เพศ สายพันธุ์ การทำกิจกรรมในแต่ละวัน รวมถึงสุขภาพโดยรวมของแมว ปรึกษาสัตวแพทย์ของคุณและอ่านคำแนะนำของผู้ผลิตอาหาร อาหารระดับพรีเมียมอย่างไอแอมส์™ มีสารอาหารอัดแน่นกว่าอาหารทั่วไป จึงไม่ต้องแปลกใจหากพบว่าต้องให้อาหารปริมาณน้อยลง
อีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ นอกจากการตวงอาหารแล้ว อย่าลืมชั่งน้ำหนักแมวเป็นประจำและปรับสัดส่วนอาหารตามความเหมาะสมหลังจากเปลี่ยนมาให้อาหารระดับพรีเมียม เจ้าเหมียวอาจรู้สึกชอบใจเมื่อได้กินอาหารเยอะกว่าปกติ แต่ในระยะยาวจะทำให้เค้าน้ำหนักเกินได้
หากแมวของคุณอาเจียนมากกว่าเดือนละ 3 ครั้งหรือมีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารเรื้อรัง คุณสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อบรรเทาอาการของเค้าได้ เพียงแค่การได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์และความพยายามของคุณในการดูแลเจ้าเหมียวอย่างถูกต้อง ก็จะสามารถจัดการปัญหาเกี่ยวกับอาการปวดท้องได้
เมื่ออายุครบ 12 เดือน เจ้าเหมียวของคุณก็ไม่ต้องการแร่ธาตุ โปรตีน และพลังงานในระดับสูงเหมือนกับตอนที่เป็นลูกแมววัยกำลังโตอีกต่อไป คุณจึงควรเปลี่ยนให้เค้ากินอาหารคุณภาพสูง อย่าง ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สำหรับแมวโตรสไก่ ซึ่งมาพร้อมสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลสำหรับแมวโต
อ่านฉลากเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารที่เลือกเหมาะกับช่วงวัยของแมวคุณ (ลูกแมว แมวโต แมวสูงวัย) นอกจากนี้ควรมองหาคำประกาศที่ระบุว่าอาหารดังกล่าวตรงตามข้อบังคับของสมาคมควบคุมอาหารสัตว์เลี้ยงแห่งอเมริกา (AAFCO) เนื่องจากหากไม่มีคำประกาศด้านสารอาหารของ AAFCO บนฉลากก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าแมวของคุณจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล
อาหารแมวพรีเมียมมักจะใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงและย่อยได้ง่ายกว่า รวมถึงมีสารอาหารที่เข้มข้นกว่าแบรนด์ราคาถูก แมวของคุณจะได้รับพลังงานที่เพียงพอโดยกินอาหารในปริมาณที่น้อยลง ทำให้ราคาต่อมื้อของอาหารพรีเมียมอาจต่างจากอาหารธรรมดาเพียงไม่กี่บาทเท่านั้น
เนื่องจากความต้องการด้านสารอาหารของแมวคุณเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเค้าโตขึ้น หรือมีภาวะเจ็บป่วยแทรกซ้อนที่ต้องการอาหารพิเศษ ดังนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์ถึงวิธีการให้อาหาร รวมทั้งชนิด และปริมาณอาหารที่จำเป็นสำหรับเค้าด้วย
เริ่มโดยให้อาหารแมวตามปริมาณที่บรรจุภัณฑ์แนะนำ แม้ว่าปริมาณปกติจะดูไม่น่าทำให้แมวของคุณมีสุขภาพที่ดี หากเค้ากินอาหารไม่หมดหรือน้ำหนักเริ่มเยอะขึ้นจึงค่อยลดปริมาณลง หรือหากเค้าเริ่มดูผอมจึงค่อยเพิ่มปริมาณจนเค้ามีน้ำหนักที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ปกติแมวโตกินอาหารเพียงวันละมื้อก็เพียงพอแล้ว หากแมวของคุณหิวบ่อยขึ้น ให้แบ่งอาหารเป็นหลายมื้อและให้อย่างตรงเวลา และต้องอย่าลืมว่าการให้อาหารหลายมื้อไม่ได้แปลว่าต้องเพิ่มปริมาณอาหาร แต่ให้แบ่งปริมาณที่แนะนำออกเป็นหลาย ๆ มื้อแทน
การให้อาหารเม็ดทิ้งไว้ตลอดวัน เพื่อให้เจ้าเหมียวเลือกกินได้ตามใจก็เป็นทางเลือกที่ดีหากเค้ามีสุขภาพที่ดีอยู่แล้ว แต่หากเจ้าเหมียวน้ำหนักเกินหรือกินมากเกินไปก็ไม่ควรให้อาหารทิ้งไว้
เนื่องจากอาหารประเภทนี้มีไขมันและให้พลังงานเยอะ ซึ่งจะไปรบกวนสารอาหารที่แมวได้รับจากอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลอยู่แล้ว
ทำได้โดยการผสมอาหารใหม่และอาหารเดิมเข้าด้วยกัน เริ่มจากให้อาหารใหม่ในสัดส่วนน้อยก่อนแล้วทยอยเพิ่มขึ้นโดยใช้เวลา 3-4 วัน แมวมักจะยอมรับการเปลี่ยนแปลง หากเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป วิธีนี้จะไม่ทำให้ระบบย่อยอาหารของเค้ามีปัญหา
แมวต้องการน้ำเพื่อควบคุมอุณหภูมิร่างกาย ช่วยย่อยอาหาร กำจัดของเสีย ฯลฯ คุณควรให้แมวดื่มน้ำอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณให้เค้ากินแต่อาหารเม็ดหรือเค้ามีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคทางเดินปัสสาวะอุดตันมากเป็นพิเศษ