IAMS TH
The Importance of Protein, Fat, and Fiber in Cat Food
The Importance of Protein, Fat, and Fiber in Cat Food

adp_description_block176
โปรตีน ไขมัน และใยอาหารมีความสำคัญอย่างไรในอาหารแมว

  • แบ่งปัน

โปรตีนพิเศษในอาหารแมวของเรา

 

ผลิตภัณฑ์อาหารแมวของเรา มีส่วนประกอบของโปรตีนจากสัตว์ ซึ่งให้กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อแมว นอกจากนี้ กระบวนการกลั่นพิเศษและการทดสอบควบคุมคุณภาพของเรา ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า เราใช้เฉพาะโปรตีนชั้นดีที่ย่อยง่ายเพื่อการย่อยที่มากขึ้น

แมวควรได้รับอาหารจากเนื้อสัตว์จริง ๆ เนื่องจากโปรตีนจากพืชอย่างถั่วเหลืองไม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อเค้า ตัวอย่างเช่น ทอรีน ซึ่งพบเฉพาะในโปรตีนจากสัตว์เท่านั้น

 

กรดไขมันพิเศษในอาหารแมวของเรา

 

กรดไขมันที่จำเป็นต่อแมวมีสองชนิดด้วยกัน ได้แก่ กรดไขมันโอเมก้า-6 และโอเมก้า-3 โดยโอเมก้า-6 มีหน้าที่บำรุงผิวหนังและขน รวมถึงโครงสร้างที่ถูกต้องของเยื่อบุเซลล์ พบได้ในไขมันไก่และข้าวโพด ส่วนโอเมก้า-3 มีหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด ควบคุมการอักเสบ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยพบในวัตถุดิบอย่างคาโนล่า เนื้อปลา น้ำมันปลา และต้นแฟลกซ์ ผลิตภัณฑ์ของเราทุกสูตรมีส่วนผสมของโอเมก้า-6 และโอเมก้า-3

งานวิจัยจากไอแอมส์™ พบว่า ส่วนผสมระหว่างกรดไขมันโอเมก้า-6 กับโอเมก้า-3 ในสัดส่วน 5:1 ถึง 10:1 ช่วยบำรุงสุขภาพผิวหนังและขนได้ดีที่สุดในสุนัข ผลิตภัณฑ์ของเราทุกสูตรมีส่วนประกอบของโอเมก้า-6 และโอเมก้า-3 ในสัดส่วนระหว่าง 5:1 ถึง 10:1

 

ใยอาหารพิเศษในอาหารของเรา

 

งานวิจัยจากไอแอมส์™ พบว่า ใยอาหารที่เกิดการหมักได้ปานกลาง เช่น บีทพัลพ์ ช่วยบำรุงสุขภาพลำไส้ได้ดีที่สุด ส่วนที่เกิดการหมักได้ของใยอาหารจะถูกย่อยโดยแบคทีเรียในลำไส้เป็นกรดไขมันสายสั้นเพื่อเป็นแหล่งพลังงานให้กับเซลล์ลำไส้ ในขณะที่ส่วนที่เกิดการหมักไม่ได้จะเป็นกากอาหารในอุจจาระ

การใช้เพียงใยอาหารที่เกิดการหมักได้สูงเพียงอย่างเดียวทำให้เกิดปัญหา เช่น แก๊สเยอะเกินไป ส่วนการใช้ใยอาหารที่เกิดการหมักไม่ได้ เช่น เปลือกถั่ว เพียงอย่างเดียวทำให้มีปริมาณอุจจาระมากเกินไปเนื่องจากใยอาหารชนิดนี้ไม่มีประโยชน์ด้านโภชนาการ

ผลิตภัณฑ์ของเราทั้งหมด รวมถึง ไอแอมส์ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ แมวโต รสดั้งเดิมและไก่ มาพร้อมใยอาหารที่จดทะเบียนขึ้นแล้ว โดยประกอบไปด้วยใยอาหารที่เกิดการหมักได้ปานกลางเพื่อบำรุงสุขภาพลำไส้ของสุนัขและแมวให้แข็งแรง

 

  • cat article
    cat article
    adp_description_block459
    วิธีดูแลแมวเหมียว

    • แบ่งปัน

    เราต่างก็รู้กันดีว่าแมวเป็นสัตว์รักอิสระ และมักจะใช้เวลาอยู่กับตัวเองเป็นส่วนใหญ่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเค้าไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลนะ เจ้าของควรใส่ใจดูแลพวกเค้าให้มีสุขภาพดีแข็งแรง หมั่นสังเกตพฤติกรรมที่ผิดแปลกไป อย่างในเรื่องการกิน ควรสังเกตว่าพวกเค้ากินอะไรบ้าง ปริมาณมากหรือน้อยเท่าใด นอกจากนี้เราอาจกำหนดตารางเวลาในการทำกิจวัตรประจำวันของพวกเค้าให้ชัดเจนเพื่อความง่ายต่อการดูแล และที่สำคัญที่สุดคือควรพาไปตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำ ทั้งนี้การดูแลแมวในช่วงโตเต็มวัยจะง่ายกว่าการดูแลลูกแมวแรกคลอด

     

    เช็กลิสต์สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในการดูแลเจ้าเหมียวที่ทาสแมวควรรู้

    • การรักษาพยาบาล:

      น้องแมวโตเต็มวัยควรได้รับการตรวจเช็กสุขภาพอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเค้าจะมีร่างกายที่แข็งแรง และไม่มีอาการผิดปกติหรือสัญญาณเตือนของโรคร้ายที่เจ้าของอาจมองข้ามไป
    • การดูแลความสะอาด:

      ถึงแม้ว่าเจ้าเหมียวจะเลียขนทำความสะอาดตัวเองเป็นประจำ แต่ก็แนะนำให้อาบน้ำทุก 4 – 6 สัปดาห์ และควรทำความสะอาดเบาะนอนของพวกเค้าเป็นประจำด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าเหมียวที่คุณรักจะไม่ล้มป่วย
    • การให้อาหาร:

      เมื่อเจ้าเหมียวมีอายุ 4 เดือน เราอาจแบ่งการให้อาหารเป็น 3 มื้อต่อวัน แต่เมื่อมีอายุมากกว่า 4 เดือนขึ้นไป ให้ลดลงเหลือ 2 มื้อต่อวันได้ ทั้งนี้ควรปรึกษาสัตวแพทย์ถึงปริมาณอาหารที่เหมาะสมกับเจ้าเหมียวของเราด้วย
    • การดูแลช่องปากและฟัน:

      เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจดูแลกันเป็นประจำ และเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย ควรฝึกแปรงฟันให้เจ้าเหมียวตั้งแต่ยังเป็นลูกแมว โดยเริ่มจากบีบยาสีฟันสำหรับแมวโดยเฉพาะลงบนนิ้ว จากนั้นใช้นิ้วถูทำความสะอาดเบา ๆ บริเวณเหงือกและฟัน หากพบว่าเจ้าเหมียวมีกลิ่นปาก มันอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้โรคได้ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที
    • การฝึกเข้าสังคม:

      แม้จะมีนิสัยรักสันโดษ แต่เจ้าเหมียวก็ฝึกเข้าสังคมได้เช่นกัน โดยวิธีการเข้าหาเจ้าเหมียวที่ถูกต้องคือ ควรให้เค้าเห็นอยู่ในระดับสายตา และห้ามใช้เสียงดัง คุณอาจลูบหัวพวกเค้าเบา ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยได้

     

    การฝึกทักษะที่จำเป็นให้เจ้าเหมียว

    เมื่อพาเจ้าเหมียวเข้าบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องทำถัดมาคือให้พวกเค้าทำความคุ้นเคยกับบ้านหลังใหม่ และเริ่มฝึกทักษะต่าง ๆ แม้การฝึกอาจดูเป็นเรื่องน่าเบื่อ เพราะต้องฝึกบ่อยครั้งและใช้ความอดทนค่อนข้างมาก แต่มันก็มีประโยชน์ไม่น้อยเลย ซึ่งการฝึกและดูแลเจ้าเหมียวขั้นพื้นฐานนั้น ครอบคลุมทั้งการเตรียมกระบะทราย การฝึกเข้าห้องน้ำ การทำหมัน และการปกป้องพวกเค้าจากอันตรายภายในบ้าน โดยเพื่อน ๆ ลองทำตามเคล็ดลับต่อไปนี้ดูได้เลย

    • การเตรียมกระบะทราย:

      ควรวางกระบะทรายไว้ในมุมที่เข้าถึงได้ง่าย และไม่ควรเปลี่ยนที่กระบะทรายบ่อย หากจำเป็นควรค่อย ๆ เคลื่อนย้ายวันละนิด ที่สำคัญคือควรทำความสะอาดกระบะทรายเป็นประจำ เพราะแมวเป็นสัตว์รักสะอาด พวกเค้าจะไม่ยอมขับถ่ายในกระบะทรายที่สกปรกอย่างเด็ดขาด
    • การปกป้องเจ้าเหมียวจากอันตรายภายในบ้าน:

      เพื่อความปลอดภัยควรเก็บข้าวของที่เป็นอันตรายให้พ้นจากสายตาเจ้าเหมียว ไม่ว่าจะเป็นสายเคเบิลหรือสายไฟ สารไวไฟ และสารเคมีต่าง ๆ หากบ้านไหนใช้น้ำมันหอมระเหย ก็ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะส่วนประกอบบางชนิดเป็นพิษกับเจ้าตัวน้อย
    • การทำหมัน:

      การทำหมันแมวมีประโยชน์มากมาย และยังมีส่วนช่วยให้เจ้าเหมียวสุขภาพร่างกายแข็งแรงอีกด้วย โดยแมวจะสามารถทำหมันได้เมื่อมีอายุประมาณ 8 สัปดาห์ และแนะนำให้ทำหมันตั้งแต่เด็กหรือก่อนที่เจ้าเหมียวจะมีอายุ 5 เดือนขึ้นไป
    • การฝึกเข้าห้องน้ำ:

      ถือเป็นการฝึกที่สำคัญและจำเป็นอย่างมาก โดยเจ้าของสามารถฝึกพวกเค้าตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ได้
    1. วางกระบะทรายใกล้กับห้องน้ำ
    2. ค่อย ๆ ยกระดับความสูงของกระบะทรายขึ้นทุกวัน
    3. อุ้มเจ้าเหมียวไปขับถ่ายในห้องน้ำ ทำซ้ำ ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคย
    4. ให้รางวัลทุกครั้งเมื่อเจ้าเหมียวใช้ห้องน้ำ

     

    โรคที่พบบ่อยในแมว เจ้าของต้องระวัง!

    การดูแลสุขภาพร่างกายของเจ้าเหมียวต้องมาก่อนเสมอ ถึงแม้ว่าพวกเค้าจะทำความสะอาดตัวเองได้ แต่ไม่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองนะ

    • อาเจียน:

      ถือเป็นอาการป่วยที่พบได้บ่อยในแมว และเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งจากปัญหาก้อนขนอุดตัน การกินสิ่งแปลกปลอม หรือจากการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
    • โรคระบบทางเดินปัสสาวะในแมว (FLUTD):

      โรคนี้เป็นได้ทั้งในแมวตัวผู้และตัวเมีย สาเหตุหลักมาจากปัญหาน้ำหนักเกิน หรือการกินแต่อาหารเม็ดเพียงอย่างเดียว โดยสัญญาณเตือนของโรคนี้คือ ปัสสาวะออกมาเป็นเลือด ร้องหรือครางเมื่อปัสสาวะ ไม่ยอมปัสสาวะ เลียบริเวณอวัยวะเพศเพราะความเจ็บปวด มีภาวะขาดน้ำ และอาเจียน
    • ท้องเสีย:

      โรคมะเร็ง การติดเชื้อ และการแพ้อาหารล้วนเป็นสาเหตุที่อาจทำให้เจ้าเหมียวท้องเสียได้ หากมีอาการแนะนำให้พวกเค้ากินน้ำเยอะ ๆ และควรพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที
    • มีพยาธิตัวตืด:

      พยาธิตัวเล็ก ๆ เหล่านี้สร้างความเจ็บปวดให้เจ้าเหมียวได้มากกว่าที่คิด พบได้บ่อยในทางเดินอาหารของเจ้าเหมียว พวกเค้ามักจะมีอาการอาเจียนและน้ำหนักตัวลด ทั้งนี้คุณสามารถสังเกตพยาธิตัวตืดได้จากอุจจาระของเจ้าเหมียว
    • โรคเอดส์แมว (FIV):

      เชื้อไวรัสเอดส์แมวจะทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง อาการป่วยที่พบได้ในน้องแมวจะมีปัญหาขนร่วง ท้องเสียเรื้อรัง มีอาการชัก ปัญหาที่ดวงตา เบื่ออาหาร และเป็นไข้

    หากคุณสังเกตพบว่าเจ้าเหมียวมีอาการผิดปกติ แม้จะเพียงเล็กน้อย ก็ควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด และเข้ารับรักษาได้อย่างทันท่วงที

     

    เคล็ดลับการดูแลเจ้าเหมียวฉบับมือใหม่หัดเลี้ยง

    “เราต้องดูแลเจ้าเหมียวอย่างไรบ้างนะ?” คงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจของทาสแมวมือใหม่หลาย ๆ คน เพราะแมวเป็นสัตว์ที่เดาใจและรับมือได้ยาก แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะนี่คือเคล็ดลับที่จะทำให้การดูแลเจ้าเหมียวสุดที่รักของคุณกลายเป็นเรื่องง่าย

    • แมวไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

      ดังนั้นเมื่อพาเจ้าเหมียวเข้าบ้านครั้งแรก คุณควรจัดเตรียมพื้นที่ส่วนตัว ของเล่น และผ้าห่มนุ่ม ๆ เอาไว้ให้พร้อม รวมถึงควรให้เวลาพวกเค้าได้ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ด้วย
    • ตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เป็นประจำ

      หมั่นสังเกตพฤติกรรม และไม่มองข้ามสัญญาณเตือนหรืออาการผิดปกติของพวกเค้า ไม่ว่ามันจะเล็กน้อยมากก็ตาม
    • แบ่งเวลามาทำกิจกรรมกับพวกเค้า

      เพราะการเล่นถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ที่ดี แนะนำให้เตรียมของเล่นที่หลากหลายเพื่อป้องกันความเบื่อหน่าย
    • ให้เวลาเจ้าเหมียวปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่

      ๆ และผู้คนรอบ ๆ ตัว
    • เลือกอาหารที่เหมาะกับช่วงวัยของเจ้าเหมียว

      และกำหนดเวลากินอาหารให้เป็นกิจวัตร

Close modal