IAMS TH
How to Help Your Obese Cat Lose Weight
How to Help Your Obese Cat Lose Weight

adp_description_block333
วิธีสังเกตและดูแลอาการภูมิแพ้ในแมว

  • แบ่งปัน

เราจะเริ่มต้นด้วยคำถามง่าย ๆ กันก่อน - คุณคิดว่าเจ้าเหมียวของคุณต้องลดน้ำหนักหรือไม่?

สำหรับทาสแมวแล้ว เจ้าเหมียวสุดแสนจะเพอร์เฟค ตัวกลมนุ่มฟู มีพุงกะทิน้อย ๆ กำลังพอดี ทั้งหมดนี้อาจทำให้คุณคิดว่าพวกเค้ามีสุขภาพดี แต่ความจริงนั้น พวกเค้าอาจกำลังกลายเป็นแมวน้ำหนักเกินแล้วก็ได้ ซึ่งในปัจจุบันปัญหาแมวอ้วนเกินพบได้บ่อยมากยิ่งขึ้น 

การให้อาหารมากเกินไปคือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด! น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพบางอย่างได้แล้ว เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2 รวมถึงแมวที่มีน้ำหนักเกินมักมีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหวตัว การเลียทำความสะอาดตัวเองทำได้ลำบาก ด้วยเหตุนี้การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเค้าเอง นับว่าโชคดีที่การทำให้น้ำหนักแมวอ้วนลดลงเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่กำหนดปริมาณอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการและออกกำลังกายเป็นประจำเท่านั้นเอง

โรคอ้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง?

โรคอ้วนกลายเป็นปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ มันส่งผลเสียต่อสุขภาพ การใช้ชีวิต และการทำงานของร่างกายในระยะยาว นอกจากนี้ยังเป็นต้นเหตุของโรคร้ายแรงอีกมากมาย ปัญหาแมวอ้วนเกินจึงควรได้รับการดูแลในทันที:

  • ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

เมื่อน้องแมวมีน้ำหนักเกิน ระบบภูมิคุ้มกันก็จะอ่อนแอลง ส่งผลให้แมวมีโอกาสติดเชื้อโรคต่าง ๆ ง่ายขึ้น แมวอ้วนมักติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะและเสี่ยงต่อการเกิด 'ก้อนนิ่ว' เนื่องจากเคลื่อนไหวน้อย ดื่มน้ำน้อย และปัสสาวะน้อยลง

  • โรคเบาหวาน

Around 80% to 90% of obese cats require daily insulin shots as they are more likely to develop diabetes. But, when their excess weight is eliminated, diabetes can often be reversed.

  • ตับวาย

เมื่อร่างกายของแมวรู้สึกว่าได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือการลำเลียงอาหารถูกขัดขวาง ไขมันสำรองจะถูกย้ายไปยังตับเพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่ร่างกายของแมวไม่สามารถควบคุมกระบวนการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีไขมันมาพอกที่ตับและอาจเกิดภาวะตับวายตามมา

  • กรูมมิ่งตัวเองไม่ได้

แมวที่มีน้ำหนักเกินจะดูแลทำความสะอาดตัวเองได้ยากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาผิวหนังได้

จะรู้ได้อย่างไรว่าน้องแมวน้ำหนักเกิน?

  • วางมือลงไปบริเวณด้านข้างลำตัวของแมว ควรสัมผัสได้ถึงกระดูกซี่โครง
  • เห็นเอวคอดอย่างชัดเจนเมื่อมองจากมุมบน
  • สุดท้ายนี้ คุณควรสังเกตเห็นหน้าท้องเว้าเล็กน้อยเมื่อมองจากด้านข้าง หากหน้าท้องมีลักษณะเป็นถุงและห้อยย้อยเกือบติดพื้น แสดงว่ามีไขมันในช่องท้อง เป็นไขมันอันตรายที่สะสมอยู่ตามอวัยวะและกล้ามเนื้อหน้าท้อง ทำให้หน้าท้องยื่นหรือป่องออกมา

สามารถเช็กข้อมูลเพิ่มเติมได้จากตารางด้านล่างนี้ –

สามารถเช็กข้อมูลเพิ่มเติมได้จากตารางด้านล่างนี้

ตารางเช็กรูปร่างน้องแมว

  • เห็นกระดูกซี่โครงและกระดูกสันหลังชัดเจน ไม่มีไขมันส่วนเกิน
  • สามารถเห็นและสัมผัสได้ถึงกระดูกซี่โครงโดยง่าย เห็นเอวคอดชัดเจนเมื่อมองจากมุมบน
  • สัมผัสได้ถึงกระดูกซี่โครงโดยมีรู้สึกถึงไขมันส่วนเกิน เห็นเอวคอดชัดเจนเมื่อมองจากมุมบน
  • สัมผัสถึงกระดูกซี่โครงแต่มีชั้นไขมันปกคลุม ไม่เห็นเอว หน้าท้องกลม ห้อยย้อย
  • ไม่สามารถสัมผัสถึงกระดูกซี่โครง มีชั้นไขมันหนากั้น เห็นหน้าท้องกลม ห้อยย้อยชัดเจน
     

จะหลีกเลี่ยงโรคอ้วนในแมวได้อย่างไร?

หลังจากทำให้แมวอ้วนกลับมามีรูปร่างสมส่วนแล้ว เป้าหมายต่อไปคือต้องดูแลพวกเค้าให้มีสุขภาพดีและอายุยืนยาว พฤติกรรมต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรหลีกเลี่ยงและควรทำเพื่อไม่ให้น้องแมวน้ำหนักเกิน:

  • ให้อาหารแบบไม่กำหนดเวลา

เพื่อป้องกันไม่ให้แมวอ้วน ควรกำหนดเวลาให้อาหารที่แน่นอนและให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม

ให้อาหารแบบไม่กำหนดเวลา

  • ไม่ชวนน้องแมวออกกำลังกายหรือทำกิจกรรม

น้องแมวมีแนวโน้มจะอ้วนมากขึ้น หากไม่ได้ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งเลย เพื่อลดความเบื่อหน่ายและป้องกันไม่ให้น้ำหนักเพิ่ม ควรเตรียมของเล่นหลากหลายชนิดเอาไว้พวกเค้า รวมถึงแบ่งเวลามาทำกิจกรรมร่วมกัน หรือลองฝึกใส่สายจูงออกไปเดินเล่นด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราว

ไม่ชวนน้องแมวออกกำลังกายหรือทำกิจกรรม

  • ให้อาหารแบบไม่จำกัดปริมาณ

สามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณอาหารที่เหมาะสำหรับแมวเหมียว โดยปริมาณจะพิจารณาจากกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน อายุ และน้ำหนักตัวที่ต้องการ เมื่อกำหนดปริมาณอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันแล้ว อาจแบ่งอาหารเป็นมื้อย่อยหลาย ๆ มื้อต่อวัน

ให้อาหารแบบไม่จำกัดปริมาณ

การลดน้ำหนักถือเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าเหมียว จึงควรควบคุมน้ำหนักให้ดี ไม่ปล่อยให้เจ้าเหมียวกลายเป็นแมวอ้วนตุ้ยนุ้ย

  • เล่นเก็บบอล

การเล่นหรือทำกิจกรรมสนุก ๆ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดน้ำหนักเจ้าเหมียวได้เป็นอย่างดี แมวส่วนใหญ่ชอบเล่นไล่จับแสงเลเซอร์หรือแสงจากไฟฉาย บางตัวก็ชอบออกไปเดินเล่น บางตัวก็ชอบเล่นล่าเหยื่อเพื่อให้ได้ปลดปล่อยสัญชาตญาณนักล่าออกมา อาจลองหาคอนโดแมวมาไว้ในบ้านให้พวกเค้าปีนป่าย หรือจะสอนเล่นคาบบอลก็สนุกไปอีกแบบ สำหรับการจัดหาของเล่นนั้น คุณจะซื้อหรือประดิษฐ์ของเล่นขึ้นมาเองก็ได้ รู้มั้ยว่า อาหารก็เป็นของเล่นได้เหมือนกัน เพียงแค่เอาอาหารไปซ่อนไว้ตามมุมต่าง ๆ ของบ้าน ให้พวกเคาตามหา เท่านี้ก็จะได้เกมสนุก ๆ อีกหนึ่งเกมแล้ว ทั้งนี้การเล่นสามารถทำได้หลายรูปแบบ แต่อย่าปล่อยให้เจ้าแมวอ้วนหมดแรง รู้สึกเหนื่อยจนเกินไป หรือหายใจลำบาก และควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อเล่นกับแมวสูงวัย

  • ใช้ความอดทน

โรคอ้วนป้องกันง่ายกว่ารักษาก็จริง แต่การลดน้ำหนักก็ไม่ใช่เรื่องยากและเริ่มต้นทำได้ทุกเมื่อ อาจต้องใช้เวลา ความมุ่งมั่น และความอดทนมากหน่อย การลดน้ำหนักเป็นกระบวนการที่เห็นผลช้า เพียงแค่ลดปริมาณอาหารอย่างเดียวไม่อาจสำเร็จได้ อีกทั้งยังเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพอื่นได้อีก

การออกกำลังกายเป็นประจำ ปรับพฤติกรรมในแต่ละวัน และกำหนดปริมาณอาหารเป็นวิธีป้องกันโรคอ้วนในแมวได้อย่างยอดเยี่ยม

  • เคล็ดลับในการควบคุมน้ำหนักเจ้าเหมียว

  • ปรึกษาขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์ก่อนเสมอ
  • งดขนมทุกประเภท
  • แบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อยหลาย ๆ มื้อ
  • เลือกสูตรอาหารสำหรับควบคุมน้ำหนักโดยเฉพาะ
  • ชั่งน้ำหนักน้องแมวทุก 2 สัปดาห์
  • ในช่วงสัปดาห์แรก น้ำหนักแมวไม่ควรลดมากกว่า 1% - 1.5% จากน้ำหนักปกติ
  • อดทนและออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการควบคุมน้ำหนักแมว

  1. อาการบอกโรคอ้วนในแมวมีอะไรบ้าง?
  2. สามารถสังเกตได้จากอาการเหล่านี้:

    • นั่งหรือนอนทั้งวัน โดยไม่เต็มใจจะลุกขึ้นเดินไปมา
    • มองไม่เห็นเอวคอดหรือท้องเว้า
    • สัมผัสกระดูกซี่โครงและสะโพกยาก

     

  3. ควรดูแลแมวอ้วนอย่างไร?
  4. เริ่มจากปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำด้านโภชนาการที่เหมาะสม ทั้งเลือกสูตรอาหาร และกำหนดปริมาณอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย

  5. สาเหตุที่ทำให้แมวมีน้ำหนักเกินคืออะไร?
  6. โรคอ้วนในแมวมักเกิดจากการไม่ออกกำลังกาย การให้อาหารมากไป น้องแมวนั่ง ๆ นอนๆ ทั้งวัน และเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน

  7. ควรให้อาหารแมวอ้วนอย่างไร?
  8. เลือกให้อาหารเปียกกับน้องแมวที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะแมวส่วนใหญ่ชอบอาหารเปียกมากกว่าอาหารเม็ด อาหารเปียกจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

  9. จะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าแมวมีน้ำหนักเกิน?
  10. แมวอ้วนมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน และความดันโลหิตสูง ไขมันส่วนเกินส่งผลเสียต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิต และอายุขัยของพวกเค้า นอกจากนี้น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่โรคข้ออักเสบได้ด้วย

  • cat article
    cat article
    adp_description_block459
    วิธีดูแลแมวเหมียว

    • แบ่งปัน

    เราต่างก็รู้กันดีว่าแมวเป็นสัตว์รักอิสระ และมักจะใช้เวลาอยู่กับตัวเองเป็นส่วนใหญ่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเค้าไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลนะ เจ้าของควรใส่ใจดูแลพวกเค้าให้มีสุขภาพดีแข็งแรง หมั่นสังเกตพฤติกรรมที่ผิดแปลกไป อย่างในเรื่องการกิน ควรสังเกตว่าพวกเค้ากินอะไรบ้าง ปริมาณมากหรือน้อยเท่าใด นอกจากนี้เราอาจกำหนดตารางเวลาในการทำกิจวัตรประจำวันของพวกเค้าให้ชัดเจนเพื่อความง่ายต่อการดูแล และที่สำคัญที่สุดคือควรพาไปตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำ ทั้งนี้การดูแลแมวในช่วงโตเต็มวัยจะง่ายกว่าการดูแลลูกแมวแรกคลอด

     

    เช็กลิสต์สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในการดูแลเจ้าเหมียวที่ทาสแมวควรรู้

    • การรักษาพยาบาล:

      น้องแมวโตเต็มวัยควรได้รับการตรวจเช็กสุขภาพอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเค้าจะมีร่างกายที่แข็งแรง และไม่มีอาการผิดปกติหรือสัญญาณเตือนของโรคร้ายที่เจ้าของอาจมองข้ามไป
    • การดูแลความสะอาด:

      ถึงแม้ว่าเจ้าเหมียวจะเลียขนทำความสะอาดตัวเองเป็นประจำ แต่ก็แนะนำให้อาบน้ำทุก 4 – 6 สัปดาห์ และควรทำความสะอาดเบาะนอนของพวกเค้าเป็นประจำด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าเหมียวที่คุณรักจะไม่ล้มป่วย
    • การให้อาหาร:

      เมื่อเจ้าเหมียวมีอายุ 4 เดือน เราอาจแบ่งการให้อาหารเป็น 3 มื้อต่อวัน แต่เมื่อมีอายุมากกว่า 4 เดือนขึ้นไป ให้ลดลงเหลือ 2 มื้อต่อวันได้ ทั้งนี้ควรปรึกษาสัตวแพทย์ถึงปริมาณอาหารที่เหมาะสมกับเจ้าเหมียวของเราด้วย
    • การดูแลช่องปากและฟัน:

      เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจดูแลกันเป็นประจำ และเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย ควรฝึกแปรงฟันให้เจ้าเหมียวตั้งแต่ยังเป็นลูกแมว โดยเริ่มจากบีบยาสีฟันสำหรับแมวโดยเฉพาะลงบนนิ้ว จากนั้นใช้นิ้วถูทำความสะอาดเบา ๆ บริเวณเหงือกและฟัน หากพบว่าเจ้าเหมียวมีกลิ่นปาก มันอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้โรคได้ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที
    • การฝึกเข้าสังคม:

      แม้จะมีนิสัยรักสันโดษ แต่เจ้าเหมียวก็ฝึกเข้าสังคมได้เช่นกัน โดยวิธีการเข้าหาเจ้าเหมียวที่ถูกต้องคือ ควรให้เค้าเห็นอยู่ในระดับสายตา และห้ามใช้เสียงดัง คุณอาจลูบหัวพวกเค้าเบา ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยได้

     

    การฝึกทักษะที่จำเป็นให้เจ้าเหมียว

    เมื่อพาเจ้าเหมียวเข้าบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องทำถัดมาคือให้พวกเค้าทำความคุ้นเคยกับบ้านหลังใหม่ และเริ่มฝึกทักษะต่าง ๆ แม้การฝึกอาจดูเป็นเรื่องน่าเบื่อ เพราะต้องฝึกบ่อยครั้งและใช้ความอดทนค่อนข้างมาก แต่มันก็มีประโยชน์ไม่น้อยเลย ซึ่งการฝึกและดูแลเจ้าเหมียวขั้นพื้นฐานนั้น ครอบคลุมทั้งการเตรียมกระบะทราย การฝึกเข้าห้องน้ำ การทำหมัน และการปกป้องพวกเค้าจากอันตรายภายในบ้าน โดยเพื่อน ๆ ลองทำตามเคล็ดลับต่อไปนี้ดูได้เลย

    • การเตรียมกระบะทราย:

      ควรวางกระบะทรายไว้ในมุมที่เข้าถึงได้ง่าย และไม่ควรเปลี่ยนที่กระบะทรายบ่อย หากจำเป็นควรค่อย ๆ เคลื่อนย้ายวันละนิด ที่สำคัญคือควรทำความสะอาดกระบะทรายเป็นประจำ เพราะแมวเป็นสัตว์รักสะอาด พวกเค้าจะไม่ยอมขับถ่ายในกระบะทรายที่สกปรกอย่างเด็ดขาด
    • การปกป้องเจ้าเหมียวจากอันตรายภายในบ้าน:

      เพื่อความปลอดภัยควรเก็บข้าวของที่เป็นอันตรายให้พ้นจากสายตาเจ้าเหมียว ไม่ว่าจะเป็นสายเคเบิลหรือสายไฟ สารไวไฟ และสารเคมีต่าง ๆ หากบ้านไหนใช้น้ำมันหอมระเหย ก็ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะส่วนประกอบบางชนิดเป็นพิษกับเจ้าตัวน้อย
    • การทำหมัน:

      การทำหมันแมวมีประโยชน์มากมาย และยังมีส่วนช่วยให้เจ้าเหมียวสุขภาพร่างกายแข็งแรงอีกด้วย โดยแมวจะสามารถทำหมันได้เมื่อมีอายุประมาณ 8 สัปดาห์ และแนะนำให้ทำหมันตั้งแต่เด็กหรือก่อนที่เจ้าเหมียวจะมีอายุ 5 เดือนขึ้นไป
    • การฝึกเข้าห้องน้ำ:

      ถือเป็นการฝึกที่สำคัญและจำเป็นอย่างมาก โดยเจ้าของสามารถฝึกพวกเค้าตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ได้
    1. วางกระบะทรายใกล้กับห้องน้ำ
    2. ค่อย ๆ ยกระดับความสูงของกระบะทรายขึ้นทุกวัน
    3. อุ้มเจ้าเหมียวไปขับถ่ายในห้องน้ำ ทำซ้ำ ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคย
    4. ให้รางวัลทุกครั้งเมื่อเจ้าเหมียวใช้ห้องน้ำ

     

    โรคที่พบบ่อยในแมว เจ้าของต้องระวัง!

    การดูแลสุขภาพร่างกายของเจ้าเหมียวต้องมาก่อนเสมอ ถึงแม้ว่าพวกเค้าจะทำความสะอาดตัวเองได้ แต่ไม่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองนะ

    • อาเจียน:

      ถือเป็นอาการป่วยที่พบได้บ่อยในแมว และเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งจากปัญหาก้อนขนอุดตัน การกินสิ่งแปลกปลอม หรือจากการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
    • โรคระบบทางเดินปัสสาวะในแมว (FLUTD):

      โรคนี้เป็นได้ทั้งในแมวตัวผู้และตัวเมีย สาเหตุหลักมาจากปัญหาน้ำหนักเกิน หรือการกินแต่อาหารเม็ดเพียงอย่างเดียว โดยสัญญาณเตือนของโรคนี้คือ ปัสสาวะออกมาเป็นเลือด ร้องหรือครางเมื่อปัสสาวะ ไม่ยอมปัสสาวะ เลียบริเวณอวัยวะเพศเพราะความเจ็บปวด มีภาวะขาดน้ำ และอาเจียน
    • ท้องเสีย:

      โรคมะเร็ง การติดเชื้อ และการแพ้อาหารล้วนเป็นสาเหตุที่อาจทำให้เจ้าเหมียวท้องเสียได้ หากมีอาการแนะนำให้พวกเค้ากินน้ำเยอะ ๆ และควรพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที
    • มีพยาธิตัวตืด:

      พยาธิตัวเล็ก ๆ เหล่านี้สร้างความเจ็บปวดให้เจ้าเหมียวได้มากกว่าที่คิด พบได้บ่อยในทางเดินอาหารของเจ้าเหมียว พวกเค้ามักจะมีอาการอาเจียนและน้ำหนักตัวลด ทั้งนี้คุณสามารถสังเกตพยาธิตัวตืดได้จากอุจจาระของเจ้าเหมียว
    • โรคเอดส์แมว (FIV):

      เชื้อไวรัสเอดส์แมวจะทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง อาการป่วยที่พบได้ในน้องแมวจะมีปัญหาขนร่วง ท้องเสียเรื้อรัง มีอาการชัก ปัญหาที่ดวงตา เบื่ออาหาร และเป็นไข้

    หากคุณสังเกตพบว่าเจ้าเหมียวมีอาการผิดปกติ แม้จะเพียงเล็กน้อย ก็ควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด และเข้ารับรักษาได้อย่างทันท่วงที

     

    เคล็ดลับการดูแลเจ้าเหมียวฉบับมือใหม่หัดเลี้ยง

    “เราต้องดูแลเจ้าเหมียวอย่างไรบ้างนะ?” คงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจของทาสแมวมือใหม่หลาย ๆ คน เพราะแมวเป็นสัตว์ที่เดาใจและรับมือได้ยาก แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะนี่คือเคล็ดลับที่จะทำให้การดูแลเจ้าเหมียวสุดที่รักของคุณกลายเป็นเรื่องง่าย

    • แมวไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

      ดังนั้นเมื่อพาเจ้าเหมียวเข้าบ้านครั้งแรก คุณควรจัดเตรียมพื้นที่ส่วนตัว ของเล่น และผ้าห่มนุ่ม ๆ เอาไว้ให้พร้อม รวมถึงควรให้เวลาพวกเค้าได้ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ด้วย
    • ตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เป็นประจำ

      หมั่นสังเกตพฤติกรรม และไม่มองข้ามสัญญาณเตือนหรืออาการผิดปกติของพวกเค้า ไม่ว่ามันจะเล็กน้อยมากก็ตาม
    • แบ่งเวลามาทำกิจกรรมกับพวกเค้า

      เพราะการเล่นถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ที่ดี แนะนำให้เตรียมของเล่นที่หลากหลายเพื่อป้องกันความเบื่อหน่าย
    • ให้เวลาเจ้าเหมียวปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่

      ๆ และผู้คนรอบ ๆ ตัว
    • เลือกอาหารที่เหมาะกับช่วงวัยของเจ้าเหมียว

      และกำหนดเวลากินอาหารให้เป็นกิจวัตร

Close modal