IAMS TH
How to Keep Your Cat’s Urinary Tract in Tip-top Shape
How to Keep Your Cat’s Urinary Tract in Tip-top Shape

adp_description_block338
ทำความเข้าใจโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

  • แบ่งปัน

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวคืออะไร?

กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นโรคที่ไม่ได้พบบ่อยในแมว และแมวทุกตัวที่มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจจะไม่ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ อ้างอิงจากศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (NCBI) มีแมวเพียง 1 – 2% เท่านั้นที่เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นโรคที่พบไม่บ่อย แต่หากน้องแมวมีอาการก็จำเป็นต้องไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยเพิ่มเติม
 

อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

เนื่องจากเป็นโรคที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดและความไม่สบายอย่างรุนแรง เจ้าของจึงควรเรียนรู้เกี่ยวกับอาการหรือสัญญาณเตือนต่าง ๆ ของโรคให้ดี ซึ่งอาการที่พบได้มีดังนี้

  • ปัสสาวะบ่อยแต่มีปริมาณน้อย
  • มีเลือดปะปนในปัสสาวะ
  • เลียบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์มากกว่าปกติ
  • ส่งเสียงร้องออกมาขณะปัสสาวะ
  • ปัสสาวะนอกกระบะทราย

การวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

ในการวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สัตวแพทย์จะทำการทดสอบตัวอย่างปัสสาวะเพื่อตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย โดยคุณหมอจะดูดปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะโดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน เมื่อตรวจตัวอย่างปัสสาวะแล้ว คุณหมอก็จะทำการแยกเชื้อแบคทีเรียเพื่อศึกษาต่อไป ขั้นตอนนี้เรียกว่าการเพาะเชื้อและการทดสอบความไวของเชื้อต่อยา ซึ่งจะช่วยให้คุณหมอกำหนดยาที่เหมาะสมต่อการรักษาได้
 

การติดเชื้อครั้งแรกหรือการติดเชื้อแบบเฉียบพลันมักจะรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์กว้าง อย่างไรก็ตาม หากแมวของคุณมีอาการป่วยจากการติดเชื้อเรื้อรัง สัตวแพทย์อาจแนะนำให้ทำการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อเริ่มให้ยาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
 

สาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น

  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอเนื่องจากโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง
  • การสอดใส่สายสวนปัสสาวะ
  • นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร

การป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

แม้ว่าจะเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ยากและพบไม่บ่อย แต่ทางที่ดีก็ควรดูแลน้องแมวอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ โดยการดูแลป้องกันที่แนะนำมีดังนี้

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแมวดื่มน้ำเพียงพอ แนะนำให้ทำความสะอาดชามน้ำเป็นประจำและหมั่นเปลี่ยนน้ำทุกวัน
  • ทำความสะอาดกระบะทรายวันละสองครั้ง และควรเปลี่ยนทรายใหม่ทุกสองสัปดาห์
  • หมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของปริมาณและสีของปัสสาวะ หากพบการความผิดปกติควรปรึกษาสัตวแพทย์
  • เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคที่อาจนำไปสู่ปัญหากระเพาะปัสสาวะอักเสบ หากแมวของคุณมีอาการของโรคดังกล่าว ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
  • สำหรับแมวสูงวัยและแมวที่มีน้ำหนักตัวเกิน อาจมีปัญหาในการขยับเขยื้อนตัวและไม่สามารถเลียตัวทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง เจ้าของอาจต้องช่วยดูแลเรื่องความสะอาดมากเป็นพิเศษ

สามารถรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวด้วยตนเองได้หรือไม่?

การดูแลรักษาน้องแมวที่มีอาการของโรคนี้สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การให้กินน้ำแครนเบอร์รี แอปเปิลไซเดอร์ และซุปโครงกระดูก ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อกันว่าสามารถบรรเทาอาการของโรคได้ อย่างไรก็ตาม การรักษาเหล่านี้อาจไม่ช่วยให้น้องแมวหายขาด และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โอกาสที่จะเป็นซ้ำก็เพิ่มมากขึ้น ทางที่ดีจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

  1. จะรู้ได้อย่างไรว่าน้องแมวมีอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ?
  2. น้องแมวที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มักจะมีอาการดังต่อไปนี้

    • ปัสสาวะบ่อยแต่ในปริมาณน้อย
    • อาจส่งเสียงร้องขณะปัสสาวะ
    • เลียบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์มากกว่าปกติเนื่องจากอาการระคายเคือง
    • อาจมีเลือดปนในปัสสาวะ

    หากพบว่าน้องแมวมีอาการข้างต้น ควรพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที

  3. หากไม่รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการจะดีขึ้นเองได้หรือไม่?
  4. การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะบางชนิดสามารถหายได้เอง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าอาการไม่รุนแรงหรือเรื้อรัง คุณควรพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างเหมาะสม

  5. การกินน้ำน้อยเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวใช่หรือไม่?
  6. น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแมว การกินน้ำน้อยอาจทำให้ร่างกายมีภาวะขาดน้ำและเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะด้วย เจ้าของจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าแมวได้รับน้ำเพียงพอตลอดทั้งวัน

  7. แมวที่เลี้ยงในบ้านเสี่ยงต่อโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือไม่?
  8. การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะเกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ แม้ว่าแมวที่เลี้ยงในบ้านจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่ำกว่าแมวที่เลี้ยงนอกบ้าน แต่หากละเลยเรื่องความสะอาดหรือสุขอนามัย พวกเค้าก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน อย่างกระบะทรายที่ไม่ได้ทำความสะอาดเป็นประจำ อาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียร้ายแรงนับไม่ถ้วน และแบคทีเรียที่ปะปนอยู่ในอุจจาระก็สามารถแพร่เข้าไปในท่อปัสสาวะได้ทุกครั้งที่น้องแมวขับถ่าย เจ้าของจึงควรทำความสะอาดกระบะทรายอย่างน้อยวันละสองครั้ง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันอย่างฉับพลัน ความเครียด และภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอก็อาจนำไปสู่การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้เช่นกัน

  • Is Your Cat a Finicky Eater?
    Is Your Cat a Finicky Eater?
    adp_description_block493
    เคล็ดลับการให้อาหารเจ้าเหมียวช่างเลือก

    • แบ่งปัน

    แมวเหมียวมักเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองเสมอ จึงไม่แปลกหากพวกเค้าจะติดนิสัยช่างเลือกไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกของเล่นที่ชอบหรือกิจกรรมที่ทำ โดยทั่วไปความช่างเลือกเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ทาสแมวควรเป็นกังวลและหาวิธีแก้ไขหากเป็นเรื่องแมวกินยากหรือแมวเลือกกิน เบื้องต้นคุณอาจลองเปลี่ยนอาหารดูก่อน แต่ถ้าพวกเค้ายังไม่ยอมกินอาหารใหม่ คุณควรปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติม 

    ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ต้องเข้าใจว่าเจ้าเหมียวส่วนใหญ่มีนิสัยช่างเลือก พวกเค้าอาจดื้อรั้นในช่วงแรก แต่จะปรับตัวเข้ากับกิจวัตรประจำวันที่กำหนดไว้ได้ในที่สุด ตามมาดูเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเข้าใจนิสัยเลือกกินของเจ้าเหมียวมากยิ่งขึ้นไปพร้อม ๆ กัน

    ทำไมแมวกินยาก?

    พฤติกรรมนี้ไม่ได้เป็นเพราะนิสัยเลือกกินของเจ้าเหมียวเสมอไป แต่อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ

    • ไม่อยากอาหาร
      • หากแมวไม่กินข้าว เป็นไปได้ว่าพวกเค้าอาจจะไม่รู้สึกหิว หรือได้กินขนมมาตลอดทั้งวันแล้ว สำหรับน้องแมวที่เลี้ยงนอกบ้านหรือชอบหนีเที่ยว พวกเค้าอาจล่าเหยื่อเป็นอาหารจนไม่รู้สึกหิวแล้วก็เป็นได้ แต่หากน้องแมวไม่กินอาหารนานเกิน 24 ชั่วโมง ควรปรึกษาขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์
    • การให้อาหารไม่เป็นเวลา
      • แม้แมวจะขี้จุกจิกตามธรรมชาติ แต่พวกเค้าชอบใช้ชีวิตอย่างเป็นกิจวัตรและจดจำได้ว่าเวลาไหนคือเวลาอาหาร ดังนั้นหากให้อาหารผิดเวลา พวกเค้าก็อาจไม่ยอมกินข้าวได้
    • ชามอาหารสกปรก
      • น้องแมวไม่ชอบกินอาหารจากภาชนะที่สกปรก ดังนั้นก่อนเทอาหารให้ใหม่ก็อย่าลืมทำความสะอาดชามอาหารของพวกเค้าก่อนด้วยล่ะ
    • สภาพแวดล้อม
      • น้องแมวส่วนใหญ่ชอบกินอาหารตามลำพัง ไม่ชอบถูกจับจ้องหรือเป็นจุดสนใจเมื่อกำลังกินอาหาร
    • ความเครียดจากการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
      • น้องแมวกินยากอาจเกิดจากความเครียดได้เช่นกัน ลองสังเกตกันดูว่ามีสมาชิกใหม่ในครอบครัวมาเพิ่มหรือไม่? มีสมาชิกในครอบครัวคนไหนจากไปหรือไม่? มีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมรอบตัวเจ้าเหมียวหรือเปล่า? อย่างการย้ายบ้านใหม่ พวกเค้าอาจต้องใช้เวลาสักพักเพื่อปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เมื่อความเครียดหายไปแล้ว เจ้าเหมียวก็จะกลับมากินอาหารได้ตามปกติ ซึ่งถ้าร่างกายแข็งแรง ไม่มีความผิดปกติที่น่าเป็นห่วง พ่อแม่แมวทั้งหลายก็เบาใจได้ ทั้งนี้เจ้าเหมียวสามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เพียงแค่เปลี่ยนชามอาหารใหม่ ก็อาจทำให้พวกเค้าไม่ยอมกินอาหารได้แล้ว
    • ปัญหาสุขภาพ
      • ปัญหาสุขภาพบางประการอาจส่งผลต่อพฤติกรรมการกินของเจ้าเหมียว ควรไปพบสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด

    วิธีรับมือเมื่อแมวเลือกกิน

    สำหรับทาสแมวที่กำลังเผชิญปัญหาแมวกินยาก ลองทำตามเคล็ดลับดี ๆ เหล่านี้ได้เลย

    • อุ่นอาหารเปียกก่อนเสิร์ฟ
      • ถ้าเสิร์ฟอาหารเย็น ๆ กลิ่นอาจไม่หอมและไม่ดึงดูดใจให้เจ้าเหมียวอยากกิน แต่การอุ่นอาหารจะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมเย้ายวนใจ ชวนให้เจ้าเหมียวอยากกินอาหารมากยิ่งขึ้น
    • ทำความสะอาดชามอาหาร
      • เนื่องจากน้องแมวรับรู้กลิ่นได้ดี พวกเค้าจึงรู้ได้ในทันทีหากชามอาหารไม่สะอาด ซึ่งอาจทำให้ความอยากอาหารลดลงจนไม่ยอมกินอาหารเลยทีเดียว
    • เติมน้ำซุปลงในอาหาร
      • เพิ่มความน่ากินให้อาหารมื้อธรรมดาด้วยการเติมน้ำซุปไก่ น้ำซุปปลา หรือน้ำมันเพิ่มรสชาติลงในอาหารแมว วิธีนี้จะช่วยให้อาหารมีกลิ่นหอมน่ากินมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงน้ำซุปที่มีส่วนประกอบของหัวหอม กุ้ยช่าย และกระเทียม เพราะอาจเป็นอันตรายต่อแมวได้
    • ลองเปลี่ยนอาหารใหม่
      • หากน้องแมวเลือกกิน อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนอาหารใหม่กันแล้ว ซึ่งมีความเป็นไปว่าต้องลองผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิดเลย เพื่อหาสิ่งที่ถูกใจพวกเค้ามากที่สุด
    • ปรึกษาสัตวแพทย์
      • ถ้าเจ้าเหมียงยังไม่ยอมกินอาหารหลังจากลองทำทุกวิธีแล้ว ก็ควรปรึกษาขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์ หรือถ้าเจ้าเหมียวไม่กินอาหารเลยนานกว่า 24 ชั่วโมว ควรพาพวกเค้าไปพบคุณหมอทันที
    • หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
      • หากต้องการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันหรือสภาพแวดล้อม ควรเปลี่ยนอย่างช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไป เช่นเดียวกับการเปลี่ยนอาหาร อย่าเปลี่ยนโดยทันที ให้เริ่มจากผสมอาหารสูตรเดิมกับสูตรใหม่เข้าด้วยกันในช่วงสามวันแรก จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มปริมาณอาหารใหม่และลดปริมาณอาหารเก่าลง

    การเปลี่ยนอาหารใหม่อาจเรื่องยากและจำเป็นต้องทดลองผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งไอแอมส์™ ตระหนักดีว่า พ่อแม่เหมียวทั้งหลายต่างก็ต้องการตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น อาหารแมวของไอแอมส์™ จึงมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารเม็ดสำหรับแม่และลูกแมว อาหารเม็ดสำหรับแมวโต และอาหารเม็ดสูตรเลี้ยงในบ้านและบำรุงก้อนขน โดยอาหารแมวไอแอมส์™ ทุกสูตร มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุล ทั้งนี้คุณสามารถปรึกษาเรื่องการเลือกอาหารเพิ่มเติมได้จากทั้งสัตวแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจากไอแอมส์™

    สิ่งที่แมวเหมียวทุกตัวต้องการ

    นี่คือสิ่งที่ทาสแมวทุกคนควรรู้เกี่ยวกับเจ้าเหมียว

    • ไม่ว่าจะเลือกให้อาหารชนิดใด ต้องเตรียมน้ำสะอาดให้เพียงพอและเข้าถึงได้ตลอดเวลา ขอแนะนำให้วางชามน้ำให้ห่างจากชามอาหารประมาณ  1 – 1.5  เมตร เพื่อป้องกันไม่ให้น้องแมวกินแต่น้ำแล้วไม่กินอาหาร
    • ควรให้น้องแมวกินอาหารในมุมสงบ เป็นส่วนตัว ไร้การรบกวน
    • พบสัตวแพทย์เป็นประจำหรือตามนัดหมาย เพื่อให้แน่ใจว่าน้องแมวจะมีสุขภาพดีและมีความสุขในทุกวัน

     

Close modal