IAMS TH
How to Keep Your Cat’s Urinary Tract in Tip-top Shape
How to Keep Your Cat’s Urinary Tract in Tip-top Shape

adp_description_block219
ทำความเข้าใจโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

  • แบ่งปัน

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวคืออะไร?

กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นโรคที่ไม่ได้พบบ่อยในแมว และแมวทุกตัวที่มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจจะไม่ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ อ้างอิงจากศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (NCBI) มีแมวเพียง 1 – 2% เท่านั้นที่เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นโรคที่พบไม่บ่อย แต่หากน้องแมวมีอาการก็จำเป็นต้องไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยเพิ่มเติม
 

อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

เนื่องจากเป็นโรคที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดและความไม่สบายอย่างรุนแรง เจ้าของจึงควรเรียนรู้เกี่ยวกับอาการหรือสัญญาณเตือนต่าง ๆ ของโรคให้ดี ซึ่งอาการที่พบได้มีดังนี้

  • ปัสสาวะบ่อยแต่มีปริมาณน้อย
  • มีเลือดปะปนในปัสสาวะ
  • เลียบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์มากกว่าปกติ
  • ส่งเสียงร้องออกมาขณะปัสสาวะ
  • ปัสสาวะนอกกระบะทราย

การวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

ในการวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สัตวแพทย์จะทำการทดสอบตัวอย่างปัสสาวะเพื่อตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย โดยคุณหมอจะดูดปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะโดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน เมื่อตรวจตัวอย่างปัสสาวะแล้ว คุณหมอก็จะทำการแยกเชื้อแบคทีเรียเพื่อศึกษาต่อไป ขั้นตอนนี้เรียกว่าการเพาะเชื้อและการทดสอบความไวของเชื้อต่อยา ซึ่งจะช่วยให้คุณหมอกำหนดยาที่เหมาะสมต่อการรักษาได้
 

การติดเชื้อครั้งแรกหรือการติดเชื้อแบบเฉียบพลันมักจะรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์กว้าง อย่างไรก็ตาม หากแมวของคุณมีอาการป่วยจากการติดเชื้อเรื้อรัง สัตวแพทย์อาจแนะนำให้ทำการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อเริ่มให้ยาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
 

สาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น

  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอเนื่องจากโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง
  • การสอดใส่สายสวนปัสสาวะ
  • นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร

การป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

แม้ว่าจะเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ยากและพบไม่บ่อย แต่ทางที่ดีก็ควรดูแลน้องแมวอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ โดยการดูแลป้องกันที่แนะนำมีดังนี้

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแมวดื่มน้ำเพียงพอ แนะนำให้ทำความสะอาดชามน้ำเป็นประจำและหมั่นเปลี่ยนน้ำทุกวัน
  • ทำความสะอาดกระบะทรายวันละสองครั้ง และควรเปลี่ยนทรายใหม่ทุกสองสัปดาห์
  • หมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของปริมาณและสีของปัสสาวะ หากพบการความผิดปกติควรปรึกษาสัตวแพทย์
  • เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคที่อาจนำไปสู่ปัญหากระเพาะปัสสาวะอักเสบ หากแมวของคุณมีอาการของโรคดังกล่าว ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
  • สำหรับแมวสูงวัยและแมวที่มีน้ำหนักตัวเกิน อาจมีปัญหาในการขยับเขยื้อนตัวและไม่สามารถเลียตัวทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง เจ้าของอาจต้องช่วยดูแลเรื่องความสะอาดมากเป็นพิเศษ

สามารถรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวด้วยตนเองได้หรือไม่?

การดูแลรักษาน้องแมวที่มีอาการของโรคนี้สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การให้กินน้ำแครนเบอร์รี แอปเปิลไซเดอร์ และซุปโครงกระดูก ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อกันว่าสามารถบรรเทาอาการของโรคได้ อย่างไรก็ตาม การรักษาเหล่านี้อาจไม่ช่วยให้น้องแมวหายขาด และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โอกาสที่จะเป็นซ้ำก็เพิ่มมากขึ้น ทางที่ดีจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมว

  1. จะรู้ได้อย่างไรว่าน้องแมวมีอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ?
  2. น้องแมวที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มักจะมีอาการดังต่อไปนี้

    • ปัสสาวะบ่อยแต่ในปริมาณน้อย
    • อาจส่งเสียงร้องขณะปัสสาวะ
    • เลียบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์มากกว่าปกติเนื่องจากอาการระคายเคือง
    • อาจมีเลือดปนในปัสสาวะ

    หากพบว่าน้องแมวมีอาการข้างต้น ควรพาไปพบสัตวแพทย์ในทันที

  3. หากไม่รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการจะดีขึ้นเองได้หรือไม่?
  4. การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะบางชนิดสามารถหายได้เอง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าอาการไม่รุนแรงหรือเรื้อรัง คุณควรพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างเหมาะสม

  5. การกินน้ำน้อยเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในแมวใช่หรือไม่?
  6. น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแมว การกินน้ำน้อยอาจทำให้ร่างกายมีภาวะขาดน้ำและเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะด้วย เจ้าของจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าแมวได้รับน้ำเพียงพอตลอดทั้งวัน

  7. แมวที่เลี้ยงในบ้านเสี่ยงต่อโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือไม่?
  8. การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะเกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ แม้ว่าแมวที่เลี้ยงในบ้านจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่ำกว่าแมวที่เลี้ยงนอกบ้าน แต่หากละเลยเรื่องความสะอาดหรือสุขอนามัย พวกเค้าก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน อย่างกระบะทรายที่ไม่ได้ทำความสะอาดเป็นประจำ อาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียร้ายแรงนับไม่ถ้วน และแบคทีเรียที่ปะปนอยู่ในอุจจาระก็สามารถแพร่เข้าไปในท่อปัสสาวะได้ทุกครั้งที่น้องแมวขับถ่าย เจ้าของจึงควรทำความสะอาดกระบะทรายอย่างน้อยวันละสองครั้ง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันอย่างฉับพลัน ความเครียด และภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอก็อาจนำไปสู่การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้เช่นกัน

  • 5-Tips-to-Help-Your-Kitten-Live-a-Long-and-Healthy-Life banner
    5-Tips-to-Help-Your-Kitten-Live-a-Long-and-Healthy-Life
    adp_description_block407
    5 เคล็ดลับเพื่อช่วยให้ลูกแมวของคุณสุขภาพดีมีอายุยืน

    • แบ่งปัน

    คุณสามารถช่วยให้ลูกแมวสุขภาพดีมีอายุยืนได้หรือไม่ แม้จะไม่สามารถคาดเดาสุขภาพของแมวได้อย่างแม่นยำนัก แต่คุณก็สามารถเพิ่มโอกาสที่เค้าจะมีทั้งสุขภาพที่ดีขึ้นและมีอายุยืนขึ้นได้ ผ่านการดูแลที่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มเลี้ยงเค้าใหม่ ๆ สัตวแพทย์สามารถให้คำแนะนำเพิ่มเติมถึงข้อควรพิจารณา 5 ข้อเกี่ยวกับการดูแลลูกแมว ดังนี้

    วิธีดูแลลูกแมว

     

    1. ให้อาหารที่มีคุณภาพ

    ให้อาหารแมวที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการด้านสารอาหารในแต่ละช่วงวัย เนื่องจากความต้องการด้านสารอาหารของแมวจะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงวัยและไลฟ์สไตล์ แต่ไม่ว่าเค้าจะอายุเท่าไร สัตว์กินเนื้อก็ต้องการสารอาหารจากโปรตีนและไขมันสัตว์เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีเสมอ

     

    2. ให้ออกกำลังกาย

    ลดภาวะอ้วนในแมวด้วยการควบคุมอาหารอย่างเข้มงวดและให้เค้าได้ออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายจะช่วยลดอาการเครียด ลดความดุร้าย และช่วยให้แมวตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพียงวันละ 15-30 นาที ก็ช่วยให้เค้ามีน้ำหนักสมส่วนแถมยังได้สานสัมพันธ์กับคุณให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น นอกจากนี้การสอนให้ลูกแมวชินกับเวลาเล่นตั้งแต่เด็ก ๆ จะช่วยให้คุณชินกับการเล่นกับแมวเป็นประจำ

     

    3. มอบสิ่งแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัย

    เลี้ยงแมวไว้ในบ้านเพื่อลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วย การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ การต่อสู้ และโรคภัยต่าง ๆ เมื่อแมวอายุมากขึ้นคุณสามารถลดความเครียดจากการถูกสัตว์อื่นรังแกด้วยการให้เค้าอยู่ในบ้าน แต่อย่าลืมดูแลบ้านให้ปลอดภัยจากอันตรายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น อุปกรณ์ทำความสะอาดและควันบุหรี่ แมวส่วนใหญ่ใช้ลิ้นเพื่อทำความสะอาดตัวเอง แค่สารเคมีปริมาณนิดเดียวก็สามารถก่ออาการที่ไม่พึงประสงค์ได้

     

    4. นัดตรวจร่างกายและช่องปากเป็นประจำ

    แปรงขนให้ลูกแมวตั้งแต่เด็ก ๆ เพื่อให้เค้าคุ้นเคยกับการแปรงขน ระหว่างที่แปรงอยู่อย่าลืมเช็กดูรอยแผล หรือความผิดปกติอื่น ๆ รวมถึงรีบปรึกษาสัตวแพทย์หากเจออะไรที่น่าสงสัย พาแมวไปหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพโดยรวมอย่างต่ำปีละ 1 ครั้ง และปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตว์แพทย์เกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรค สัตวแพทย์ยังสามารถนัดทำความสะอาดฟันโดยผู้เชี่ยวชาญได้เป็นระยะ ซึ่งจะช่วยยืดอายุเค้าได้อีกหลายปี

     

    5. ใส่ใจเค้าเยอะ ๆ

    ท้ายที่สุดอย่าลืมมอบความรักให้เค้า! แม้แมวบางตัวจะดูหยิ่งและไม่สนใจคุณแต่แมวทุกตัวล้วนชอบความใส่ใจ ทั้งคุณและเค้าจะได้ประโยชน์จากการใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ

     

    ตารางเทียบอายุแมว
     

    มีความเชื่อว่าเวลา 1 ปีของเราเท่ากับ 7 ปีของแมว ด้านล่างเป็นตารางอายุฉบับปรับปรุงให้คุณดูอายุแมวได้อย่างถูกต้อง

    อายุแมว อายุคน

    6 เดือน 10 ปี
    8 เดือน 13 ปี
    10 เดือน 14 ปี
    12 เดือน 15 ปี
    18 เดือน 20 ปี
    2 ปี 24 ปี
    3 ปี 28 ปี
    4 ปี 32 ปี
    5 ปี 36 ปี
    6 ปี 40 ปี
    7 ปี 44 ปี
    8 ปี 48 ปี
    9 ปี 52 ปี
    10 ปี 56 ปี
    11 ปี 60 ปี
    12 ปี 64 ปี
    13 ปี 68 ปี
    14 ปี 72 ปี
    15 ปี 76 ปี
    16 ปี 80 ปี
    17 ปี 84 ปี
    18 ปี 88 ปี
    19 ปี 92 ปี
    20 ปี 96 ปี
    21 ปี 100 ปี

Close modal