สงสัยกันไหมว่าเสียงร้องเพอร์ของแมวเกิดขึ้นได้อย่างไร? มันไม่ใช่การเปล่งเสียงทั่วไป แต่เกิดจากการหดตัวและคลายกล้ามเนื้อกล่องเสียงอย่างรวดเร็ว ประมาณ 150 ครั้งต่อวินาที และในขณะที่แมวหายใจแต่ละครั้ง อากาศจะถูกดันออกผ่านกล้ามเนื้อที่สั่นสะเทือนเหล่านี้ ทำให้คุณได้ยินเสียงครางต่ำที่ผ่อนคลายและก้องกังวาน
เสียงร้องเป็นหนึ่งในวิธีการสื่อสาร เป็นวิธีบอกความต้องการ และเรียกร้องความสนใจ แม่แมวจะร้องเพอร์เพื่อสร้างสายสัมพันธ์กับลูก ๆ ส่วนลูกแมวจะตอบกลับเพื่อส่งสัญญาณให้แม่รู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี สำหรับแมวโตนั้น พวกเค้าจะร้องเพอร์เมื่อมีความสุขและสบายใจ แต่ในบางครั้งก็เกิดขึ้นเมื่อพวกเค้ารู้สึกเครียด เจ็บปวด หรือแม้กระทั่งเวลาที่หิว
เพื่อทำความเข้าใจเจ้าเหมียว เรามาเจาะลึกรายละเอียดเกี่ยวกับเสียงร้องของแมวแบบต่าง ๆ ไปด้วยกันในบทความนี้
ไม่ใช่แค่ความน่ารักเท่านั้นที่ทำให้เราหลงใหล แต่ความลึกลับน่าค้นหาก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้แมวดูน่าสนใจ อย่างการร้องเพอร์เบา ๆ ที่เราต่างชื่นชอบ เสียงนี้หมายถึงอะไร? พวกเค้าต้องการบอกอะไรกันนะ?
เมื่อได้พักผ่อนในมุมโปรด ได้นอนอาบแดดยามบ่าย หรือขดตัวอยู่บนตักของคุณ แมวมักจะส่งเสียงร้องเพอร์ออกมาเบา ๆ มันเป็นสัญญาณของความพึงพอใจอย่างแท้จริง ในภาษาแมวอาจแปลว่า “ชีวิตช่างมีความสุขเหลือเกิน”
แมวรักอิสระ หวงเนื้อหวงตัว แต่หากเจ้าตัวน้อยเหล่านี้เข้ามาคลอเคลียพร้อมส่งเสียงเพอร์ มันเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของความรักและความผูกพัน เหมือนเป็นการบอกกลาย ๆ ว่า “คุณเป็นทาสคนโปรดของฉัน และฉันรักคุณนะ”
เคยเจอไหม? ได้ยินเสียงร้องเพอร์แต่ไม่เห็นตัวเจ้าเหมียว นั่นคือวิธีประกาศการมีอยู่ของพวกเค้า เป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า “อย่ากังวล เหมียวอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง”
เสียงเพอร์ไม่ได้บ่งบอกถึงความสุขและความพึงพอใจเสมอไป แมวอาจร้องเพอร์เมื่อเจ็บปวดหรือไม่สบาย ซึ่งอาจคล้ายกับเสียงของลูกแมวหรือเสียงร้องครวญคราง
แมวสามารถรักษาตัวเองได้อย่างน่าทึ่ง โดยเสียงร้องเพอร์เป็นหนึ่งในวิธีรักษาและบรรเทาความเจ็บปวด การสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นมีส่วนช่วยส่งเสริมการรักษากระดูกและเนื้อเยื่อ การร้องในรูปแบบนี้คล้ายกับเสียงแม่แมวที่ปลอบโยนและบอกรักลูกแมวตัวน้อย
หากแมวร้องเพอร์เมื่อคุณลูบขนหรือเกาพุง มันเป็นเสียงหัวเราะเวอร์ชันแมว เป็นการตอบสนองอย่างสนุกสนาน พวกเค้ารักทุกช่วงเวลาที่คุณให้ความสนใจ
การส่งเสียงเพอร์เป็นกลไกบรรเทาความเครียด เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด แมวจะเริ่มส่งเสียงเพอร์เพื่อสงบสติอารมณ์
แมวมักจะส่งเสียงดังเวลาที่หิว หากคุณได้ยินเสียงร้องเพอร์ที่ดังกว่าปกติ อาจแปลว่าถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว มันเหมือนกับการขออาหารอย่างสุภาพของแมวเหมียว
หลังได้เรียนรู้ความหมายของเสียงเพอร์กันไปแล้ว เราหวังว่าคุณจะถอดรหัสข้อความที่เจ้าเหมียวต้องการจะบอกได้ดีมากยิ่งขึ้น
หากเจ้าเหมียวของคุณมีนิสัยช่างพูดช่างคุย ชอบส่งเสียงเจื้อยแจ้ว คุณอาจจะสงสัยว่าพวกเค้าต้องการบอกอะไร แมวมักจะแสดงอารมณ์ผ่านการส่งเสียง และความหมายของเสียงแต่ละแบบก็แตกต่างกันไป อาจเป็นการเรียกร้องความสนใจ แสดงความหิว ต่อสู้กับความเหงา เป็นสัญญาณของความเครียดหรือความเจ็บปวด แมวสูงอายุอาจร้องบ่อยขึ้นเนื่องจากการรับรู้เปลี่ยนไป และบางครั้งความเบื่อก็ทำให้แมวส่งเสียงร้องมากขึ้นเช่นกัน การใส่ใจกับบริบทและรูปแบบการร้องของแมวจะช่วยให้คุณเข้าใจความต้องการและรับประกันความเป็นอยู่ที่ดีของแมวได้
แมวแสดงอารมณ์ความรู้สึกได้ดีกว่าที่เราคิดนะ ต่อไปนี้เป็นเสียงร้อง 5 เสียงที่พบบ่อยที่สุด พร้อมความหมายโดยทั่วไป
ถือเป็นเสียงอเนกประสงค์ในภาษาแมว เจ้าเหมียวอาจร้องเพื่อเรียกร้องความสนใจ ขออาหาร หรือเพียงแค่ทักทาย น้ำเสียงและความดังสามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้เช่นกัน ตั้งแต่การทักทายที่เป็นมิตรไปจนถึงความต้องการเร่งด่วน
นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนของความไม่พอใจหรือความกลัว เมื่อแมวส่งเสียงขู่ มันเป็นการเตือนให้ถอยออกไป และทางที่ดีควรเคารพขอบเขตและความเป็นส่วนตัวของพวกเค้า
เสียงแปลก ๆ นี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อแมวเห็นนกหรือเหยื่อผ่านหน้าต่าง มันเหมือนกับการแสดงออกถึงความตื่นเต้นหงุดหงิดที่ไม่สามารถจับมันได้
เสียงนี้เป็นสัญญาณว่าแมวกำลังรู้สึกว่าถูกคุกคามหรือถูกบุกรุกอาณาเขต เป็นเสียงต่ำที่ดังจากลำคอเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บุกรุกเข้ามา
เป็นเสียงที่บ่งบอกว่าเจ้าเหมียวกำลังเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ เป็นเหมือนการร้องหาคู่ มักพบในแมวตัวเมียที่ยังไม่ได้ทำหมัน
การทำความเข้าใจเสียงเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเจ้าเหมียวได้ดีขึ้น รวมถึงยังสามารถตอบสนองต่อความต้องการและอารมณ์ของพวกเค้าได้อย่างเหมาะสมด้วย
เสียงร้องของแมวอาจหมายถึงสิ่งต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่การเรียกร้องความสนใจไปจนถึงการแสดงความรู้สึกไม่สบาย บางครั้งก็เป็นเพียงการทักทาย
การร้องในรูปแบบนี้อาจแปลว่าแมวกำลังหิว ไม่สบายตัว เจ็บป่วย หรือรู้สึกกังวล ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องระบุสาเหตุและตอบสนองความต้องการของพวกเค้าให้ได้
คุณสามารถกระตุ้นให้แมวส่งเสียงร้องโดยการเล่น การให้ขนม และการใช้เวลาร่วมกับพวกเค้า การสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นจะช่วยให้แมวอยากสื่อสารมากขึ้น
การร้องเพอร์มักจะบ่งบอกถึงความพึงพอใจ แต่ในบางกรณีอาจบ่งบอกถึงความเจ็บปวด ความเครียด หรืออาจเป็นการเรียกร้องความสนใจ
การร้องเพอร์ไม่ได้หมายความว่าแมวมีความสุขเสมอไป แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นสัญญาณของความพึงพอใจ แต่ในบางครั้ง แมวก็ร้องเพอร์เมื่อรู้สึกเจ็บปวด วิตกกังวล หรือไม่สบาย
แมวร้องเพอร์พร้อมเข้ามาคลอเคลีย เป็นการปลอบโยนและแสดงความพึงพอใจ เป็นการบอกว่าพวกเค้ารักและรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่กับคุณ
เป็นที่รู้กันดีว่าแมวมีความเป็นตัวของตัวเองสูงและมีความสง่างามชวนให้หลงใหล เจ้าเหมียวขนฟูเหล่านี้มีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 12 – 18 ปี แมวที่มีอายุมากกว่า 3 ปีจะถือว่าเป็นแมวโตเต็มวัย และเมื่อมีอายุ 11 ปีขึ้นไปก็จะเข้าสู่ช่วงสูงวัย
พฤติกรรมหรือนิสัยการกินของแมวจะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุเช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ อย่างลูกแมวต้องการปริมาณอาหารมากกว่าเพื่อน เนื่องจากพวกเค้าต้องการพลังงานสูงและอยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต แมวโตเต็มวัยต้องการอาหารในปริมาณปานกลางเพื่อให้มีพลังงานเพียงพอต่อการทำกิจกรรมตลอดวัน ส่วนแมวสูงอายุมักจะมีความอยากอาหารน้อยลง เจ้าของจึงอาจต้องปรับเปลี่ยนสูตรอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการของพวกเค้า หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้อาหารแมวสูงวัย มาติดตามบทความนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย
พฤติกรรมการกินส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของแมวสูงวัย เจ้าของควรดูแลเอาใจใส่เกี่ยวกับโภชนาการกันให้มากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าน้องแมวจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณที่เหมาะสม
ผู้เลี้ยงควรทำความเข้าใจก่อนว่าแมวแต่ละช่วงวัยมีความต้องการทางโภชนาการแตกต่างกัน ลูกแมวควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสม แมวโตเต็มวัยควรได้รับการดูแลอย่างใส่ใจเพื่อป้องกันปัญหาน้ำหนักตัวเกิน และแมวสูงวัยควรได้รับการดูแลมากเป็นพิเศษเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง อาหารของพวกเค้าควรประกอบด้วยโปรตีนคุณภาพสูงและวิตามินอีเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและข้อต่อ
เมื่อน้องแมวมีอายุมากขึ้น การรับรสและการดมกลิ่นก็จะเสื่อมลง นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อปัญหาฟันเสื่อมสภาพซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการเคี้ยวอาหารด้วย เจ้าของสามารถทำตามคำแนะนำในการเลือกอาหารต่อไปนี้ เพื่อช่วยให้น้องแมวกินอาหารได้ดียิ่งขึ้น
เนื่องจากแมวสูงวัยมีความอยากอาหารน้อยลง เจ้าของจึงต้องเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเพื่อให้แน่ใจว่าน้องแมวจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน หรืออาจทำตามเคล็ดลับเหล่านี้เพิ่มเติมด้วยก็ได้
แม้ว่าน้องแมวสูงวัยจะอยากอาหารน้อยลง แต่พวกเค้ายังคงต้องการสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนหรือวิตามินที่จำเป็น สำหรับแมวสูงวัยที่มีสุขภาพแข็งแรง อาจให้อาหาร 3 – 4 ครั้งต่อวัน แต่หากพวกเค้ามีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร ควรให้อาหารอย่างน้อย 10 – 12 ครั้งต่อ
แทนที่จะเสิร์ฟอาหารร้อนหรือเย็นเกินไป เจ้าของควรเสิร์ฟอาหารในอุณหภูมิห้องปกติ เนื่องจากประสาทสัมผัสของแมวสูงวัยไม่ได้ดีดังเดิม อาหารอุณหภูมิห้องจะช่วยให้พวกเค้ารับรสและกลิ่นของอาหารได้ดีขึ้น
อาหารของแมวสูงวัยควรย่อยง่ายและมีสารอาหารที่สำคัญครบถ้วน เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุ
ช่วงวัยเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกอาหาร รวมถึงสภาวะสุขภาพ น้ำหนัก ความอยากอาหาร และรูปแบบการใช้ชีวิตของแมวด้วย แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อทำความเข้าใจข้อกำหนดด้านสุขภาพ การขาดสารอาหาร และโรคประจำตัวก่อนเลือกอาหารให้กับพวกเค้า