คุณสามารถช่วยให้ลูกแมวสุขภาพดีมีอายุยืนได้หรือไม่ แม้จะไม่สามารถคาดเดาสุขภาพของแมวได้อย่างแม่นยำนัก แต่คุณก็สามารถเพิ่มโอกาสที่เค้าจะมีทั้งสุขภาพที่ดีขึ้นและมีอายุยืนขึ้นได้ ผ่านการดูแลที่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มเลี้ยงเค้าใหม่ ๆ สัตวแพทย์สามารถให้คำแนะนำเพิ่มเติมถึงข้อควรพิจารณา 5 ข้อเกี่ยวกับการดูแลลูกแมว ดังนี้
ให้อาหารแมวที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการด้านสารอาหารในแต่ละช่วงวัย เนื่องจากความต้องการด้านสารอาหารของแมวจะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงวัยและไลฟ์สไตล์ แต่ไม่ว่าเค้าจะอายุเท่าไร สัตว์กินเนื้อก็ต้องการสารอาหารจากโปรตีนและไขมันสัตว์เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีเสมอ
ลดภาวะอ้วนในแมวด้วยการควบคุมอาหารอย่างเข้มงวดและให้เค้าได้ออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายจะช่วยลดอาการเครียด ลดความดุร้าย และช่วยให้แมวตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพียงวันละ 15-30 นาที ก็ช่วยให้เค้ามีน้ำหนักสมส่วนแถมยังได้สานสัมพันธ์กับคุณให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น นอกจากนี้การสอนให้ลูกแมวชินกับเวลาเล่นตั้งแต่เด็ก ๆ จะช่วยให้คุณชินกับการเล่นกับแมวเป็นประจำ
เลี้ยงแมวไว้ในบ้านเพื่อลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วย การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ การต่อสู้ และโรคภัยต่าง ๆ เมื่อแมวอายุมากขึ้นคุณสามารถลดความเครียดจากการถูกสัตว์อื่นรังแกด้วยการให้เค้าอยู่ในบ้าน แต่อย่าลืมดูแลบ้านให้ปลอดภัยจากอันตรายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น อุปกรณ์ทำความสะอาดและควันบุหรี่ แมวส่วนใหญ่ใช้ลิ้นเพื่อทำความสะอาดตัวเอง แค่สารเคมีปริมาณนิดเดียวก็สามารถก่ออาการที่ไม่พึงประสงค์ได้
แปรงขนให้ลูกแมวตั้งแต่เด็ก ๆ เพื่อให้เค้าคุ้นเคยกับการแปรงขน ระหว่างที่แปรงอยู่อย่าลืมเช็กดูรอยแผล หรือความผิดปกติอื่น ๆ รวมถึงรีบปรึกษาสัตวแพทย์หากเจออะไรที่น่าสงสัย พาแมวไปหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพโดยรวมอย่างต่ำปีละ 1 ครั้ง และปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตว์แพทย์เกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรค สัตวแพทย์ยังสามารถนัดทำความสะอาดฟันโดยผู้เชี่ยวชาญได้เป็นระยะ ซึ่งจะช่วยยืดอายุเค้าได้อีกหลายปี
ท้ายที่สุดอย่าลืมมอบความรักให้เค้า! แม้แมวบางตัวจะดูหยิ่งและไม่สนใจคุณแต่แมวทุกตัวล้วนชอบความใส่ใจ ทั้งคุณและเค้าจะได้ประโยชน์จากการใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ
มีความเชื่อว่าเวลา 1 ปีของเราเท่ากับ 7 ปีของแมว ด้านล่างเป็นตารางอายุฉบับปรับปรุงให้คุณดูอายุแมวได้อย่างถูกต้อง
อายุแมว อายุคน
6 เดือน 10 ปี
8 เดือน 13 ปี
10 เดือน 14 ปี
12 เดือน 15 ปี
18 เดือน 20 ปี
2 ปี 24 ปี
3 ปี 28 ปี
4 ปี 32 ปี
5 ปี 36 ปี
6 ปี 40 ปี
7 ปี 44 ปี
8 ปี 48 ปี
9 ปี 52 ปี
10 ปี 56 ปี
11 ปี 60 ปี
12 ปี 64 ปี
13 ปี 68 ปี
14 ปี 72 ปี
15 ปี 76 ปี
16 ปี 80 ปี
17 ปี 84 ปี
18 ปี 88 ปี
19 ปี 92 ปี
20 ปี 96 ปี
21 ปี 100 ปี
โภชนาการที่ดีเป็นกุญแจสำคัญของการมีชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพดีสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด แมวเองก็เช่นกัน พวกเค้าต้องการอาหารที่มีคุณค่าครบถ้วนและสมดุลเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโต รักษาร่างกาย เพิ่มพลังงาน และต่อสู้กับความเจ็บป่วย ในการเลือกอาหารที่ดีสำหรับแมวหรืออาหารแมวเพื่อสุขภาพ พ่อแม่แมวจำเป็นต้องเรียนรู้ส่วนผสมและสารอาหารที่จำเป็นกันก่อน
แมวเป็นสัตว์กินเนื้อ สารอาหารที่พวกเค้าต้องการก็พบอยู่ในเนื้อสัตว์เป็นหลัก เดิมทีแมวเป็นนักล่าและจะกินเหยื่อเพื่อให้ได้โปรตีนในปริมาณสูง ไขมันในปริมาณปานกลาง และคาร์โบไฮเดรตบางส่วนเพื่อตอบสนองความต้องการของร่างกาย แม้ว่าแมวบ้านทุกวันนี้จะไม่จำเป็นต้องล่าสัตว์แล้ว แต่พวกเค้ายังคงต้องการสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม เช่น แร่ธาตุ วิตามิน กรดไขมัน และกรดอะมิโน
โภชนาการแมวควรมีสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยส่วนผสมที่หลากหลายจะเป็นแหล่งสารอาหารและพลังงานที่ดีให้กับแมว อย่างแคลเซียมจะได้มาจากผลิตภัณฑ์นม เครื่องใน กระดูกป่น เนื้อสัตว์ พืชตระกูลถั่ว และแร่ธาตุเสริม การวางแผนโภชนาการอาหารแมวคือการดูแลให้พวกเค้าได้รับโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน แร่ธาตุ และน้ำในปริมาณที่เหมาะสม อ่านบทความของเราเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับสารอาหารที่จำเป็นต่อความเป็นอยู่ที่ดีของแมวเพิ่มเติม
เนื่องจากเป็นสัตว์กินเนื้อ แมวจึงจำเป็นต้องกินโปรตีนมากขึ้นเมื่อเทียบกับสัตว์ชนิดอื่น โปรตีนสำหรับแมวถือเป็นแหล่งพลังงานหลักและตัวช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงรักษาผิวหนัง เส้นขน กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูกอ่อน เนื้อเยื่อ แอนติบอดี ฮอร์โมน และส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย โดยตับจะผลิตเอนไซม์เพื่อเผาผลาญโปรตีนเป็นพลังงาน หากแมวกินโปรตีนไม่เพียงพอ ร่างกายจะเริ่มสลายกล้ามเนื้อของตัวเองเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงาน
แหล่งโปรตีนหลักที่ใช้ในอาหารแมวคือโปรตีนจากพืชและโปรตีนจากสัตว์ แต่โปรตีนจากพืชอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากมีสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการ สารอาหารบางชนิดมีอยู่ในโปรตีนจากสัตว์เท่านั้น เช่น ทอรีน เมทไธโอนีน และซิสตีน
โปรตีนจากสัตว์ในอาหารแมวมักจะมาจากไก่ ไก่งวง เนื้อแกะ เนื้อวัว และปลา อาหารแมวที่มีส่วนผสมของผลพลอยได้จากเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ก็มีจำหน่ายมากมายในท้องตลาดเช่นกัน แม้ว่าพ่อแม่แมวหลาย ๆ คนจะคิดว่าอาหารเหล่านี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี แต่แท้จริงแล้วพวกมันเป็นแหล่งโปรตีนที่ยอดเยี่ยม
ความต้องการโปรตีนสำหรับแมวขึ้นอยู่กับอายุหรือช่วงวัย แมวโตต้องการโปรตีนสูงเมื่อเทียบกับสุนัข คน หรือสัตว์ชนิดอื่น แม้ว่าสัดส่วนที่แน่นอนจะแตกต่างกันไป แต่แมวโตต้องการโปรตีนประมาณ 26% ในมื้ออาหาร โดยคุณสามารถเลือกอาหารแมวที่มีโปรตีนสูงให้กับพวกเค้าได้ ส่วนความต้องการโปรตีนสำหรับลูกแมวอาจเปลี่ยนแปลงไปตามอายุและสุขภาพโดยรวม ทางที่ดีควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าลูกแมวของคุณได้รับสารอาหารที่เหมาะสม
เมื่อพูดถึงความสำคัญของวิตามินสำหรับแมว ต้องบอกเลยว่ามันเป็นสารอาหารที่สำคัญเช่นกัน วิตามินจำเป็นต่อการทำงานของระบบเผาผลาญ เอนไซม์หลายชนิดที่ช่วยเสริมการทำงานของระบบเผาผลาญจะไม่สามารถทำหน้าที่ได้หากไม่มีวิตามิน
อาหารหลายชนิดเป็นแหล่งที่มาของวิตามิน เช่น ผลไม้ ผัก เนื้อเยื่อของสัตว์ น้ำมันพืช ธัญพืช และเมล็ดพืช แต่มันเป็นเรื่องยากมากที่จะควบคุมปริมาณวิตามินให้เหมาะสมจากการกินอาหารชนิดต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ อาหารแมวจึงจำเป็นต้องมีวิตามินในปริมาณที่เหมาะสม
หากแมวของคุณมีสุขภาพดี กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุล คุณก็ไม่จำเป็นต้องให้อาหารเสริมและวิตามินสำหรับแมวเพิ่มเติม ในบางกรณี วิตามินเสริมอาจเป็นอันตรายได้ ทางที่ดีควรปรึกษาสัตวแพทย์และดูแลโภชนาการแมวให้เหมาะสม
แมวต้องการแร่ธาตุเพื่อเสริมการทำงานของร่างกาย แร่ธาตุหลายชนิดที่แมวต้องการได้มาจากเนื้อสัตว์และพืช อย่างไรก็ตาม เพื่อให้โภชนาการอาหารแมวมีความสมดุล ผู้ผลิตมักจะเพิ่มแร่ธาตุลงในอาหารแมว
ในอาหารของแมวควรมีแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก โซเดียม คลอไรด์ ทองแดง สังกะสี แมงกานีส ไอโอดีน และซีลีเนียม แร่ธาตุเหล่านี้ช่วยควบคุมการทำงานของเส้นประสาท กล้ามเนื้อ และหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมการทำงานของเอนไซม์ ส่งออกซิเจนไปทั่วร่างกาย สนับสนุนการเจริญเติบโตของโครงสร้างกระดูก และอื่น ๆ อีกมากมาย โภชนาการแมวจึงควรมีแร่ธาตุเป็นส่วนประกอบ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกแมวของคุณได้รับสารอาหารตรงตามความต้องการ ขอแนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับโภชนาการอาหารแมวที่เหมาะสม
การวิเคราะห์ปริมาณไขมันในอาหารสัตว์ทำได้โดยการสกัดด้วยตัวทำละลาย และปริมาณไขมันในอาหารทุกสูตรจะแสดงอยู่บนฉลากบรรจุภัณฑ์
ไขมันถือเป็นสารอาหารที่จำเป็นมาก โปรตีนอาจจะเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญสำหรับแมว แต่ไขมันเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานมากที่สุด และยังช่วยส่งผ่านกระแสประสาทอีกด้วย แหล่งไขมันที่จำเป็น เช่น กรดไขมันโอเมก้า 3 และกรดไขมันโอเมก้า 6 ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมสุขภาพผิวหนังและเส้นขน
ไขมันและกรดไขมันจำเป็นอื่น ๆ พบได้ในสูตรอาหารที่มีส่วนผสมของตับ ไก่ เนื้อวัว ไก่งวง และปลา ในบางครั้ง ผู้ผลิตจะเพิ่มแหล่งไขมันพิเศษลงในสูตรอาหาร เช่น น้ำมันปลา ไขมันวัว และน้ำมันถั่วเหลือง โดยคุณสามารถตรวจสอบรายการส่วนผสมและแหล่งที่มาของไขมันได้จากฉลากผลิตภัณฑ์
แมวจำเป็นต้องควบคุมน้ำหนักและรักษารูปร่างให้เหมาะสมเพื่อความกระฉับกระเฉง จึงไม่แนะนำให้แมวกินอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง พวกเค้าไม่ควรได้รับไขมันมากเกินความจำเป็นในแต่ละวัน หากได้รับไขมันมากเกินไป อาจนำไปสู่ปัญหาน้ำหนักตัวเกินหรือโรคอ้วนได้ คุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อเลือกสูตรอาหารที่มีปริมาณไขมันเหมาะสมกับแมวของคุณได้ หรือหากแมวมีปัญหาน้ำหนักตัวเกิน คุณหมออาจแนะนำให้เลือกอาหารแมวควบคุมน้ำหนักแทน
สัตว์หลายชนิดต้องการคาร์โบไฮเดรตเพื่อให้ได้พลังงาน แต่เนื่องจากแมวได้รับพลังงานส่วนใหญ่จากโปรตีนและไขมันแล้ว คาร์โบไฮเดรตจึงไม่ได้มีความสำคัญมากนัก อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้หมายความว่าอาหารแมวไม่จำเป็นต้องมีคาร์โบไฮเดรตเลย แมวยังต้องการคาร์โบไฮเดรตในปริมาณเล็กน้อย แต่ไม่แนะนำให้แมวกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตปริมาณมาก เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาน้ำหนักตัวเกินและอาจนำไปสู่โรคร้ายอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน
อาหารของแมวไม่ควรมีคาร์โบไฮเดรตเกิน 10% อาหารเม็ดอาจมีคาร์โบไฮเดรตในปริมาณสูง แต่การผสมอาหารเม็ดและอาหารเปียกจะช่วยให้ป้องกันไม่ให้แมวได้รับคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป
อาหารแมวที่ดีควรประกอบไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณที่เหมาะสม ต้องมีโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน แร่ธาตุ และน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของแมว หากคุณกังวลเกี่ยวกับการเลือกอาหาร หรือสงสัยว่าอาหารแบบใดคืออาหารแมวเพื่อสุขภาพ ควรกำหนดปริมาณอาหารในแต่ละวันอย่างไร และแมวของคุณจำเป็นต้องกินอาหารแมวควบคุมน้ำหนักหรือไม่ คุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติมได้เสมอ