IAMS TH
Is Your Puppy Ready for Adult Dog Food?
Is Your Puppy Ready for Adult Dog Food?mob

adp_description_block67
ลูกสุนัขของคุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะเปลี่ยนไปกินอาหารสำหรับสุนัขโต

  • แบ่งปัน

เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนอาหารให้ลูกสุนัขกันนะ

เมื่อลูกสุนัขของคุณเติบโตเป็นสุนัขที่โตเต็มวัย สุนัขก็จะต้องการอาหารที่ทำให้ร่างกายของพวกเขาแข็งแรง และอาหารที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี่ก็คืออาหารสูตรพรีเมียมสำหรับลูกสุนัขโตคุณภาพสูงไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรสุนัขโต

 

ประโยชน์ของการให้น้องหมากินอาหารพรีเมียม

ทำไมถึงต้องเปลี่ยนอาหารของลูกสุนัขที่อยู่ในช่วงวัยกำลังโตเป็นอาหารพรีเมียมสำหรับสุนัขโต ? นั่นก็เพราะถ้าหากพิจารณาจากคุณภาพ สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคืออาหารจะต้องมีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีที่สุดเพื่อที่จะส่งเสริมให้ลูกสุนัขเติบโตได้อย่างสมบูรณ์จนเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัย การให้ลูกสุนัขที่อยู่ในช่วงวัยกำลังโตกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำลงจากเดิม อาจทำให้ระบบย่อยมีปัญหา และร่างกายของลูกสุนัขจะไม่ได้รับคุณค่าทางสารอาหารในระดับเดียวกับที่ร่างกายของเขาเคยได้รับ

 

คุณลองนึกถึงเด็กทารก เมื่อถึงเวลาที่จะเริ่มให้เด็กกินอาหารนอกเหนือจากนมแม่ คุณอยากจะให้ลูกน้อยของคุณได้รับโภชนาการที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะสามารถหาให้ได้ใช่ไหมล่ะ เช่นเดียวกับลูกสุนัขของคุณที่อยู่ในช่วงวัยกำลังเติบโต ร่างกายของพวกเค้าต้องการอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัยเพื่อช่วยรักษาให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรงเช่นกัน

 

อาหารสุนัขพรีเมี่ยมเช่น ไอแอมส์™  ได้ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้สุนัขของคุณได้รับอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลที่สุด

• ผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพสูง

• โภชนาการสูงช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี

• มีระดับโปรตีน ไขมัน เส้นใยอาหาร คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุที่สมดุล

• ให้สารอาหารครบถ้วนเหมาะกับช่วงวัยของสุนัข

• มีส่วนผสมจากวัตถุดิบธรรมชาติที่มีคุณภาพสูง ผ่านขั้นตอนการผลิตคงคุณภาพของสารอาหารไว้อย่างครบถ้วน

• มีกรดไขมันเฉพาะที่สมดุล ช่วยรักษาสุขภาพผิวและเส้นขนของสุนัข

• ผ่านการทดลองในด้านความอร่อยและรสชาติ

• ได้รับคำแนะนำจาก  The Association of American Feed Control Officials (AAFCO)  

• มีการรับประกันสินค้า

 

           ผลลัพธ์ที่จะได้จากอาหารพรีเมียม

 

           อะไรที่จะเพิ่มขึ้นมาบ้าง? สุนัขมีความสุขและมีสุขภาพดีด้วยอาหารสุนัขระดับพรีเมียม สิ่งที่เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่จะช่วยให้สุนัขมีชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพแข็งแรง

 

• มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง
• มีเส้นขนที่นุ่มสลวยและเงางาม
• ผิวหนังมีสุขภาพดี กระดูกแข็งแรง
• มีฟันที่สะอาด
• ดวงตาเป็นประกาย ดูมีสุขภาพที่ดี
• อุจจาระเป็นก้อนและมีขนาดเล็ก
 
 
ตลอด 60 ปีของการวิจัยเกี่ยวกับโภชนาการของอาหารสุนัขสูตรพรีเมียม ไอแอมส์™ยืนยันได้ว่าอาหารของเราจะช่วยรักษาสุขภาพของสุนัขของคุณให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายของสุนัข เพื่อให้สุนัขมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีอายุยืนยาว ซึ่งแบรนด์ทั่วไปอาจจะมีโภชนาการอาหารไม่ครบถ้วนเท่าที่อาหารสุนัข ไอแอมส์™ จะมีให้กับสุนัขของคุณ

 

เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนอาหารให้ลูกสุนัข

เมื่อถึงเวลาที่ลูกสุนัขต้องเปลี่ยนไปกินอาหารสูตรสำหรับสุนัขโต สิ่งที่จะใช้ในการพิจารณาว่าเมื่อไหร่ควรเปลี่ยนอาหารคืออายุของสุนัข และสายพันธุ์ของเขา สุนัขสายพันธุ์เล็กจะโตเร็วกว่าสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ คุณควรทำตามคำแนะนำต่อไปนี้ เพื่อที่จะช่วยคุณตัดสินใจว่าเมื่อไหร่ควรจะเปลี่ยนอาหารห้ลูกสุนัข

 

• สุนัขพันธุ์เล็กที่มีน้ำหนัก 20 ปอนด์ หรือน้อยกว่านั้น ช่วงอายุที่โตเต็มที่พร้อมที่จะกินอาหารสำหรับสุนัขโตก็คือ ช่วง 9-12 เดือน 

• สุนัขสายพันธุ์กลางที่มีน้ำหนักระหว่าง 20-50 ปอนด์ โดยปกติแล้วจะโตเต็มวัยเมื่อมีอายุ 12-14 เดือน

• สุนัขสายพันธุ์ใหญ่ และสุนัขสายพันธุ์ขนาดยักษ์ที่มีน้ำหนักมากกว่า 50 ปอนด์ จะพร้อมเปลี่ยนอาหารเป็นอาหารสำหรับสุนัขโตเมื่อมีอายุ 12-24 เดือน

 

ถึงเวลาเปลี่ยนอาหารให้กับลูกสุนัข

 

เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบลำไส้ของสุนัขระคายเคืองหรือทำให้ท้องเสีย ในช่วง 4 วันแรกของการเปลี่ยนอาหารจากสูตรลูกสุนัขเป็นอาหารสูตรสุนัขโตให้ใช้วิธีผสมอาหารทั้งสองสูตรไว้ในชามเดียวดังต่อไปนี้

 

• วันแรก : ผสมอาหารสูตรสำหรับลูกสุนัข 75% และอาหารสำหรับสุนัขโต 25%
• วันที่สอง : ผสมอาหารสำหรับลูกสุนัขและอาหารสำหรับสุนัขโตในอัตราส่วน 50 : 50
• วันที่สาม : ผสมอาหารสำหรับสุนัขโต 75% และอาหารสำหรับลูกสุนัข 25%
• วันที่สี่ : เปลี่ยนเป็นอาหารสูตรสำหรับสุนัขโต 100%
 
ถ้าอยากทราบว่าควรให้อาหารแก่สุนัขในปริมาณเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม สามารถดูคำแนะนำในการให้อาหารที่เหมาะสมในแต่ละวันได้โดยการอ่านฉลาดด้านข้างผลิตภัณฑ์ 
Dan Carey สัตวแพทย์และผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารทางเทคนิคของ ไอแอมส์™ แนะนำให้ปฎิบัติตามคำแนะนำในฉลากและชั่งน้ำหนักสุนัขของคุณในแต่ละสัปดาห์ หากสุนัขมีน้ำหนักเพิ่มให้ลดปริมาณอาหารรายวันลงเล็กน้อย หรือถ้าสุนัขมีน้ำหนักลดก็ให้เพิ่มปริมาณอาหารรายวันขึ้นเล็กน้อย และชั่งน้ำหนักอีกครั้งในสัปดาห์ต่อไป

หากคุณยังมีสิ่งที่กังวลเกี่ยวกับน้ำหนักของสุนัขของคุณ คุณควรปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อให้สัตวแพทย์ประเมินความต้องการของสุนัขและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการให้อาหารที่เหมาะสมกับสุนัขของคุณ'

  • ก่อนเปิดบ้านต้อนรับลูกสุนัขตัวใหม่ ต้องเตรียมอะไรบ้าง?
    ก่อนเปิดบ้านต้อนรับลูกสุนัขตัวใหม่ ต้องเตรียมอะไรบ้าง?
    adp_description_block400
    ก่อนเปิดบ้านต้อนรับลูกสุนัขตัวใหม่ ต้องเตรียมอะไรบ้าง?

    • แบ่งปัน

    ยินดีด้วย! หากคุณเพิ่งได้รับลูกสุนัขตัวใหม่ เรารู้ดีว่าการพาลูกสุนัขเข้าบ้านครั้งแรกเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกและตื่นเต้น แต่ในขณะเดียวกัน การเลี้ยงเจ้าตัวน้อยเหล่านี้ก็มักจะมาพร้อมความท้าทายและความรับผิดชอบใหม่ ๆ ซึ่งหน้าที่แรกของพ่อแม่มือใหม่คือการเตรียมสิ่งของที่จำเป็นให้พร้อม เจ้าตัวน้อยของคุณจะได้อยู่ในบ้านหลังใหม่อย่างมีความสุข
     

    โดยควรเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นหลังรับลูกสุนัขเข้าบ้านแล้ว ทั้งนี้พ่อแม่มือใหม่บางคนอาจรู้สึกกังวลเมื่อต้องเลือกซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัย เราจึงรวบรวมรายชื่อสิ่งของที่จำเป็น พร้อมด้วยเคล็ดลับดี ๆ อีกมากมายที่จะช่วยให้การต้อนรับลูกสุนัขตัวใหม่ของคุณง่ายยิ่งขึ้น
     

    วิธีอุ้มลูกสุนัขที่ถูกต้อง

    ความน่ารักน่ากอดของลูกสุนัขไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ สิ่งนี้ทำให้ทุกคนอดรนทนไม่ไหว ต้องอุ้มพวกเค้าขึ้นมากอดมาคลอเคลียทุกครั้งที่พบเจอ อย่างไรก็ตาม ลูกสุนัขอยู่ในช่วงวัยกำลังพัฒนา หากอุ้มผิดวิธีอาจทำให้พวกเค้ารู้สึกไม่สบายตัวหรือถึงขั้นได้รับบาดเจ็บ จึงขอแนะนำให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

    1. ขั้นตอนที่ 1 – วางมือข้างหนึ่งไว้ใต้สะโพกของลูกสุนัข ส่วนอีกมือหนึ่งให้วางไว้ใต้หน้าอก
    2. ขั้นตอนที่ 2 – ยกลูกสุนัขขึ้นด้วยแขนทั้งสองข้าง คุณสามารถใช้เทคนิคนี้กับสุนัขตัวเล็กได้ แต่สำหรับสุนัขตัวใหญ่ ให้โอบแขนทั้งสองข้างรอบขา จากนั้นดึงไปที่หน้าอกแล้วค่อยยกขึ้น

    รวมสิ่งของที่จำเป็นสำหรับลูกสุนัข

    เช็กลิสต์สิ่งจำเป็นที่ควรเตรียมให้พร้อมก่อนพาเจ้าตัวน้อยกลับบ้าน มีดังนี้

    1. อาหารสุนัข – แนะนำให้เลือกสูตรอาหารสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะ เนื่องจากพวกเค้าต้องการแคลเซียม ฟอสฟอรัส ไขมัน และโปรตีนปริมาณมาก ซึ่งทำให้อาหารสำหรับลูกสุนัขมีปริมาณแคลอรีสูงกว่าสูตรอื่น ๆ ทั้งนี้โภชนาการมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี ผู้เลี้ยงจึงควรเลือกอาหารคุณภาพดี เหมาะกับขนาดและช่วงวัย อย่างอาหารสุนัขไอแอมส์™ ที่ผลิตจากวัตถุดิบเกรดพรีเมียม ย่อยง่าย ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี มั่นใจได้เลยว่าเจ้าตัวน้อยของคุณจะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนแม้ว่าจะกินในปริมาณน้อย
    2. ขนมสำหรับสุนัข – ขนมสำหรับสุนัขมักจะแบ่งเป็น 2 ชนิด คือขนมสูตรเฮลตี้ ดีต่อสุขภาพ เช่น ขนมขัดฟัน และขนมสำหรับใช้ฝึก
    3. เตียงนอน – น้องหมาควรได้ทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่ม ๆ หลังออกไปผจญภัยหรือวิ่งเล่นกันมาทั้งวัน โดยเตียงนอนที่ดีต้องเหมาะกับขนาดตัวของน้องหมา อาจเตรียมหมอนหนุนหรือผ้าห่มเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้พวกเค้าเพิ่มเติมได้
    4. ชามอาหารและชามน้ำ – เป็นอีกหนึ่งไอเทมสำคัญสำหรับน้องหมาทุกตัว โดยแนะนำให้เลือกจากขนาดและวิธีการกินของลูกสุนัข ไม่ควรใช้ชามใบเดียวกันทั้งสำหรับให้อาหารและให้น้ำ อาจเลือกใช้เป็นชามสเตนเลส เนื่องจากแข็งแรงทนทาน ทำความสะอาดง่าย และไม่ดูดซับกลิ่น
    5. กรงหรือกระเป๋าสำหรับสุนัข – ถือเป็นตัวช่วยที่ดีเมื่อต้องพาน้องหมาออกนอกบ้านหรือเดินทางไกล ทั้งกรงและกระเป๋ามีให้เลือกหลากหลายแบบ แต่ควรเลือกให้เหมาะกับขนาดและสายพันธุ์ของน้องหมา หรือหากต้องการพาน้องหมาขึ้นเครื่องบิน ก็ควรเลือกรูปแบบที่ได้รับการรับรองจากสายการบินนั้น ๆ เพราะจะทำให้เดินทางได้ง่ายขึ้น
    6. เสื้อผ้า – ในช่วงที่มีอากาศเย็นหรืออากาศชื้น ควรใส่เสื้อผ้าที่แห้งและสะอาดให้กับน้องหมา เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและป้องกันไม่ให้เจ้าตัวน้อยของคุณเป็นหวัด ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าเนื้อผ้าไม่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง
    7. ปลอกคอและสายจูง – ขนาดของปลอกคอและสายจูงเป็นสิ่งสำคัญ น้องหมาต้องหายใจสะดวก ไม่อึดอัด และเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเมื่อสวมใส่ ควรเลือกปลอกคอที่ปรับขนาดได้และถอดออกง่าย เมื่อใส่แล้วควรมีพื้นที่ว่างระหว่างปลอกคอประมาณสองนิ้วมือ ส่วนสายจูงควรเลือกที่ทำจากเชือกไนลอนยาว 6 ฟุตหรือประมาณ 1.8 เมตร และควรมีความกว้างประมาณ ½ - ¾ นิ้ว
    8. ของเล่น – เพื่อความสุขและความสนุกของเจ้าตัวน้อย ผู้เลี้ยงควรเตรียมของเล่นหลาย ๆ ชนิดติดบ้านเอาไว้ เช่น ของเล่นสำหรับกัดแทะ ตุ๊กตานุ่มนิ่มสำหรับกอดนอน และของเล่นสำหรับฝึกทักษะ ของเล่นเหล่านี้จะช่วยให้พวกเค้ากระฉับกระเฉงและสดชื่น หลีกเลี่ยงการซื้อของเล่นขนาดเล็ก เพื่อป้องกันน้องหมากินหรือกลืนเข้าไปจนเกิดอันตราย
    9. ถุงเก็บมูลสัตว์ – เมื่อพาน้องหมาออกไปเดินเล่นในที่สาธารณะ เจ้าของควรเตรียมถุงเก็บมูลสัตว์เพื่อทำความสะอาดหลังน้องหมาขับถ่าย เพราะในหลายพื้นที่มีกฎและข้อกำหนดสำหรับเรื่องนี้ หากไม่ทำตามอาจถูกปรับและโดนตักเตือนได้
    10. อุปกรณ์สำหรับการกรูมมิ่ง – แชมพู แปรงและหวี กรรไกรตัดเล็บ ยาสีฟันและแปรงสีฟัน น้ำยาทำความสะอาดสำหรับสุนัข ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดูแลเจ้าตัวน้อยของคุณ
    11. ป้ายชื่อ – อย่าลืมสั่งทำป้ายชื่อน่ารัก ๆ ห้อยกับปลอกคอของเจ้าตัวน้อยกันด้วย ป้ายชื่อควรระบุชื่อของลูกสุนัข หมายเลขโทรศัพท์ของคุณ หรือหมายเลขโทรศัพท์คลินิกสัตว์ที่คุณไปประจำ
    12. รั้วหรือประตูกั้น – สิ่งสุดท้ายที่ควรมีคือรั้วหรือประตูกั้น สิ่งนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันการรบกวนเมื่อคุณต้องการเวลาส่วนตัวหรือเมื่อมีเด็กเล่นในบ้านได้เป็นอย่างดี

    การเตรียมพร้อมเพื่อช่วยให้ลูกสุนัขปรับตัวได้ดียิ่งขึ้น

    ผู้เลี้ยงอาจต้องจัดเตรียมพื้นที่และสิ่งของบางอย่างเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ลูกสุนัขปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ดียิ่งขึ้น โดยคุณสามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้ได้

    1. ขั้นตอนที่ 1 – จัดเตรียมพื้นที่ขับถ่ายให้พร้อมและเริ่มฝึกพวกเค้าให้ขับถ่ายเป็นที่ตั้งแต่เนิ่น ๆ หากลูกสุนัขขับถ่ายในที่ที่ถูกต้อง ก็ควรให้ขนมเป็นรางวัล
    2. ขั้นตอนที่ 2 – วางกรงและเบาะนอนของลูกสุนัขไว้ในที่เฉพาะ เลือกพื้นที่ที่สงบและห่างจากความวุ่นวาย เพื่อให้พวกเค้าได้พักผ่อนอย่างเต็มที่โดยเฉพาะในช่วงวันแรก ๆ
    3. ขั้นตอนที่ 3 – ปล่อยให้เจ้าตัวน้อยได้สำรวจบ้านใหม่และทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ บ้าน แต่ก่อนอื่นควรเก็บกวาดบ้านให้เรียบร้อย เก็บของมีคมหรือข้าวของอันตรายให้มิดชิด และอย่าปล่อยให้พื้นลื่น เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
    4. ขั้นตอนที่ 4 – แนะนำทุกคนให้รู้จักกับลูกสุนัขตัวใหม่กันตั้งแต่วันแรก คุณอาจพบว่าลูกสุนัขจะตื่นเต้นมากและจะพยายามคลุกคลีกับทุกคนรอบตัว โดยสามารถชวนลูกสุนัขเล่นด้วยได้ แต่ต้องไม่บังคับหรือทำให้พวกเค้ารู้สึกเครียด หากพวกเค้าพยายามซ่อนตัว ก็ควรปล่อยให้ใช้เวลาตามลำพัง อาจลองให้ขนมหรือลูบตัวเบา ๆ เพื่อให้พวกเค้ารู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

    การเลี้ยงลูกสุนัขตัวใหม่ให้อยู่ร่วมกับเด็กเล็ก

    ควรให้โอกาสลูก ๆ ของคุณมีส่วนร่วมในการรับเลี้ยงลูกสุนัขตัวใหม่ เพื่อให้เด็ก ๆ รู้สึกผูกพันกับสมาชิกใหม่ของครอบครัวมากขึ้น เมื่อได้ลูกสุนัขกลับบ้านแล้ว คุณสามารถปล่อยให้พวกเค้าเล่นด้วยกันได้ แต่ควรจำกัดเวลาการเล่นให้อยู่ในช่วง 15 – 30 นาที สองครั้งหรือสามครั้งต่อวัน เนื่องจากลูกสุนัขอยู่ในวัยที่ต้องการเวลาพักผ่อนมาก นอกจากนี้ช่วงเวลาที่เด็ก ๆ อยู่กับลูกสุนัข ควรมีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัย
     

    การแนะนำลูกสุนัขตัวใหม่กับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น

    ลูกสุนัขส่วนใหญ่มีนิสัยอยากรู้อยากเห็นและยังคงไร้เดียงสา จึงจำเป็นต้องดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อต้องแนะนำให้พวกเค้ารู้จักกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นในบ้าน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการปะทะ เริ่มด้วยการพาลูกสุนัขไปหาสุนัขที่โตกว่า ปล่อยให้พวกเค้าใช้เวลาร่วมกัน ไม่ต้องกังวลหากพวกเค้าจะดมหรือเลียกันเพราะเป็นการทักทายกันตามปกติ แต่หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มกัดหรือเห่าใส่กัน ให้รีบเข้าไปแยกออก
     

    แม้ว่าการนำลูกสุนัขกลับบ้านจะเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนาน แต่อย่าลืมเตรียมสิ่งของที่จำเป็นทั้งหมดให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นอาหาร อุปกรณ์ดูแลขน เตียงนอน และขนมแสนอร่อย นอกจากนี้คุณควรสร้างสภาพแวดล้อมในบ้านให้ปลอดภัยและมั่นคงเพื่อให้ลูกสุนัขเติบโตอย่างแข็งแรง