การเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายเป็นตัวบ่งชี้ว่าสุนัขของคุณโตเต็มวัยแล้วหรือยัง ด้วยอายุที่มากขึ้น ระบบต่างๆ ในร่างกายจะทำงานได้ช้าลง เซลล์ในร่างกายเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การซ่อมแซมส่วนสึกหรอกลับช้าลง แค่หากคุณดูแลพวกเค้าอย่างใกล้ชิด และเลือกให้อาหารสูตรเฉพาะที่เหมาะกับช่วงวัยของพวกเค้า ก็ช่วยจะให้พวกเค้ามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้
เมื่อสุนัขของคุณมีอายุมากขึ้น ควรหมั่นสังเกตสิ่งที่บ่งบอกถึงความชรา เช่น ผิวหนังหยาบ ผิวแห้งและลอกเป็นขุย ข้อต่อไม่แข็งแรง ไม่มีเรี่ยวแรง น้ำหนักเพิ่มขึ้น กินน้ำมากขึ้น มีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหาร และท้องผูกบ่อยครั้ง อาการเหล่านี้อาจมีสาเหตุมาจากความชราหรืออาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงควรสังเกตเป็นประจำ และเมื่อพบสิ่งผิดปกติก็ควรรีบพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์
พันธุกรรมและสภาพแวดล้อมส่งผลต่อพัฒนาการตามวัยของสุนัข โภชนาการเองก็เป็นส่วนที่สำคัญ การเลือกอาหารที่ดีมีคุณภาพ จะช่วยให้สุนัขของุณได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล ส่งผลให้พวกเค้ามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
เมื่อสุนัขของคุณมีอายุมากขึ้น การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายก็มีประสิทธิภาพลดลง อาหารจึงกลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญที่จะช่วยเสริมส่วนที่ร่างกายขาดแคลน อ้างอิงจากสัตวแพทย์และนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการของสุนัขสูงวัย Michael Hayek กล่าวว่า สุนัขที่สูงวัยต้องการสารอาหารแบบเดียวกับสุนัขโตเต็มวัย เพียงแต่มีวิธีการให้อาหารและปริมาณที่ควรได้รับแตกต่างออกไป
เมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพโดยรวมของสุนัข เรามักจะมองข้ามสุขภาพของลำไส้ แต่ความจริงแล้ว ลำไส้มีความสำคัญไม่แพ้อวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายเลย นี่ทำให้พรีไบโอติกและโปรไบโอติกเริ่มมีบทบาทมากขึ้น สองสิ่งนี้คือจุลินทรีย์ชนิดดีที่อาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหารของสุนัข มันช่วยเสริมการย่อยอาหาร ต่อสู้กับเชื้อโรค และเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
โปรไบโอติกมาจากคำภาษาละติน 'สำหรับ (pro)' และคำภาษากรีก 'ชีวิต (bio)' ซึ่งหมายถึง “สำหรับชีวิต” หรือ “ส่งเสริมชีวิต” โปรไบโอติกเป็นแบคทีเรียและยีสต์ชนิดดีซึ่งจำเป็นต่อสุขภาพของสุนัข มันช่วยฟื้นฟูและรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ในร่างกายของสุนัขมีโปรไบโอติกอยู่หลายชนิด แต่ชนิดที่พบได้บ่อยคือ
หลายคนอาจสับสนและคิดว่าพรีไบโอติกคือตัวยับยั้งโปรไบโอติก แต่ในความเป็นจริง ทั้งสองทำงานร่วมกัน พรีไบโอติกเป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงและส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียดีที่อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมการทำงานของโปรไบโอติก
โปรไบโอติกเป็นส่วนผสมที่จำเป็นในอาหารสุนัข และมีประโยชน์มากมาย เช่น
เราจะเสริมโปรไบติกให้สุนัขเมื่อความสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ผิดปกติ ซึ่งเกิดได้จากความเครียด การเปลี่ยนอาหาร หรือการใช้ยาปฏิชีวนะ โดยความผิดปกตินี้อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น อาหารไม่ย่อย
โปรไบโอติกมีส่วนช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร ด้วยการควบคุมปริมาณและปรับสมดุลแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้
นอกจากจะส่งเสริมสุขภาพระบบทางเดินอาหารแล้ว โปรไบโอติกยังช่วยลดปริมาณการใช้ยาปฏิชีวนะ รวมถึงลดระยะเวลาและความรุนแรงของอาการท้องเสีย ทั้งนี้ในปี 2009 มีผลการศึกษาจากประเทศไอร์แลนด์ โดยพบว่าการเสริม “บิฟิโดแบคทีเรียม อะนิมอลิสสายพันธุ์เฉพาะ” (Bifidobacterium Animalis) ช่วยให้อาการท้องเสียหายเร็วขึ้น จากเจ็ดเหลือเพียงสี่วันเท่านั้น
คำตอบคือได้ โปรไบโอติกช่วยปรับสมดุลและพัฒนาระบบนิเวศของแบคทีเรียในลำไส้ ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และลดการเกิดอาการท้องเสีย ท้องผูก รวมไปถึงการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
จำเป็นมาก คุณควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนให้โปรไบโอติกหรือพรีไบโอติกสุนัขเสมอ เนื่องจากมีตัวเลือกมากมายในท้องตลาด แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะมีคุณภาพสูงและมีได้มาตรฐาน สัตวแพทย์สามารถแนะนำตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขของคุณได้
เนื่องจากพ่อแม่สุนัขให้ความสำคัญกับสุขภาพระบบทางเดินอาหารของสุนัขมากขึ้น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโปรไบโอติกจึงมีบทบาทมากขึ้น ขอแนะนำไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ อาหารเสริมรูปแบบเม็ด มีเนื้อสัมผัสนุ่ม เคี้ยวง่าย ที่สำคัญคือมีส่วนผสมของพรีไบโอติกและโปรไบโอติกที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารมีสุขภาพดี
อาการท้องเสีย ท้องผูก ท้องอืด หรืออาเจียน บ่งบอกถึงปัญหาในระบบทางเดินอาหาร หากน้องหมาของคุณมีอาการเหล่านี้ สามารถบรรเทาได้ด้วยการเสริมโปรไบโอติกที่มีบาซิลลัส ซับทิลิส (Bacillus Subtilis) และฟรุคโต โอลิโกแซคคาไรค์ (FOS) โปรไบโอติกทั้งสองชนิดจะช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ในอุจจาระ ลดการผลิตแอมโมเนียและกลิ่นอุจจาระ พร้อมทั้งเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้
ประโยชน์ของโปรไบโอติกสำหรับสุนัขนั้นมีมากมาย ช่วยส่งเสริมสุขภาพระบบทางเดินอาหาร ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของสุนัข การเสริมโปรไบโอติกจะช่วยให้น้องหมาสุขภาพดีและมีความสุขมากขึ้น