สุนัขแต่ละตัวมีความแตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อเลือกอาหารสำหรับพวกเค้า คุณจะต้องคำนึงถึงสายพันธุ์ ขนาด อายุ น้ำหนัก และไลฟ์สไตล์ของสุนัขด้วย และสำหรับสุนัขที่อยู่ในช่วงโตเต็มวัย พวกเค้าจะกินอาหารในปริมาณที่มากขึ้น โดย Madan Khare, DVM ได้แนะนำเพิ่มเติมว่าการให้อาหารสุนัขวัยนี้ควรจำกัดการให้อาหารเพียงวันละ 1-2 ครั้งขึ้นอยู่กับกิจกรรมของเค้า โดยปริมาณการให้อาหารในแต่ละวันคุณสามารถปรึกษาสัตวแพทย์หรืออ่านฉลากข้างผลิตภัณฑ์ได้
เมื่อลูกสุนัขของคุณเริ่มเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัย เจ้าของก็ควรเปลี่ยนอาหารให้พวกเค้าด้วย (เช่นไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ สูตรสุนัขโตเต็มวัย) โดยการเปลี่ยนอาหารสุนัข คุณจะต้องค่อย ๆ เปลี่ยน และนี่ก็คือตารางเวลาสำหรับการเปลี่ยนจากอาหารสำหรับลูกสุนัขเป็นอาหารสำหรับสุนัขโตเต็มวัย
วันที่ 1: ให้อาหารสำหรับลูกสุนัขในปริมาณ 75% และให้อาหารสำหรับสุนัขโตเต็มวัยในปริมาณ 25%
วันที่ 2: ให้อาหารทั้งสองชนิดในปริมาณ 50%
วันที่ 3: ให้อาหารสำหรับสุนัขโตเต็มวัยในปริมาณ 75% และให้อาหารสำหรับลูกสุนัขในปริมาณ 25%
วันที่ 4: ให้สำหรับสุนัขโตเต็มวัยในปริมาณเต็ม 100%
การให้อาหารสุนัขที่เต็มไปด้วยโปรตีนที่มีคุณภาพทั้งจากเนื้อไก่ เนื้อแกะ และปลา พร้อมกับให้สารอาหารจำเป็นอย่างครบถ้วน จะทำให้พวกเค้ามีความสุขและมีสุขภาพที่ดี
นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณไม่ควรให้อาหารมนุษย์แก่พวกเค้า เนื่องจากจะทำให้เสียสมดุลในระบบการย่อยอาหาร รวมไปถึงการให้ขนมหรือบิสกิตควรมองหาขนมที่มีน้ำตาล เกลือ และไขมันในปริมาณที่ค่ำ และสุดท้ายนี้อย่าลืมให้พวกเค้ากินน้ำสะอาดควบคู่กับการกินอาหารที่ดีด้วย
เนื่องจากสุนัขสูงวัยเริ่มมีปัญหาด้านสภาพร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ปัญหากระดูกและข้อต่อ ดังนั้นสัตวแพทย์จึงแนะนำอาหารสูตรสำหรับสุนัขสูงวัยโดยเฉพาะ เพื่อให้พวกเค้าได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการ โดยเจ้าของที่มีสุนัขเข้าสู่ช่วงสูงวัยควรเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงและวิธีการดูแลสุขภาพของพวกเค้าเหล่านั้นเพิ่มเติม
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่คุณสามารถช่วยให้สุนัขสูงวัยของคุณจัดการกับปัญหาสุขภาพทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับอายุที่มากขึ้นกันเถอะ
สุนัขสูงวัยมักมีแนวโน้มที่จะน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่ทานอาหารในปริมาณเท่าเดิม โดยสาเหตุเกิดจากอัตราการเผาผลาญในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นพวกเค้าต้องได้รับปริมาณอาหารที่มีไขมันและแคลอรี่ลดลง
งานวิจัยล่าสุดของ ไอแอมส์™ได้ทำการศึกษาวิจัยแล้วพบว่า แอล - คาร์นิทีน สามารถช่วยลดน้ำหนักในสุนัขที่มีปัญหาน้ำหนักเกินได้ โดยการเป็นตัวพาไขมันเข้าไปสู่ไมโตรคอนเดรียภายในเซลล์ เพื่อเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงาน
โปรตีนเป็นสารอาหารที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง โดยล่าสุดทางบริษัท IAMS ได้ออกมาเผยว่าการที่ให้สุนัขสูงวัยกินอาหารที่มีโปรตีนสูง จะช่วยเสริมสร้างสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น ทำให้พวกเค้าสามารถเคลื่อนไหวทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างดียิ่งขึ้น
แต่ผลการวิจัยนี้ก็จะไม่ตรงกับความเชื่อที่ว่าสุนัขสูงวัยควรได้รับโปรตีนในระดับต่ำ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไตทำงานหนัก แต่อย่างไรก็ตามพบว่า สุนัขที่ไตทำงานหนักจากอาหารโปรตีนสูง มีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าสุนัขที่ได้รับสารอาหารโปรตีนต่ำ
เมื่อสุนัขเข้าสู่ช่วงสูงวัย กระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ก็เริ่มเสื่อมสภาพลง ดังนั้นการดูแลเรื่องโภชนาการก็สามารถช่วยเสริมสร้างให้พวกเค้ามีกระดูกและข้อต่อที่ดีขึ้นได้ โดยมีตัวช่วยดังนี้
• การได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่เหมาะสม จะช่วยในการเสริมสร้างกระดูก และเส้นประสาทให้กลับมามีประสิทธิภาพ
• ปรับสมดุลในโภชนาการของกรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ให้เหมาะสมต่อการเสริมสร้างข้อต่อ
ผู้ผลิตอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงบางรายเชื่อว่าหากสุนัขสูงวัยได้รับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในปริมาณมาก จะทำให้มีอันตรายต่อไต แต่อย่างไรก็ตามมีการวิจัยพบว่า ไม่มีการสะสมของแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ทำให้เกิดอันตรายต่อไตของสุนัขสูงวัยที่ได้รับการบำรุงด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัสตลอดระยะเวลา 4 ปี (อ้างอิงโดยงานวิจัย “ผลกระทบของความชราและการบริโภคโปรตีนในอาหารของสุนัขสูงวัยที่ไม่ได้รับการผ่าตัด” ของ Finco, DR. ในวารสารวิจัยสัตวแพทย์แห่งอเมริกา ฉบับที่ 55)
* DR. Finco “ ผลของการความชราและการบริโภคโปรตีนในอาหารของสุนัขสูงอายุที่ไม่ได้รับการผ่าตัด” วารสารวิจัยสัตวแพทย์แห่งอเมริกา; ฉบับที่ 55, No. 9. สิงหาคม 1994 .
