สำหรับเจ้าของสุนัขเมื่อเป็นเรื่องการทำหมัน บางครั้งก็อาจจะมีความไม่แน่ใจหรือขาดข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเรื่องค่าใช้จ่าย ระยะเวลาที่เหมาะสม รวมถึงการผสมพันธุ์ของสุนัข เราจึงรวบรวมข้อควรรู้เกี่ยวกับการทำหมันลูกสุนัขมาให้คุณ
· สำหรับสุนัขเพศเมีย เมื่อทำหมันแล้วก็จะหมดปัญหาเรื่องการเป็นสัดในรอบ 21 วัน ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆ 6 เดือน โดยอาการติดสัดในสุนัขเพศเมียจะเริ่มตั้งแต่อายุประมาณ 6 เดือนเป็นต้นไป
ทำหมันเมื่อไหร่ดีนะ?
สุนัขจะเริ่มทำหมันได้เมื่ออายุ 6 เดือนเป็นต้นไป ทั้งนี้ขั้นตอนในการทำหมันจะมีการดมยาสลบและอาจต้องพักค้างคืน แต่ก็ไม่ต้องกังวลไปนะ เพราะพวกเค้าจะใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน ส่วนใหญ่ก็จะกลับมาทำกิจกรรมตามปกติได้ภายในไม่กี่วัน โดยการทำหมันในเพศเมียคือการตัดรังไข่และมดลูกออก ส่วนในเพศผู้จะตัดอัณฑะและท่อนำอสุจิออก
ทั้งนี้เมื่อคุณต้องการทำหมันให้สุนัข ควรไปปรึกษาสัตวแพทย์ถึงขั้นตอนและความพร้อมของสุนัขก่อน
เมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพโดยรวมของสุนัข เรามักจะมองข้ามสุขภาพของลำไส้ แต่ความจริงแล้ว ลำไส้มีความสำคัญไม่แพ้อวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายเลย นี่ทำให้พรีไบโอติกและโปรไบโอติกเริ่มมีบทบาทมากขึ้น สองสิ่งนี้คือจุลินทรีย์ชนิดดีที่อาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหารของสุนัข มันช่วยเสริมการย่อยอาหาร ต่อสู้กับเชื้อโรค และเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
โปรไบโอติกมาจากคำภาษาละติน 'สำหรับ (pro)' และคำภาษากรีก 'ชีวิต (bio)' ซึ่งหมายถึง “สำหรับชีวิต” หรือ “ส่งเสริมชีวิต” โปรไบโอติกเป็นแบคทีเรียและยีสต์ชนิดดีซึ่งจำเป็นต่อสุขภาพของสุนัข มันช่วยฟื้นฟูและรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ในร่างกายของสุนัขมีโปรไบโอติกอยู่หลายชนิด แต่ชนิดที่พบได้บ่อยคือ
หลายคนอาจสับสนและคิดว่าพรีไบโอติกคือตัวยับยั้งโปรไบโอติก แต่ในความเป็นจริง ทั้งสองทำงานร่วมกัน พรีไบโอติกเป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงและส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียดีที่อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมการทำงานของโปรไบโอติก
โปรไบโอติกเป็นส่วนผสมที่จำเป็นในอาหารสุนัข และมีประโยชน์มากมาย เช่น
เราจะเสริมโปรไบติกให้สุนัขเมื่อความสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ผิดปกติ ซึ่งเกิดได้จากความเครียด การเปลี่ยนอาหาร หรือการใช้ยาปฏิชีวนะ โดยความผิดปกตินี้อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น อาหารไม่ย่อย
โปรไบโอติกมีส่วนช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร ด้วยการควบคุมปริมาณและปรับสมดุลแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้
นอกจากจะส่งเสริมสุขภาพระบบทางเดินอาหารแล้ว โปรไบโอติกยังช่วยลดปริมาณการใช้ยาปฏิชีวนะ รวมถึงลดระยะเวลาและความรุนแรงของอาการท้องเสีย ทั้งนี้ในปี 2009 มีผลการศึกษาจากประเทศไอร์แลนด์ โดยพบว่าการเสริม “บิฟิโดแบคทีเรียม อะนิมอลิสสายพันธุ์เฉพาะ” (Bifidobacterium Animalis) ช่วยให้อาการท้องเสียหายเร็วขึ้น จากเจ็ดเหลือเพียงสี่วันเท่านั้น
คำตอบคือได้ โปรไบโอติกช่วยปรับสมดุลและพัฒนาระบบนิเวศของแบคทีเรียในลำไส้ ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และลดการเกิดอาการท้องเสีย ท้องผูก รวมไปถึงการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
จำเป็นมาก คุณควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนให้โปรไบโอติกหรือพรีไบโอติกสุนัขเสมอ เนื่องจากมีตัวเลือกมากมายในท้องตลาด แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะมีคุณภาพสูงและมีได้มาตรฐาน สัตวแพทย์สามารถแนะนำตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขของคุณได้
เนื่องจากพ่อแม่สุนัขให้ความสำคัญกับสุขภาพระบบทางเดินอาหารของสุนัขมากขึ้น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโปรไบโอติกจึงมีบทบาทมากขึ้น ขอแนะนำไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ อาหารเสริมรูปแบบเม็ด มีเนื้อสัมผัสนุ่ม เคี้ยวง่าย ที่สำคัญคือมีส่วนผสมของพรีไบโอติกและโปรไบโอติกที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารมีสุขภาพดี
อาการท้องเสีย ท้องผูก ท้องอืด หรืออาเจียน บ่งบอกถึงปัญหาในระบบทางเดินอาหาร หากน้องหมาของคุณมีอาการเหล่านี้ สามารถบรรเทาได้ด้วยการเสริมโปรไบโอติกที่มีบาซิลลัส ซับทิลิส (Bacillus Subtilis) และฟรุคโต โอลิโกแซคคาไรค์ (FOS) โปรไบโอติกทั้งสองชนิดจะช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ในอุจจาระ ลดการผลิตแอมโมเนียและกลิ่นอุจจาระ พร้อมทั้งเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้
ประโยชน์ของโปรไบโอติกสำหรับสุนัขนั้นมีมากมาย ช่วยส่งเสริมสุขภาพระบบทางเดินอาหาร ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของสุนัข การเสริมโปรไบโอติกจะช่วยให้น้องหมาสุขภาพดีและมีความสุขมากขึ้น