1. พบสัตวแพทย์
ก่อนที่คุณเริ่มควบคุมน้ำหนักให้สุนัข ควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อน เพื่อตรวจเช็กสุขภาพอย่างละเอียดและหาวิธีที่เหมาะสม
2. ดูแลเรื่องอาหารให้ดี
ขนมและอาหารของคนอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สุนัขของคุณมีน้ำหนักเกิน Eldredge กล่าวว่า หากการลดปริมาณมื้ออาหารระหว่างมื้อไม่ได้ผล ให้ลองเปลี่ยนสูตรอาหารแต่ให้ในปริมาณเท่า สามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำได้
3. ให้พวกเค้ากินผักบ้าง
ถั่วเขียว ฟักทอง และแครอท เป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำเหมาะจะเป็นของว่างสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ
4. ลดปริมาณแต่ไม่ลดจำนวนครั้ง
จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า สุนัขสามารถนับจำนวนครั้งได้มากถึงหกหรือเจ็ดครั้ง Eldredge กล่าว หากพวกเค้าคุ้นเคยกับการได้รับบิสกิตสองชิ้นก็ให้แบ่งบิสกิตหนึ่งชิ้นเป็นสองส่วนแทน โดยการนับของพวกเค้า นั่นเท่ากับว่ายังคงได้รับรางวัลสองชิ้นเท่าเดิม!
5. ให้รางวัลแบบใหม่
แน่นอนว่าสุนัขชอบที่ได้กินขนมแสนอร่อย แต่ในขณะเดียวกันพวกเค้าก็ชอบการเดินเล่น การเล่นสนุก หรือได้ทำกิจกรรมกับคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการให้รางวัลจากการให้ขนมเป็นอาหารเม็ดสองสามเม็ดแทน
6. ทำแบบทดสอบความหิว
สุนัขของคุณชอบมองคุณด้วยตาใสใสในตอนที่คุณกำลังกินขนมหรืออาหารกันไหม พวกเค้าอาจจะไม่ได้หิวก็ได้ ลองให้อาหารเม็ดกับพวกเค้าดู หากพวกเค้าไม่ยอมกิน นั่นแปลว่าพวกเค้าไม่ได้หิวแต่อยากกินขนมในมือคุณต่างหากล่ะ
7. ชั่งน้ำหนัก
หากสุนัขของคุณมีน้ำหนักที่ต้องลดลงอีกเพียงไม่กี่กิโลกรัม มันอาจเป็นเรื่องยากที่จะวัดว่าพวกเค้ามีความก้าวหน้าหรือไม่ ให้ลองชั่งน้ำหนักบ่อยๆ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง
ยินดีด้วย! หากคุณเพิ่งได้รับลูกสุนัขตัวใหม่ เรารู้ดีว่าการพาลูกสุนัขเข้าบ้านครั้งแรกเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกและตื่นเต้น แต่ในขณะเดียวกัน การเลี้ยงเจ้าตัวน้อยเหล่านี้ก็มักจะมาพร้อมความท้าทายและความรับผิดชอบใหม่ ๆ ซึ่งหน้าที่แรกของพ่อแม่มือใหม่คือการเตรียมสิ่งของที่จำเป็นให้พร้อม เจ้าตัวน้อยของคุณจะได้อยู่ในบ้านหลังใหม่อย่างมีความสุข
โดยควรเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นหลังรับลูกสุนัขเข้าบ้านแล้ว ทั้งนี้พ่อแม่มือใหม่บางคนอาจรู้สึกกังวลเมื่อต้องเลือกซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัย เราจึงรวบรวมรายชื่อสิ่งของที่จำเป็น พร้อมด้วยเคล็ดลับดี ๆ อีกมากมายที่จะช่วยให้การต้อนรับลูกสุนัขตัวใหม่ของคุณง่ายยิ่งขึ้น
ความน่ารักน่ากอดของลูกสุนัขไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ สิ่งนี้ทำให้ทุกคนอดรนทนไม่ไหว ต้องอุ้มพวกเค้าขึ้นมากอดมาคลอเคลียทุกครั้งที่พบเจอ อย่างไรก็ตาม ลูกสุนัขอยู่ในช่วงวัยกำลังพัฒนา หากอุ้มผิดวิธีอาจทำให้พวกเค้ารู้สึกไม่สบายตัวหรือถึงขั้นได้รับบาดเจ็บ จึงขอแนะนำให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
เช็กลิสต์สิ่งจำเป็นที่ควรเตรียมให้พร้อมก่อนพาเจ้าตัวน้อยกลับบ้าน มีดังนี้
ผู้เลี้ยงอาจต้องจัดเตรียมพื้นที่และสิ่งของบางอย่างเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ลูกสุนัขปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ดียิ่งขึ้น โดยคุณสามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้ได้
ควรให้โอกาสลูก ๆ ของคุณมีส่วนร่วมในการรับเลี้ยงลูกสุนัขตัวใหม่ เพื่อให้เด็ก ๆ รู้สึกผูกพันกับสมาชิกใหม่ของครอบครัวมากขึ้น เมื่อได้ลูกสุนัขกลับบ้านแล้ว คุณสามารถปล่อยให้พวกเค้าเล่นด้วยกันได้ แต่ควรจำกัดเวลาการเล่นให้อยู่ในช่วง 15 – 30 นาที สองครั้งหรือสามครั้งต่อวัน เนื่องจากลูกสุนัขอยู่ในวัยที่ต้องการเวลาพักผ่อนมาก นอกจากนี้ช่วงเวลาที่เด็ก ๆ อยู่กับลูกสุนัข ควรมีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัย
ลูกสุนัขส่วนใหญ่มีนิสัยอยากรู้อยากเห็นและยังคงไร้เดียงสา จึงจำเป็นต้องดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อต้องแนะนำให้พวกเค้ารู้จักกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นในบ้าน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการปะทะ เริ่มด้วยการพาลูกสุนัขไปหาสุนัขที่โตกว่า ปล่อยให้พวกเค้าใช้เวลาร่วมกัน ไม่ต้องกังวลหากพวกเค้าจะดมหรือเลียกันเพราะเป็นการทักทายกันตามปกติ แต่หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มกัดหรือเห่าใส่กัน ให้รีบเข้าไปแยกออก
แม้ว่าการนำลูกสุนัขกลับบ้านจะเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนาน แต่อย่าลืมเตรียมสิ่งของที่จำเป็นทั้งหมดให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นอาหาร อุปกรณ์ดูแลขน เตียงนอน และขนมแสนอร่อย นอกจากนี้คุณควรสร้างสภาพแวดล้อมในบ้านให้ปลอดภัยและมั่นคงเพื่อให้ลูกสุนัขเติบโตอย่างแข็งแรง