IAMS TH
4 Tips for Changing Your Dog’s Diet
4 Tips for Changing Your Dog’s Diet-mob

adp_description_block140
4 เคล็ดลับในการเปลี่ยนอาหารสุนัข

  • แบ่งปัน

การเปลี่ยนอาหารสุนัขเป็นอาหารใหม่ต้องใช้การวางแผน เนื่องจากสุนัขเป็นสัตว์ที่มีนิสัยคงเส้นคงวา ชอบอาหารปัจจุบันที่มีอยู่แล้วเช่นเดียวกับเรา พวกเค้าคุ้นเคยกับอาหารเดิมและอาจไม่ตื่นเต้นกับกิจวัตรใหม่ ๆ เคล็ดลับการให้อาหารสุนัขเหล่านี้จะช่วยให้สุนัขของคุณพึงพอใจ
 

4 เคล็ดลับในการเปลี่ยนสุนัขของคุณเป็นอาหารใหม่ให้ประสบความสำเร็จ
 

1. ค่อย ๆ แนะนำอาหารใหม่


เมื่อสุนัขของคุณผ่อนคลายพร้อมเปลี่ยนอาหาร ให้คำนึงว่า “ช้าและมั่นคง” เริ่มต้นด้วยการผสมอาหารใหม่ 25% กับอาหารเดิม 75% ปรับสัดส่วนอย่างช้า ๆ ในอีก 3 วันข้างหน้าโดยค่อย ๆ เพิ่มอาหารใหม่และลดปริมาณอาหารเดิม นี่คือตารางการให้อาหารตัวอย่าง :

• วันที่ 1: อาหารใหม่ 25%, อาหารเดิม 75% 
• วันที่ 2: อาหารใหม่ 50%, อาหารเดิม 50% 
• วันที่ 3: อาหารใหม่ 75%, อาหารเดิม 25%
 
ในตอนท้ายของกระบวนการเปลี่ยนอาหารนี้ คุณควรให้อาหารใหม่ 100% สุนัขของคุณอาจต้องการกินอาหารเดิมอย่างเดียว หรือไม่กินเลย ไม่ต้องกังวล คุณต้องใช้ความอดทนซักหน่อย เค้าอาจจะไม่กินอาหารได้หนึ่งหรือสองวันโดยไม่ส่งผลให้ป่วย

2. ดูภาษากายของคุณ

เมื่อนำอาหารใหม่เข้าไปในบ้านของคุณ ให้เทลงในชามสุนัขของคุณและบอกว่าเค้าควรกินมัน อาจทำให้สุนัขของคุณหิวโหย แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะแสดงว่าใครเป็นเจ้านาย มันดีกว่าที่จะแนะนำอาหารใหม่โดยใช้น้ำเสียงที่ไพเราะ และกระตุ้นให้เขาลองอาหารใหม่

3. อย่ายอมแพ้กับความต้องการ

ความเพียรพยายามเป็นกุญแจสำคัญ! ในช่วงสองวันแรกของการเปลี่ยนอาหาร อย่าให้ขนมหรืออาหารเพิ่ม สุนัขเองก็ฝึกเราเท่าที่เราฝึกเค้า การยอมแพ้ต่อความต้องการของเค้า ทำให้เค้าปฏิเสธซ้ำ ๆ และนั่นทำให้ยากขึ้นในการเปลี่ยนแปลงสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ

4. ต้องอดทนเมื่อเปลี่ยนจากอาหารเปียกเป็นอาหารเม็ด

การเปลี่ยนอาหารอาจมีความท้าทายมากขึ้น เมื่อเปลี่ยนจากอาหารเปียกเป็นอาหารเม็ด หากสุนัขของคุณยังคงต่อต้านการกินอาหารเม็ดให้ผสมในน้ำอุ่นเล็กน้อย คุณอาจต้องอุ่นอาหารเปียกในไมโครเวฟสักสองสามวินาที หากคุณผสมอาหารกับน้ำ อย่าลืมทิ้งเศษอาหารที่ยังไม่ได้กินหลังจาก 20 นาทีเพื่อป้องกันการเน่าเสีย กฎเดียวกันนี้สามารปรับใช้กับอาหารกระป๋องและอาหารซอง หลังจากที่สุนัขคุ้นเคยกับอาหารเปียกแล้ว คุณก็สามารถเปลี่ยนเค้าให้กินอาหารแห้งได้ การทำเช่นนี้ให้ทำตามคำแนะนำการผสมที่อธิบายไว้ข้างต้น

4 Tips for Changing Your Dog’s Diet
4 Tips for Changing Your Dog’s Diet
  • พรีไบโอติก และโปไบโอติกสำหรับสุนัข
    พรีไบโอติก และโปไบโอติกสำหรับสุนัข
    adp_description_block114
    พรีไบโอติก และโปไบโอติกสำหรับสุนัข

    • แบ่งปัน

    เมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพโดยรวมของสุนัข เรามักจะมองข้ามสุขภาพของลำไส้ แต่ความจริงแล้ว ลำไส้มีความสำคัญไม่แพ้อวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายเลย นี่ทำให้พรีไบโอติกและโปรไบโอติกเริ่มมีบทบาทมากขึ้น สองสิ่งนี้คือจุลินทรีย์ชนิดดีที่อาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหารของสุนัข มันช่วยเสริมการย่อยอาหาร ต่อสู้กับเชื้อโรค และเสริมระบบภูมิคุ้มกัน

     

    โปรไบโอติกคืออะไร?

    โปรไบโอติกมาจากคำภาษาละติน 'สำหรับ (pro)' และคำภาษากรีก 'ชีวิต (bio)' ซึ่งหมายถึง “สำหรับชีวิต” หรือ “ส่งเสริมชีวิต” โปรไบโอติกเป็นแบคทีเรียและยีสต์ชนิดดีซึ่งจำเป็นต่อสุขภาพของสุนัข มันช่วยฟื้นฟูและรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ในร่างกายของสุนัขมีโปรไบโอติกอยู่หลายชนิด แต่ชนิดที่พบได้บ่อยคือ

    • แลคโตบาซิลลัส เอซิโดฟิลลัส (Lactobacillus Acidophilus)
    • เอ็นเทอโรค็อคคัส ฟีเชียม (Enterococcus Faecium)
    • บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (Bifidobacterium Lactis)
    • แลคโตบาซิลลัส คาเซอิ (Lactobacillus Casei)
    • บิฟิโดแบคทีเรียม เบรเว (Bifidobacterium Breve)

    พรีไบโอติกคืออะไร?

    หลายคนอาจสับสนและคิดว่าพรีไบโอติกคือตัวยับยั้งโปรไบโอติก แต่ในความเป็นจริง ทั้งสองทำงานร่วมกัน พรีไบโอติกเป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงและส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียดีที่อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมการทำงานของโปรไบโอติก
     

    ประโยชน์ของโปรไบโอติก

    โปรไบโอติกเป็นส่วนผสมที่จำเป็นในอาหารสุนัข และมีประโยชน์มากมาย เช่น

    • ช่วยเสริมระบบย่อยอาหาร
    • เสริมระบบภูมิคุ้มกัน
    • ต่อสู้กับแบคทีเรียที่เป็นอันตราย
    • บรรเทาอาการต่าง ๆ เช่น อาการท้องเสียและลำไส้อักเสบ
    • ป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
    • ช่วยเสริมสมดุลของอารมณ์

    เราจะเสริมโปรไบติกให้สุนัขเมื่อความสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ผิดปกติ ซึ่งเกิดได้จากความเครียด การเปลี่ยนอาหาร หรือการใช้ยาปฏิชีวนะ โดยความผิดปกตินี้อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น อาหารไม่ย่อย

     

    โปรไบโอติกช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและท้องไส้ปั่นป่วนได้หรือไม่?

    โปรไบโอติกมีส่วนช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร ด้วยการควบคุมปริมาณและปรับสมดุลแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้

     

    นอกจากจะส่งเสริมสุขภาพระบบทางเดินอาหารแล้ว โปรไบโอติกยังช่วยลดปริมาณการใช้ยาปฏิชีวนะ รวมถึงลดระยะเวลาและความรุนแรงของอาการท้องเสีย ทั้งนี้ในปี 2009 มีผลการศึกษาจากประเทศไอร์แลนด์ โดยพบว่าการเสริม “บิฟิโดแบคทีเรียม อะนิมอลิสสายพันธุ์เฉพาะ” (Bifidobacterium Animalis) ช่วยให้อาการท้องเสียหายเร็วขึ้น จากเจ็ดเหลือเพียงสี่วันเท่านั้น

     

    ให้โปรไบโอติกลูกสุนัขได้หรือไม่?

    คำตอบคือได้ โปรไบโอติกช่วยปรับสมดุลและพัฒนาระบบนิเวศของแบคทีเรียในลำไส้ ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และลดการเกิดอาการท้องเสีย ท้องผูก รวมไปถึงการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร

     

    จำเป็นต้องปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนให้โปรไบโอติกสุนัขหรือไม่?

    จำเป็นมาก คุณควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนให้โปรไบโอติกหรือพรีไบโอติกสุนัขเสมอ เนื่องจากมีตัวเลือกมากมายในท้องตลาด แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะมีคุณภาพสูงและมีได้มาตรฐาน สัตวแพทย์สามารถแนะนำตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขของคุณได้ 

     

    ควรเลือกโปรไบโอติกให้สุนัขอย่างไร?

    เนื่องจากพ่อแม่สุนัขให้ความสำคัญกับสุขภาพระบบทางเดินอาหารของสุนัขมากขึ้น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโปรไบโอติกจึงมีบทบาทมากขึ้น ขอแนะนำไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ อาหารเสริมรูปแบบเม็ด มีเนื้อสัมผัสนุ่ม เคี้ยวง่าย ที่สำคัญคือมีส่วนผสมของพรีไบโอติกและโปรไบโอติกที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารมีสุขภาพดี

     

    อาการท้องเสีย ท้องผูก ท้องอืด หรืออาเจียน บ่งบอกถึงปัญหาในระบบทางเดินอาหาร หากน้องหมาของคุณมีอาการเหล่านี้ สามารถบรรเทาได้ด้วยการเสริมโปรไบโอติกที่มีบาซิลลัส ซับทิลิส (Bacillus Subtilis) และฟรุคโต โอลิโกแซคคาไรค์ (FOS) โปรไบโอติกทั้งสองชนิดจะช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ในอุจจาระ ลดการผลิตแอมโมเนียและกลิ่นอุจจาระ พร้อมทั้งเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้

     

    ประโยชน์ของโปรไบโอติกสำหรับสุนัขนั้นมีมากมาย ช่วยส่งเสริมสุขภาพระบบทางเดินอาหาร ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของสุนัข การเสริมโปรไบโอติกจะช่วยให้น้องหมาสุขภาพดีและมีความสุขมากขึ้น

Close modal