IAMS TH
Tips for Feeding Your Senior Cat
Tips for Feeding Your Senior Cat

adp_description_block48
คู่มือการให้อาหารน้องแมวสูงวัย

  • แบ่งปัน

เป็นที่รู้กันดีว่าแมวมีความเป็นตัวของตัวเองสูงและมีความสง่างามชวนให้หลงใหล เจ้าเหมียวขนฟูเหล่านี้มีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 12 – 18 ปี แมวที่มีอายุมากกว่า 3 ปีจะถือว่าเป็นแมวโตเต็มวัย และเมื่อมีอายุ 11 ปีขึ้นไปก็จะเข้าสู่ช่วงสูงวัย
 

พฤติกรรมหรือนิสัยการกินของแมวจะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุเช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ อย่างลูกแมวต้องการปริมาณอาหารมากกว่าเพื่อน เนื่องจากพวกเค้าต้องการพลังงานสูงและอยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต แมวโตเต็มวัยต้องการอาหารในปริมาณปานกลางเพื่อให้มีพลังงานเพียงพอต่อการทำกิจกรรมตลอดวัน ส่วนแมวสูงอายุมักจะมีความอยากอาหารน้อยลง เจ้าของจึงอาจต้องปรับเปลี่ยนสูตรอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการของพวกเค้า หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้อาหารแมวสูงวัย มาติดตามบทความนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย
 

ทำไมผู้เลี้ยงจึงควรใส่ใจกับการให้อาหารแมวสูงวัยมากเป็นพิเศษ?

พฤติกรรมการกินส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของแมวสูงวัย เจ้าของควรดูแลเอาใจใส่เกี่ยวกับโภชนาการกันให้มากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าน้องแมวจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณที่เหมาะสม
 

ผู้เลี้ยงควรทำความเข้าใจก่อนว่าแมวแต่ละช่วงวัยมีความต้องการทางโภชนาการแตกต่างกัน ลูกแมวควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสม แมวโตเต็มวัยควรได้รับการดูแลอย่างใส่ใจเพื่อป้องกันปัญหาน้ำหนักตัวเกิน และแมวสูงวัยควรได้รับการดูแลมากเป็นพิเศษเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง อาหารของพวกเค้าควรประกอบด้วยโปรตีนคุณภาพสูงและวิตามินอีเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและข้อต่อ
 

เมื่อน้องแมวมีอายุมากขึ้น การรับรสและการดมกลิ่นก็จะเสื่อมลง นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อปัญหาฟันเสื่อมสภาพซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการเคี้ยวอาหารด้วย เจ้าของสามารถทำตามคำแนะนำในการเลือกอาหารต่อไปนี้ เพื่อช่วยให้น้องแมวกินอาหารได้ดียิ่งขึ้น

  • เลือกอาหารที่มีชิ้นเล็ก
  • เลือกอาหารที่มีเนื้อสัมผัสอ่อนนุ่ม เคี้ยวง่าย
  • เลือกอาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบหลัก เพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติของอาหาร

เคล็ดลับง่าย ๆ ในการให้อาหารแมวสูงวัย

เนื่องจากแมวสูงวัยมีความอยากอาหารน้อยลง เจ้าของจึงต้องเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเพื่อให้แน่ใจว่าน้องแมวจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน หรืออาจทำตามเคล็ดลับเหล่านี้เพิ่มเติมด้วยก็ได้

  1. ให้อาหารน้อยลงแต่บ่อยขึ้น –

แม้ว่าน้องแมวสูงวัยจะอยากอาหารน้อยลง แต่พวกเค้ายังคงต้องการสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนหรือวิตามินที่จำเป็น สำหรับแมวสูงวัยที่มีสุขภาพแข็งแรง อาจให้อาหาร 3 – 4 ครั้งต่อวัน แต่หากพวกเค้ามีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร ควรให้อาหารอย่างน้อย 10 – 12 ครั้งต่อ

  1. เสิร์ฟอาหารอุณหภูมิห้อง –

แทนที่จะเสิร์ฟอาหารร้อนหรือเย็นเกินไป เจ้าของควรเสิร์ฟอาหารในอุณหภูมิห้องปกติ เนื่องจากประสาทสัมผัสของแมวสูงวัยไม่ได้ดีดังเดิม อาหารอุณหภูมิห้องจะช่วยให้พวกเค้ารับรสและกลิ่นของอาหารได้ดีขึ้น

  1. เลือกอาหารที่มีคุณภาพดี –

อาหารของแมวสูงวัยควรย่อยง่ายและมีสารอาหารที่สำคัญครบถ้วน เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุ
 

ช่วงวัยเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกอาหาร รวมถึงสภาวะสุขภาพ น้ำหนัก ความอยากอาหาร และรูปแบบการใช้ชีวิตของแมวด้วย แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อทำความเข้าใจข้อกำหนดด้านสุขภาพ การขาดสารอาหาร และโรคประจำตัวก่อนเลือกอาหารให้กับพวกเค้า

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการให้อาหารน้องแมวสูงวัย

  1. ควรให้อาหารแมวสูงวัยในปริมาณเท่าใด?
  2. แมวสูงวัยส่วนใหญ่ต้องการพลังงานประมาณ 280 – 360 แคลอรี่ต่อวัน แนะนำให้เลือกอาหารคุณภาพดี โดยพิจารณาจากน้ำหนัก สภาวะสุขภาพ และสารอาหารที่ต้องการ

  3. ควรให้อาหารแมวสูงวัยบ่อยแค่ไหน?
  4. ควรให้อาหารแมวสูงวัยในปริมาณเล็กน้อยแต่ให้บ่อยขึ้น อย่างน้อย 3 – 4 ครั้งต่อวัน หากพวกเค้ามีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร คุณควรให้อาหารปริมาณที่น้อยลงและแบ่งมื้ออาหารออกเป็น 10 – 12 ครั้งต่อวัน

  5. ควรเลือกสูตรอาหารสำหรับแมวสูงวัยโดยเฉพาะใช่หรือไม่?
  6. ใช่ คุณควรเลือกอาหารสูตรสำหรับแมวสูงวัยโดยเฉพาะ เนื่องจากได้รับการคิดค้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการทางโภชนาการของแมวในช่วงวัยนี้

  7. อาหารสูตรสำหรับแมวสูงวัยมีข้อดีอย่างไร?
  8. ข้อดีของอาหารสำหรับแมวสูงวัยมีดังต่อไปนี้

    • มีสารต้านอนุมูลอิสระมากขึ้น ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
    • มีไฟเบอร์สูงเพื่อเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร
    • มีวิตามินเพิ่มมากขึ้นเพื่อเสริมข้อต่อและกระดูกให้แข็งแรง

  9. แมวเข้าสู่ช่วงสูงวัยเมื่อมีอายุเท่าไหร่?
  10. แมวที่มีอายุมากกว่า 11 ปีถือเป็นแมวสูงวัย

  • cat article detail banner
    cat article detail banner mobile
    adp_description_block137
    การดูแลลูกแมวเบื้องต้น : ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลพลอยได้จากสัตว์ในอาหารแมว

    • แบ่งปัน

     

    ก่อนจะคิดว่า “By Product หรือผลพลอยได้จากสัตว์” ในอาหารแมวเป็นสิ่งไม่ดี เราขอชวนมาดูข้อเท็จจริงกันดีกว่า 

    ในการใช้งานทั่วไปนั้น ผลพลอยได้จากสัตว์ก็มีความหมายตามชื่อ นั่นคือ ผลผลิตที่ได้จากผลิตภัณฑ์อื่น ดังนั้น ผลพลอยได้จากสัตว์จึงไม่ได้มีคุณภาพต่ำ อย่างเช่น ขนมขิงคงมีหน้าตาพิลึกหากขาดกากน้ำตาลไป ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาล

    สำหรับอาหารแมวไอแอมส์™ อย่าง ไอแอมส์ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ นั้น ผลพลอยได้จากสัตว์คือ ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ โดยไม่ใช่ส่วนกล้ามเนื้อที่ชาวอเมริกันนิยมบริโภค ซึ่งมีความหมายครอบคลุมเฉพาะทางกายภาพของชิ้นส่วนสัตว์เท่านั้น ไม่ได้รวมถึงคุณค่าทางสารอาหาร

    แม้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่นิยมบริโภคผลพลอยได้จากสัตว์ แต่สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ ชิ้นส่วนเหล่านี้ (เช่น เครื่องใน) มีคุณค่าทางสารอาหารไม่ว่าจะเป็น กรดอะมิโน แร่ธาตุ และวิตามิน แถมยังอาจน่าทานกว่าเนื้อสัตว์เสียอีก

    นอกจากคุณประโยชน์ด้านโภชนาการแล้ว การใส่วัตถุดิบเหล่านี้ลงในอาหารสัตว์ยังช่วยลดปริมาณขยะและเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม เพราะนอกจากคนแล้ว อุตสาหกรรมปศุสัตว์จะได้ไม่ต้องเลี้ยงสัตว์เพิ่มเพื่อนำเนื้อมาผลิตอาหารสัตว์ด้วย การให้สัตว์เลี้ยงได้กินชิ้นส่วนที่มีสารอาหารเข้มข้นแถมยังอร่อย จะช่วยลดปริมาณของเสีย ทั้งยังเป็นการใช้สัตว์ทั้งตัวได้อย่างคุ้มค่า

    ทั้งนี้ ความสับสนและความไม่สบายใจที่ผู้บริโภคมีต่อผลพลอยได้จากสัตว์ มาจากกลยุทธ์ทางการตลาดของแบรนด์อาหารสัตว์บางแบรนด์ หรือจากชื่อที่ไม่น่าฟังว่า “ผลพลอยได้จากสัตว์” เอง

    ควรจำไว้เสมอว่า วัตถุดิบในอาหารสัตว์มีคุณภาพแตกต่างกันได้มาก โดยคุณภาพก็ไม่สามารถตรวจสอบได้จากรายชื่อวัตถุดิบเพียงอย่างเดียว ผลพลอยได้จากสัตว์แต่ละชนิดก็มีคุณภาพแตกต่างกันเช่นเดียวกับเนื้อสัตว์ ซึ่งท้องตลาดก็มีทั้งผลพลอยได้จากสัตว์คุณภาพดี เนื้อและเนื้อบด (หรือไก่บด หมูบด) คุณภาพต่ำวางจำหน่ายอยู่ไม่ต่างกัน

    เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่มาจากวัตถุดิบคุณภาพต่ำ ควรเลือกอาหารจากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงด้านคัดสรรวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์อย่างละเอียด มีนักโภชนาการมากประสบการณ์ประจำอยู่ พร้อมทั้งมีการทดสอบวิเคราะห์ เพื่อให้วัตถุดิบและสินค้าทุกชิ้นเป็นไปตามข้อมูลด้านโภชนาการที่ระบุไว้

     

Close modal