“ทำความเข้าใจว่ากรดลิโนเลอิก กรดไขมันโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ในอาหารแมวอย่าง ไอแอมส์™ โปรแอคทีฟ เฮลท์™ แมวโต รสดั้งเดิม และไก่ช่วยบำรุงสุขขนให้แมวคุณได้อย่างไร”
กรดลิโนเลอิกเป็นกรดไขมันโอเมก้า-6 ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยนิยมใช้เป็นวัตถุดิบของอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งพบได้ใน ข้าวโพด และไขมันไก่ กรดลิโนเอลิกเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อสุนัขและแมว
กรดไขมัน อยู่ในไขมันที่พบในอาหารโดยเกิดจากการรวมตัวของ คาร์บอน ไฮเดนเจน และออกซิเจนในสัดส่วนเฉพาะ กรดไขมันบางกลุ่ม อย่างเช่น โอเมก้า-3 (กรดไขมันที่มีพันธะคู่ระหว่างอะตอมคาร์บอนตำแหน่งที่ 3) และโอเมก้า-6 (กรดไขมันที่มีพันธะคู่ระหว่างอะตอมคาร์บอนตำแหน่งที่ 6) ก็มีความจำเป็นอย่างมากต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายแมว
พันธะคู่ระหว่างอะตอมคาร์บอนตำแหน่งที่ 6 จึงมีชื่อว่า กรดไขมันโอเมก้า-6 มีหน้าที่บำรุงรักษาผิวหนังและขน รวมถึงช่วยให้พัฒนาการเป็นปกติ ทำให้เนื้อเยื่อเซลล์มีโครงสร้างที่ถูกต้อง และดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน
กรดลิโนเลอิกเป็นกรดไขมันโอเมก้า-6 ที่สำคัญที่สุด เนื่องจากแมวไม่สามารถผลิตเองได้ ทั้งยังต้องใช้เพื่อผลิตกรดไขมันโอเมก้า-6 ชนิดอื่นอีกด้วย
นอกจากนี้แมวยังต้องการกรดอะราคิโดนิกด้วยเนื่องจากเป็นกรดที่ไม่สามารถผลิตจากกรดลิโนเลอิกได้
อาหารแมวส่วนใหญ่มีปริมาณกรดลิโนเลอิกเกินกว่าที่จำเป็นอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม งานวิจัยไอแอมส์พบว่า ไม่ใช่แค่ปริมาณเท่านั้นที่สำคัญ แต่สัดส่วนระหว่างโอเมก้า-6 และโอเมก้า-3 ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
สัดส่วนโอเมก้า-6 ต่อโอเมก้า-3 ที่ดีที่สุดเพื่อสุขภาพผิวหนังและขนที่แข็งแรงในสุนัขและแมวคือระหว่าง 5:1 และ 10:1 ดังนั้น กรดไขมันโอเมก้า-6 ทุก 5-10 หน่วยต้องมีโอเมก้า-3 อย่างน้อย 1 หน่วยเสมอ
การตอบคำถามนี้จำเป็นต้องศึกษาปัจจัยต่าง ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน แมวกินเนื้อสัตว์เป็นอาหารหลัก ดังนั้นจึงสามารถกินเนื้อดิบได้ แต่ไม่ใช่กับลูกแมว โดยเฉพาะลูกแมวที่มีอายุน้อยกว่า 3 – 4 สัปดาห์ เนื่องจากร่างกายยังไม่สามารถย่อยเนื้อดิบ หากคุณต้องการเพิ่มเนื้อดิบในอาหารของเจ้าเหมียว คุณควรทำความเข้าใจความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกันก่อน
หลายคนเชื่อว่าการให้เนื้อดิบแก่แมวหรือลูกแมวนั้นไม่เป็นอันตราย แต่ทางที่ดีคุณควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเสมอเพื่อความปลอดภัยของเจ้าเหมียว รวมถึงควรพิจารณาประเด็นดังต่อไปนี้ก่อนตัดสินใจให้แมวกินเนื้อดิบ
การกินเนื้อดิบเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตราย เช่น ซาลโมเนลล่าและเอสเชอริเชีย โคไล (อี. โคไล) โดยลูกแมวมักจะเสี่ยงต่อเชื้อโรคเหล่านี้มากเป็นพิเศษ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรง เพราะระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่
การให้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุลเป็นสิ่งสำคัญต่อความเป็นอยู่ที่ดีของแมว การกินเนื้อดิบโดยที่ไม่กำหนดปริมาณอย่างเหมาะสมอาจทำให้แมวขาดสารอาหารที่จำเป็นได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมและพัฒนาการ ควรให้แมวได้ทานอาหารอย่างอื่นนอกเหนือจากเนื้อสัตว์เพื่อรับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน
เนื้อดิบมักจะมีกระดูกชิ้นเล็ก ๆ ปะปนมาด้วย ซึ่งเศษกระดูกเหล่านี้อาจทำให้แมวเกิดอาการสำลักหรือบาดเจ็บภายในระบบทางเดินอาหารได้
หากคุณไม่พร้อมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการให้เนื้อดิบ คุณสามารถเลือกให้อาหารแมวสำเร็จรูปแทนได้ เพราะตรงกับความต้องการทางโภชนาการ และมีให้เลือกทั้งแบบเม็ดและแบบเปียก ถือเป็นตัวเลือกที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและปลอดภัยกว่าสำหรับแมว
อาหารเปียกมีความชื้นสูง ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำให้ร่างกายได้ดี เหมาะสำหรับลูกแมวที่ไม่ชอบกินน้ำหรืออาจได้รับน้ำไม่เพียงพอในแต่ละวัน อาหารเปียกส่วนใหญ่มักจะมาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องตักแบ่งให้วุ่นวาย นอกจากนี้ยังมีเนื้อนุ่ม เคี้ยวง่าย มีกลิ่นหอมและรสชาติที่หลากหลาย ซึ่งช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี
อาหารเม็ดเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี เพราะให้ง่าย สะดวก และดีต่อสุขภาพฟัน เนื้อสัมผัสกรุบกรอบเหมาะสำหรับการขัดฟัน จึงช่วยลดคราบพลัคและคราบหินปูนได้ อาหารเม็ดส่วนใหญ่มีราคาไม่แพง มักจะมาในปริมาณมาก จัดเก็บได้ง่ายและนาน นอกจากนี้อาหารเม็ดสำหรับลูกแมวยังได้รับการคิดค้นขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการทางโภชนาการเฉพาะสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการอีกด้วย
หากคุณกำลังมองหาตัวเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับเจ้าตัวน้อย เราขอแนะนำอาหารแมวไอแอมส์™ อาหารแมวเกรดพรีเมียมที่ได้รับการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบสนองความต้องการทางโภชนาการของแมวโดยเฉพาะ ทุกสูตรอาหารของเราทำด้วยความรักและความใส่ใจ มีรสชาติให้เลือกหลากหลาย เพื่อให้เจ้าเหมียวของคุณได้เอร็ดอร่อยกับอาหารทุกมื้อ
แนะนำให้สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีอาการเจ็บป่วย เช่น อาเจียน ท้องเสีย หรือเซื่องซึม ให้ติดต่อสัตวแพทย์ทันทีเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม ในบางกรณี การเฝ้าสังเกตที่บ้านอาจเพียงพอแล้ว แต่ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาในทันที คุณหมอจะประเมินความเสี่ยง แนะนำการรักษาที่จำเป็น และอาจให้ผู้เลี้ยงติดตามอาการต่อจนกว่าจะแน่ใจว่าลูกแมวฟื้นตัวดีแล้ว
“แมวกินเนื้อดิบได้ไหม?” เป็นคำถามที่ซับซ้อน จำเป็นต้องศึกษาและตรวจสอบอย่างรอบคอบ รวมถึงต้องพิจารณาจากอายุ สุขภาพโดยรวม และความต้องการทางโภชนาการของแมวด้วย หากต้องการให้แมวกินเนื้อดิบ คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ากำหนดปริมาณได้อย่างเหมาะสม แมวจะต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการ ที่สำคัญต้องสะอาดและถูกสุขอนามัยด้วย แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมเพิ่มเติม