หากคุณกำลังตัดสินใจระหว่างอาหารแมวแบบธรรมชาติทั้งหมด โฮลิสติก และแบบออร์แกนิคอยู่ เรามีเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณอาจยังไม่ทราบ ในปัจจุบันตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมีการผลักดันเทรนด์อาหาร “ธรรมชาติทั้งหมด” “โฮลิสติก” และ “ออร์แกนิค” ซึ่งยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ จึงมีคำถามเกิดขึ้นว่า “ธรรมชาติทั้งหมด” “โฮลิสติก” และ “ออร์แกนิค” นั้นมีประโยชน์จริง ๆ หรือไม่
AAFCO ให้ความหมาย “ธรรมชาติ” ว่า มาจากพืช สัตว์ หรือวัตถุดิบที่ขุดขึ้นเท่านั้น ไม่มีส่วนประกอบของสารปรุงรส หรือสารแปรรูปที่เกิดจากการสังเคราะห์ทางเคมี ยกเว้นในกรณีที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในกระบวนการผลิตอย่างสุจริต
ตีความอย่างง่ายว่า ความหมายนี้กล่าวถึงผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นตาม “ธรรมชาติ” หลายชนิดรวมถึง ยาสูบ หรือยาและสารที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ไม่มีข้อมูลบ่งชี้ว่า ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจาก “ธรรมชาติทั้งหมด” นี้มีประโยชน์ต่อลูกแมวของคุณ จึงควรมีหน่วยงานควบคุมหันมาศึกษาคุณประโยชน์ที่แท้จริงของสารจากธรรมชาติเหล่าทั้งหมดนี้ นอกจากนี้ต้องไม่ลืมว่า ในความหมายที่ระบุอยู่นั้นไม่ได้ยกเว้นผลพลอยได้จากพืชและสัตว์ เพราะนอกจากจะเป็นสารที่มาจาก “ธรรมชาติ” แล้วยังมีคุณค่าทางโภชนาการทั้งในอาหารคนและอาหารสัตว์
ไม่มีหน่วยงานควบคุมใดระบุหมายความของอาหารแมวแบบ “โฮลิสติก” ไว้ในหมู่หมวดอาหารอย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นสาระสำคัญเนื่องจากอาหารที่วางจำหน่ายในท้องตลาดทั้งหมดต้อง “ครบถ้วนและสมดุล” กับอายุ หรือระดับพลังงานที่เหมาะสมกับน้องหมาที่กำหนดไว้ หรือกล่าวง่าย ๆ ว่าต้องเป็นอาหารที่ “สมบูรณ์”
อาหารแมวที่ระบุว่าเป็นอาหารแมวแบบ “ออร์แกนิค” ได้นั้นต้องมีผู้รับรองที่รัฐบาลอนุมัติ ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบฟาร์มที่ปลูกอาหาร เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ปลูกปฏิบัติตามมาตรฐานของ USDA ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญยังคงถกเถียงกันอยู่ว่า อาหารแมวแบบออร์แกนิคมีความปลอดภัย หรือมีคุณค่าทางโภชนาการใด ๆ เพิ่มเติมกว่าปกติหรือไม่ นอกจากนี้ยังไม่มีกฎระเบียบที่ชัดเจนใด ๆ บังคับใช้กับอาหารแมวแบบออร์แกนิคอยู่เลย
ในปัจจุบันความหมายของอาหารแมวแบบ “ธรรมชาติทั้งหมด” “โฮลิสติก” และ “ออร์แกนิก” นั้นมีความคลุมเครืออยู่มาก ทำให้รัฐบาลต่าง ๆ และกลุ่มผู้บริโภคคอยเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งจะทำให้เกิดการให้ความรู้และความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับความหมายที่คำศัพท์ต่าง ๆ นี้ คุณจึงควรทำความเข้าใจกับคำศัพท์เหล่านี้ให้ดี
เราต่างก็รู้กันดีว่าแมวเป็นสัตว์รักอิสระ และมักจะใช้เวลาอยู่กับตัวเองเป็นส่วนใหญ่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเค้าไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลนะ เจ้าของควรใส่ใจดูแลพวกเค้าให้มีสุขภาพดีแข็งแรง หมั่นสังเกตพฤติกรรมที่ผิดแปลกไป อย่างในเรื่องการกิน ควรสังเกตว่าพวกเค้ากินอะไรบ้าง ปริมาณมากหรือน้อยเท่าใด นอกจากนี้เราอาจกำหนดตารางเวลาในการทำกิจวัตรประจำวันของพวกเค้าให้ชัดเจนเพื่อความง่ายต่อการดูแล และที่สำคัญที่สุดคือควรพาไปตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำ ทั้งนี้การดูแลแมวในช่วงโตเต็มวัยจะง่ายกว่าการดูแลลูกแมวแรกคลอด
เมื่อพาเจ้าเหมียวเข้าบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องทำถัดมาคือให้พวกเค้าทำความคุ้นเคยกับบ้านหลังใหม่ และเริ่มฝึกทักษะต่าง ๆ แม้การฝึกอาจดูเป็นเรื่องน่าเบื่อ เพราะต้องฝึกบ่อยครั้งและใช้ความอดทนค่อนข้างมาก แต่มันก็มีประโยชน์ไม่น้อยเลย ซึ่งการฝึกและดูแลเจ้าเหมียวขั้นพื้นฐานนั้น ครอบคลุมทั้งการเตรียมกระบะทราย การฝึกเข้าห้องน้ำ การทำหมัน และการปกป้องพวกเค้าจากอันตรายภายในบ้าน โดยเพื่อน ๆ ลองทำตามเคล็ดลับต่อไปนี้ดูได้เลย
การดูแลสุขภาพร่างกายของเจ้าเหมียวต้องมาก่อนเสมอ ถึงแม้ว่าพวกเค้าจะทำความสะอาดตัวเองได้ แต่ไม่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองนะ
หากคุณสังเกตพบว่าเจ้าเหมียวมีอาการผิดปกติ แม้จะเพียงเล็กน้อย ก็ควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด และเข้ารับรักษาได้อย่างทันท่วงที
“เราต้องดูแลเจ้าเหมียวอย่างไรบ้างนะ?” คงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจของทาสแมวมือใหม่หลาย ๆ คน เพราะแมวเป็นสัตว์ที่เดาใจและรับมือได้ยาก แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะนี่คือเคล็ดลับที่จะทำให้การดูแลเจ้าเหมียวสุดที่รักของคุณกลายเป็นเรื่องง่าย